NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 773 การสู้รบจริงเกิดขึ้นแล้ว

บทที่ 773 การสู้รบจริงเกิดขึ้นแล้ว

ลุงเฉียนขมวดคิ้ว ลุกขึ้นนั่งจากเก้าอี้เอนหลัง ถามโหจื่อด้วยท่าทีเยือกเย็นและหนักแน่น ว่า “ใครกันที่กล้าหาญชาญชัยขนาดนี้?”

สถานตากอากาศ ถือเป็นถิ่นบ้านเก่าของตระกูลหลี่เชียวนะ

ส่วนตอนนี้ ประตูทางเข้าของสถานตากอากาศถูกคนวางระเบิดแล้ว ก็พูดได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามเตรียมพร้อมที่จะมาถล่มบ้านตระกูลหลี่ให้ราบคาบอย่างแน่นอน

หลอซ่ายังไม่ตาย ใครมีความกล้าหาญชาญชัยได้ถึงเพียงนี้?

“ตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัดเลย” โหจื่อส่ายหน้า “แต่ว่า ฉันคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนสี่ตระกูลใหญ่”

ใบหน้าของลุงเฉียน ไม่โกรธแต่กลับหัวเราะ

“ตงฟางซั่วเฒ่าสุนัขจิ้งจอกนั้น สุดท้ายก็อดรนทนไม่ไหว ต้องโผล่หัวออกมาแล้วเหรอ?” ใบหน้าของลุงเฉียน แสดงรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมออกมา

ลุงเฉียนก้าวเดินออกไป แล้วพูดว่า “ไป ไปรับมือกับพวกเขา”

สีหน้าของลุงเฉียน กลับไม่ร้อนรนอะไร แต่ใบหน้าโหจื่อนั้น กลับแสดงถึงความหวาดผวาออกมา

อย่างน้อย สี่ตระกูลใหญ่นี้ก็กล้าที่จะมาระเบิดประตูทางเข้าของสถานตากอากาศแล้ว แสดงว่าพวกเขาได้เลือกตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว

คราวนี้เป้าหมายของสี่ตระกูลใหญ่ จะต้องจัดการสถานตากอากาศให้ราบเป็นหน้ากลองอย่างแน่นอน

ลุงเฉียนนำหลี่ฝางและโหจื่อ มาถึงหน้าประตูทางเข้าของสถานตากอากาศ

ตอนนี้ประตูด้านนอกทางเข้าของสถานตากอากาศ เต็มไปด้วยเศษดินเศษหินกระจัดกระจายเต็มไปหมด

ส่วนเศษหินพวกนี้ ก็ล้วนเป็นเศษซากระเบิดที่เกิดจากแรงระเบิดทั้งนั้น

เดิมทีเป็นรูปปั้นมังกรตัวหนึ่ง แต่ว่ามังกรตัวนี้ตอนนี้ กลับกลายเป็นเศษซากหินไปแล้ว……

ราคาค่าก่อสร้างมังกรยักษ์ตัวนี้ก็ไม่ใช่น้อยเลย แต่ว่าใบหน้าของลุงเฉียน กลับไม่ได้แสดงความเสียดายแม้แต่นิดเดียว ลุงเฉียนเพียงแต่มองดูทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แล้วพูดว่า “ถ้าลูกพี่ใหญ่ยังอยู่ ใครจะกล้าเข้ามาท้าทายถึงหน้าประตูอย่างนี้ล่ะ?”

“ลุงเฉียน พวกเขามากันเยอะมาก” โหจื่อเงี่ยหูตั้งใจฟัง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนจำนวนไม่น้อย

“ใช่สิ ถ้าคนของพวกเขามีน้อย พวกเขาจะกล้ามาเหรอ?”

ลุงเฉียนพยักหน้า สีหน้ายังคงเรียบเฉย “ไปกันเถอะ ออกไปต้อนรับพวกเขาหน่อย”

เมื่อเดินออกมาถึงนอกสถานตากอากาศแล้ว ด้านนอก ก็พบศพหลายศพนอนเรียงรายอยู่

มองดูคนพวกนี้แล้ว สีหน้าของลุงเขียนก็รู้สึกหดหู่……..

นี่เป็นคนของสถานตากอากาศ โดยปกติแล้ว พวกเขารับผิดชอบเฝ้าเวรยามอยู่หน้าปากประตูทางเข้าสถานตากอากาศ ถึงแม้พวกเขาไม่ใช่ยอดฝีมือ แต่ฝีมือก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

ลักษณะการตายของพวกเขา น่าอนาถมาก แต่ร่างกายและกระดูก กลับยังอยู่ครบถ้วน

นี่แสดงว่า พวกเขาไม่ใช่ถูกระเบิดตาย แต่ว่าถูกฆ่าตาย

ด้านหน้าของสถานตากอากาศ เป็นสถานที่เงียบสงบ ไม่ค่อยเห็นผู้คนมากมายนัก มีเพียงแต่รถไม่กี่คัน จอดเรียงรายอยู่ทางนั้น

ลุงเฉียนมองไปด้านหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จะไม่ยอมลงมาเจรจากันหน่อยเหรอ?”

เมื่อสิ้นเสียงลุงเฉียนลง ทันใดนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งกระโดดออกมาจากด้านหลังของพวกหลี่ฝาง คนพวกนี้ล้วนแต่พกมีดมาทั้งนั้น

พวกเขาสวมใส่ชุดสีดำ กลมกลืนไปกับความมืดในยามค่ำคืน เป็นการพรางตัวได้อย่างแยบยล

การอำพรางตัวของพวกเขานั้น ยังสามารถรอดพ้นสายตาโหจื่อและลุงเฉียนไปได้…….

ตอนนี้ ประสาทหูของหลี่ฝางรับรู้ได้ไวมาก ต่อให้ลมหายใจแผ่วเบาที่อยู่ข้างหลังตัวเอง ตัวเองก็จะรับรู้ได้อย่างชัดเจน

แต่ว่าคนเหล่านี้ กลับไม่ได้แสดงจุดอ่อนออกมาแม้แต่นิดเดียว นี่ก็แสดงว่า ก่อนที่พวกหลี่ฝางและลุงเฉียนจะออกมาจนถึงตอนนี้ คนเหล่านี้ก็ได้กั้นลมหายใจเอาไว้แล้ว

โหจื่อยิ้มแล้วพูดว่า “นักฆ่ามืออาชีพ เหรอ?”

โหจื่อพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อถึงกับจ้างนักฆ่ามืออาชีพ ไม่รู้เหมือนกันว่า ชีวิตฉันในสายตาพวกเขา จะมีราคาค่างวดเท่าไหร่กันเชียว?”

ลุงเฉียนไม่ได้ขยับ หลี่ฝางกำลังจะขยับตัว แต่ถูกลุงเฉียนจับแขนเอาไว้ “มอบให้โหจื่อจัดการจะดีกว่านะ”

โหจื่อเอียงตัวหลบไปปรากฏอยู่ข้างหลังของนักฆ่ามืออาชีพ ไม่ทันที่นักฆ่ามืออาชีพคนนี้จะหันหน้ามา โหจื่อก็ยิ้มอย่างดูถูก พูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมว่า “ความเร็วช้าเกินไป”

พูดพลางโหจื่อใช้มือล็อกคอของนักฆ่าคนนี้ไว้ จากนั้นมือทั้งสองก็ออกแรงบิดคอของนักฆ่าคนนั้นจนหักไปทันที

ส่วนนักฆ่าคนอื่น เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ต่างก็มุ่งตรงไปยังโหจื่อ

พวกเขารู้ว่า โหจื่อเป็นคนที่จัดการยุ่งยากมาก แต่ว่าพวกเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะถดถอย อย่างน้อย เป็นถึงนักฆ่ามืออาชีพ สิ่งที่พวกเขาถนัด ก็คือวิธีการฆ่าคน

มีคนจำนวนมากมายที่มีวรยุทธ์สูงกว่าพวกเขา แต่ล้วนต้องตายด้วยวิธีการร่วมมือสังหารหมู่ของพวกเขา

ผลงานการสู้รบของพวกเขา ก็นับว่าเป็นที่สะเทือนขวัญ

นี่คือองค์กรนักฆ่ามืออาชีพที่จัดตั้งขึ้นครั้งแรกภายในประเทศ มีชื่อว่า เซราฟิม ส่วนพวกเขากลุ่มนี้ ก็ล้วนเป็นนักฆ่าระดับต้นๆของเซราฟิม

คนพวกนี้ได้รับการฝึกฝนความเป็นมืออาชีพอย่างแข็งแกร่ง นอกเสียจากว่าฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วล่ะก็ พวกเขาจะไม่หลบหนีเอาตัวรอด กลับจะหาวิธีให้ถึงที่สุด เพื่อบรรลุเป้าหมายให้สำเร็จ

เพียงแต่ว่า พวกเขาดูถูกโหจื่อมากเกินไป

สำหรับการเป็นนักฆ่ามืออาชีพแล้ว โหจื่อยิ่งมีความเป็นมืออาชีพมากกว่าพวกเขาเสียอีก

ใบหน้าของโหจื่อ ส่องประกายความโหดเหี้ยมออกมา หลังจากที่เขาได้มีดจากมือของนักฆ่าคนที่เพิ่งถูกฆ่าตายแล้ว จากนั้นก็บุกขึ้นไป

“คิดจะโอบล้อมฉันไว้เหรอ?”

โหจื่อหัวเราะ นักฆ่าทั้งสี่คนแยกย้ายเข้ามาหาตรงหน้าโหจื่อทั้งสี่ด้าน แน่นอนที่คิดจะล้อมโหจื่อไว้ จากนั้นก็ลงมือพร้อมกัน

เพราะว่าพวกเขาเข้าใจดีว่า โหจื่อจู่โจมเพียงครั้งเดียวก็สามารถฆ่าพรรคพวกตัวเองได้แล้ว หากสู้กันตัวต่อตัว พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

ดังนั้น พวกเขาต้องการแผนการรบที่แน่นอน เพียงแต่ว่าแผนการรบนี้ยังไม่ทันสำเร็จ โหจื่อก็รู้ทันแล้ว

โหจื่อรีบลงมือ หลังจากที่ประมือกับนักฆ่าฝ่ายตรงข้ามหลายคราแล้ว ก็สามารถที่จะ ปาดคอหอยของฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ

ประกายไฟสาดส่องมาจากทางด้านตะวันตก นักฆ่าคนที่อยู่ทางด้านตะวันตก ยังไม่ทันระวังตัว ก็ถูกโหจื่อสังหารเรียบร้อยแล้ว

ท่าทางของโหจื่อคล่องแคล่วว่องไวมาก ไม่มีการลังเลแม้แต่นิดเดียว เขาสามารถจู่โจมเพื่อไม่ให้โอกาสฝ่ายตรงข้ามร่วมมือกันได้ พวกนักฆ่ามืออาชีพพวกนี้ ในสายตาของหลี่ฝางแล้ว ก็รู้สึกยุ่งยากลำบากเหมือนกัน

ถึงแม้จะประมือขึ้นมา หลี่ฝางรู้สึกว่า ตัวเองอาจจะไม่แพ้ก็ได้ แต่ว่าอย่างน้อยคนพวกนี้ล้วนเป็นนักฆ่าทั้งนั้น มีประสบการณ์ในการฝึกฝนมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว และยังมีทักษะในการสังหารคนอีกมากมายด้วย

เด็กอ่อนหัดอย่างหลี่ฝาง ในด้านนี้ ดูเหมือนว่าจะล้าหลังไปมากเลย

เมื่อสังหารนักฆ่าคนที่สามแล้ว ที่เหลืออีกสองคนก็เริ่มร่วมมือกัน ท่าทางของพวกเขาหนักแน่นมาก ดูเหมือนว่าพวกเขารู้แล้วว่า ต่อให้ทั้งสองคนก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโหจื่ออย่างแน่นอน

ส่วนในเวลานี้เอง หลี่ฝางคิดๆแล้วก็ชักมีดออกมา แล้ววิ่งตรงเข้าไป

ลุงเฉียนคิดจะห้ามไว้ แต่ว่าห้ามไม่ทันเสียแล้ว

ขณะนี้ ความเร็วของหลี่ฝางเกินกว่าที่ลุงเฉียนจะต้านไว้แล้ว ลุงเฉียนมองดูหลี่ฝาง ใบหน้าแสดงความเหลือเชื่อออกมา ความเร็วขนาดนี้ เกรงว่ายังเร็วกว่าโหจื่อเสียอีก

แต่ว่า ในใจของลุงเฉียน ก็ยังเป็นห่วงหลี่ฝางมากกว่า อย่างน้อยฝ่ายตรงข้ามก็เป็นถึงนักฆ่ามืออาชีพ คนพวกนี้ถนัดที่สุด ก็คือการฆ่าคน แค่ไม่ระวังตัวเพียงนิดเดียว ฝ่ายตรงข้ามก็สามารถเอาชีวิตตัวเองได้แล้ว

หลังจากที่หลี่ฝางบุกเข้าไปแล้ว โหจื่อก็ตกใจเล็กน้อย พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “คุณชาย ฉันคนเดียวก็จัดการได้แล้วนะ”

“ฉันรู้แล้ว แต่ฉันขาดโอกาสในการฝึกฝนลงสู้รบในสนามจริง ดังนั้น ฉันก็คิดอยากจะฝึกซ้อมมือกับพวกเขาเท่านั้นเอง” หลี่ฝางพูดอย่างเรียบๆ

เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว นักฆ่าทั้งสองคนที่อยู่ตรงข้าม ดูเหมือนรู้สึกถูกหยามหน้าอย่างรุนแรง อย่างน้อย หลี่ฝางไอ้เด็กกะโปโลคนนี้ พูดจาคุยโวโอ้อวดใหญ่โตขนาดนั้น มันเป็นเรื่องที่น่าโมโหอย่างยิ่ง

อะไรที่เรียกว่าเอาพวกเขามาฝึกซ้อมมือ ถ้างั้นก็หมายความว่า เอาพวกเขามาเป็นเด็กคู่ซ้อมเหรอไง?

นี่มันดูถูกคนเกินไปแล้ว นักฆ่าสองคนนี้ต่างมองตากันแล้ว ตัดสินใจทำสิ่งเดียวกัน นั่นก็คือ ลงมือฆ่าหลี่ฝางก่อน สำหรับโหจื่อนั้น ก็วางเขาไว้ก่อน

ในตำราพิชัยสงครามแล้ว นี่ก็คือลงมือทำลายจุดที่อ่อนสุดก่อน

ในไม่ช้า นักฆ่าสองคนนี้ก็บุกเข้ามาพร้อมกัน อีกทั้งต่างก็ยังมุ่งตรงไปยังหลี่ฝาง

หลี่ฝางมองดูนักฆ่าสองคนนั้น ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “โหจื่อพูดไม่ผิดเลย ความเร็วของพวกแก มันช้าไปจริงๆนะ”

หลี่ฝางพูดจบ ก็กระโดดขึ้นมาสูงลิบ จากนั้นก็หลบตัวแวบมาอยู่ข้างหลังของพวกเขา ช่วงเวลาที่พวกเขาหันหลังกลับนั่นเอง หลี่ฝางก็ใช้มีดปาดเข้าไปทันที

เสียงฉีกขาดดังขึ้น เสื้อผ้าของทั้งสองคนนั้น ก็ถูกมีดกรีดขาด อีกทั้งยังมีรอยเลือดติดออกมาด้วย

ถ้าหากหลี่ฝางเข้าไปