NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 771 พ่อฉันคือหลอซ่า

บทที่ 771 พ่อฉันคือหลอซ่า

หลี่ฝางยิ้มเล็กน้อย สายตาส่องประกายเหยียบหยาม

เดิมทีนึกว่าผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางคนนี้หลังจากที่เสียเปรียบเมื่อครู่แล้ว น่ามีความคิดขึ้นมาได้บ้าง……

ใครจะไปรู้ว่า ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางคนนี้จะโง่เขลาได้ถึงเพียงนี้……

หลี่ฝางก้าวเท้าด้วยความว่องไว เข้ามาอยู่ตรงหน้าผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง จากนั้นก็ตบด้วยฝ่ามือเข้าไปอย่างแรง

ภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิด เงาร่างของหลี่ฝาง ราวกับภูตผีปีศาจ ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางรู้สึกแต่เพียงว่ามีลมพัดผ่านข้างกายไป แม้แต่เงาคนก็ยังไม่ได้เห็นเลย

เพียงแต่ว่า ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางรู้สึกถึงความเจ็บปวด แผ่ซ่านออกมาจากตรงบริเวณหน้าอก

เสียงดังแก๊กๆ…….

เสียงแผ่วเบาเล็กๆ ดังแว่วมาจากภายในร่างกายของผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง

ส่วนไอ้เด็กซนในเวลานี้กำลังหยิบบุหรี่หนึ่งมวนออกมา คาบอยู่ในปากของตัวเอง ก็ยังไม่ทันเห็นฉากนี้ เขากำลังจะหันหน้ากลับไปขอจุดไฟบุหรี่จากลูกน้องพอดี

หารู้ไม่ว่า ร่างของผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางนั้นลอยละลิ่วขึ้นมาทั้งตัว แล้วตกลงมายังไอ้เด็กซน

โชคดีที่ไอ้เด็กซนหลบได้ทัน จึงไม่ถูกทับ……

ไอ้เด็กซนมองดูผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง ถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “ไอ้บัดซบ เรื่องอะไรกันแน่?”

นี่แค่หันหลังกลับไปจุดบุหรี่ แกทำไมก็ล้มลงมาแล้วเหรอ?

ไอ้เด็กซนมองดูผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางอย่างไม่น่าเชื่อ ถามด้วยความประหลาดใจอย่างมาก แต่ว่าไม่ได้รับคำตอบจากผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง เพราะว่าตอนนี้ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางนั้น เอ็นกระดูกหลายเส้นถูกหลี่ฝางตบด้วยฝ่ามือจนแตกหักไปหมด

ตอนนี้ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางนั้น เจ็บปวดไปทั่วร่างจนพูดอะไรไม่ออก

ส่วนไอ้เด็กซนมองหน้าหลี่ฝาง ปากคาบบุหรี่ไว้พูดอย่างเย็นชาว่า “แม้ง ไอ้เด็กเวรแกใช้ท่าเพลงอะไรกันแน่?”

หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร ก้าวเท้าเดินข้ามไปหา ส่วนไอ้เด็กซนก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไร อย่างน้อย เขารู้จักหลี่ฝางจนทะลุปรุโปร่งแล้ว “รนหาที่ตายเหรอ? ฮ่าๆ งั้นฉันก็ส่งเสริมให้แกแล้วกัน”

ไอ้เด็กซนเคยสืบหาข้อมูลของหลี่ฝางมาก่อน ตั้งแต่ตอนที่หลี่ฝางยังอยู่มัธยมแล้ว ก็ได้ติดตามเขามาโดยตลอด

พูดได้เลยว่า การกระทำของหลี่ฝางทุกย่างก้าวก็อยู่ในสายตาของไอ้เด็กซนตลอดมา

แล้วตอนนี้ ไอ้เด็กซนจะไปเกรงกลัวหลี่ฝางได้อย่างไรกันล่ะ?

ทั้งสองคนต่างพุ่งเข้าหากัน เพียงแค่การประมือกันปกติธรรมดา แต่ใบหน้าของไอ้เด็กซน ก็เริ่มเปลี่ยนสีทันที

ไอ้เด็กซนเดิมทียังมีความมั่นใจล้นเหลือ นึกว่าฝ่ามือของตัวเอง สามารถตบหลี่ฝางให้ล้มลงกับพื้นได้ ทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก

แต่ว่าหารู้ไม่ว่า ฝ่ามือของตัวเอง ไม่เพียงแต่หลี่ฝางจะหลบหลีกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย

อีกทั้งมือทั้งสองข้างของตัวเอง ตอนนี้ยังไม่หยุดสั่นเลย

ไอ้เด็กซนกลืนน้ำลายเฮือก นี่มันเหมือนเห็นผีเลย

“แกเป็นหลี่ฝางจริงหรือเปล่า?” มองดูหลี่ฝาง ไอ้เด็กซนถามอย่างเยือกเย็นว่า “ทำไมไม่เห็นหน้าแค่ไม่กี่วัน แกก็เปลี่ยนเป็นเก่งกาจขนาดนี้เลยหรือ?”

ไอ้เด็กซนไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้หลี่ฝาง เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง

หลี่ฝางไม่ได้ตอบ ก้าวเท้าดีดตัวขึ้น มุ่งไปตรงหน้าของไอ้เด็กซน กระโดดขึ้นมาเตะไปหนึ่งที ไอ้เด็กซนใช้แขนทั้งสองข้างกันเอาไว้ แต่ว่าไม่สามารถป้องกันไว้ได้

การจู่โจมของหลี่ฝาง มันแข็งแกร่งเกินไป

การเตะของหลี่ฝางครั้งนี้ ทำให้ร่างของไอ้เด็กซนกระเด็นออกไปหลายเมตร ไอ้เด็กซนตกลงบนพื้นอย่างแรง บริเวณหน้าอกสะท้านไปหมด

“ท่านจวนอยู่ไหน?”

หลี่ฝางมองหน้าไอ้เด็กซน แล้วถามอย่างเย็นชา

หลี่ฝางมองดูไอ้เด็กซนอย่างผู้ชนะ แล้วพูดว่า “บอกฉันมาว่า ท่านจวนอยู่ไหน ฉันอาจจะปล่อยแกไปก็ได้”

“ฉันไม่บอกแกหรอก”

ไอ้เด็กซนพูดอย่างเยือกเย็น ใบหน้าแสดงถึงความเด็ดเดี่ยว

หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “ดี มีอุดมการณ์แน่วแน่ ฉันชื่นชอบความแน่วแน่ในอุดมการณ์ของแก เอาอย่างนี้ไหม มาอยู่กับฉันดีกว่าไหม?”

“แกฝันไปเถอะ”

ไอ้เด็กซนพูดอย่างเย็นชา สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น หลี่ฝางหัวเราะ “ฉันก็แค่พูดเล่นเท่านั้นเอง เศษสวะอย่างแก ต่อให้มายกน้ำล้างเท้าให้ฉัน ฉันก็ยังรู้สึกว่าแกยังไม่คู่ควรเลย แล้วเป็นไปได้ยังไงที่จะรับแกไว้ล่ะ?”

“ในเมื่อแกไม่ยอมบอกฉันว่าท่านจวนอยู่ไหน ถ้างั้น แกก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วสิ”

หลี่ฝางยกขาขึ้นมา เตะไปยังก้านคอของไอ้เด็กซนอย่างแรง

เสียงดังแก๊ก ศีรษะของไอ้เด็กซนก็หมุนรอบคอ หลับตาตายแน่นิ่งไปเลย

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องของไอ้เด็กซน หรือว่าผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางพวกนั้นก็ตาม ต่างก็ตื่นตกใจกับการกระทำของหลี่ฝาง ที่เมื่อพูดจาฟังไม่เข้าหูก็สังหารคนทันที

นี่มันไม่ใช่พฤติกรรมของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

ความโหดเหี้ยมเช่นนี้ มันเหมือนคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตในยุทธภพอย่างไม่ต้องสงสัย

หลี่ฝางเดินมาตรงหน้าผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง มองหน้าผู้ชายที่ใส่เสื้อลายพรางแล้วถามว่า “ฉันถามแกหน่อย ท่านจวนอยู่ไหน?”

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางมองดูหลี่ฝางด้วยสีหน้าหวาดกลัว แล้วส่ายหัว

ได้เห็นฉากการตายของไอ้เด็กซนก่อนหน้านี้เป็นตัวอย่างแล้ว เขาย่อมไม่กล้าที่จะพูดโกหกแน่นอน เพียงแต่ว่า เขาไม่รู้ว่าท่านจวนอยู่ที่ไหนจริงๆ อย่างน้อย คนอย่างท่านจวนคนนี้ ล่องลอยการเคลื่อนไหวแปลกประหลาดมาโดยตลอด โดยปกติแล้ว ก็มีไอ้เด็กซนที่คอยดูแลปรนนิบัติเขาอยู่เพียงคนเดียว

ก่อนหน้านั้น ท่านจวนก็เข้าออกในวิลล่าจูเซียน มาโดยตลอด แต่ตอนนี้วิลล่าจูเซียนถูกปิดไปแล้ว ดังนั้น ท่านจวนก็ไม่น่าจะอยู่ที่นั่นแล้ว

“ฉันไม่รู้จริงๆ” ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางมองไปยังหลี่ฝาง ส่ายหัวด้วยความหวาดผวา ถ้าเขารู้ เขาจะต้องบอกหลี่ฝางอย่างแน่นอน อย่างน้อย เขาก็ยังไม่อยากตาย

ส่วนหลี่ฝางก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “ฉันเชื่อแก แต่ว่า สำหรับเศษสวะที่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างเลย ฉันจะเอาไว้ทำซากอะไรล่ะ?” พูดจบ หลี่ฝางก็ยกขาขึ้นมาอีกครั้ง เตะไปที่ก้านคอของผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง

หลังจากที่สังหารคนไปติดต่อกันสองคนแล้ว หลี่ฝางก็ค่อยๆสงบลงมา

ทันใดนั้น หลี่ฝางรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากทีเดียว

นาทีนี้เอง หลี่ฝางก็เข้าใจแล้วว่า การดัดแปลงพันธุกรรมของตัวเอง ประสบความสำเร็จอย่างมาก

ตัวเองสามารถกลายเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง เปี่ยมไปด้วยพละกำลังอันมหาศาล

แต่ว่า หลี่ฝางยังไม่รู้จักการใช้ประโยชน์จากพละกำลังพวกนี้เลย

ในเวลานี้เอง มีรถคันหนึ่ง ขับตรงเข้ามาจากทางไกล มีผู้ชายใส่ชุดขาวคนหนึ่ง เดินลงมาจากรถ

“ชายน้อยล่ะ?”

คนนี้ก็คือคุณหมอถัง เขามีความสัมพันธ์อันดีกับไอ้เด็กซน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไอ้เด็กซน ได้อาศัยคุณหมอถัง ทำกำไรจากการค้าที่สกปรกไม่น้อยทีเดียว

แน่นอนที่คุณหมอถังคนนี้ ก็ได้อาศัยไอ้เด็กซน ร่ำรวยขึ้นมาเช่นกัน

หลี่ฝางหรี่ตามองเขาแล้วถามว่า “แกเป็นใคร?”

“ฉันแซ่ถัง เป็นหมอคนหนึ่ง แต่ว่าฉันไม่ได้ทำแล้ว ลาออกแล้ว แฮๆ ชายน้อยโทรศัพท์เรียกฉันมา บอกว่าที่นี่มีไตจำนวนมหาศาล ต้องการขายให้ฉัน” คุณหมอถังมองไปยังหลี่ฝางแล้วถามว่า “แล้วคนพวกนั้นล่ะ?”

คุณหมอถังมองเห็นผู้คนจำนวนมากมายเช่นนี้ เขาก็มั่นใจแล้วว่า ตัวเองน่าจะมาไม่ผิดที่แน่นอน

หลี่ฝางชี้ไปยังคนของไอ้เด็กซน แล้วพูดว่า “พวกนี้ไง”

“พวกเขาเหรอ?”

คุณหมอถังหัวเราะแล้วพูดอย่างเคอะเขินว่า “อย่าพูดล้อเล่นไปสิ คนพวกนี้ ฉันเคยเห็นแล้วทั้งนั้น พวกเขาเป็นคนของชายน้อย ต่อให้ฉันคนแซ่ถังคนนี้ใจกล้าขนาดไหน ก็ไม่กล้าลงมือกับคนของชายน้อยหรอกนะ”

หลี่ฝางหัวเราะตาม มองหน้าคุณหมอถัง แล้วพูดว่า “แกจะมาหาไอ้เด็กซนใช่ไหมล่ะ?”

หลี่ฝางรู้ว่า ชายน้อยที่คุณหมอถังคนนี้เอ่ยปากพูดถึงนั้น ต้องหมายถึงไอ้เด็กซนอย่างแน่นอน หลี่ฝางโบกมือ ไอ้เด็กซนก็ถูกหามเข้ามา ส่วนคุณหมอถังเมื่อเห็นไอ้เด็กซนตายไปแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดขึ้นมาทันที ก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใจ

“ในเมื่อชายน้อยตายไปแล้ว งั้นฉันก็ขอไปก่อนนะ”

คนฉลาดอย่างคุณหมอถัง เมื่อเห็นเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล

เรื่องราวในยุทธภพนั้น พลิกผันแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อกี้ไอ้เด็กซนโทรศัพท์มาหาเขาตอนนั้นเป็นอีกสถานการณ์หนึ่ง แต่ตอนนี้ก็กลายเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งไปแล้ว

คุณหมอถังรู้ดีว่า ไอ้เด็กซนตายไปแล้ว ส่วนคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ก็ย่อมต้องเป็นฝ่ายชนะ

แต่ว่าคุณหมอถังกำลังหันหลังกลับ ก็ถูกคนขวางไว้แล้ว

หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณหมอถัง แกอย่ามาเสียเที่ยวเลย ฉันได้ข่าวมาว่า ก่อนหน้านั้นแกร่วมมือกับไอ้เด็กซน เงินกำไรที่หามาได้ แบ่งกันห้าสิบห้าสิบ ยังไงล่ะ ตอนนี้ไอ้เด็กซนตายแล้ว คุณหมอถังไม่คิดที่จะหาเงินอีกแล้วเหรอ?”

คุณหมอถังยิ้มอย่างเคอะเขิน

หลี่ฝางพูดต่อไปว่า “หาเงินกับใครก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ เป็นไงล่ะ แกร่วมมือกับไอ้เด็กซนได้ แล้วทำไมจะร่วมมือกับฉันไม่ได้ล่ะ?”

คุณหมอถังพยักหน้า แล้วพูดว่า “ยังไม่ทราบเลยว่า คุณชายท่านนี้ ท่านคือ?”

“ฉันชื่อหลี่ฝาง” หลี่ฝางพูด

ในหน้าคุณหมอถังเต็มไปด้วยความสงสัย แน่นอนเขาไม่รู้หรอกว่าหลี่ฝางคือใคร หลี่ฝางขมวดคิ้วมองหน้าคุณหมอถังแล้วพูดต่อไปว่า “ถ้าแกไม่รู้จักว่าฉันเป็นใคร งั้นฉันบอกแกก็ได้ว่าพ่อฉันเป็นใคร”

“พ่อฉันชื่อหลอซ่า ฉันคิดว่าคนนี้ แกน่าจะรู้จักไม่ใช่เหรอ?”

หลี่ฝางพูดอย่างเรียบๆ

ทันใดนั้น คุณหมอถังก็สะดุ้งไปทั้งตัว ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างมาก เขามองดูหลี่ฝางด้วยความหวาดผวา “คุณก็คือลูกชายคนนั้นของหลอซ่าเหรอ?”

คุณหมอถังกลืนน้ำลาย แล้วพูดว่า “ได้ ฉันตกลงร่วมมือกับคุณ”

“แล้วแบ่งกันยังไงล่ะ?”

คุณหมอถังถาม

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท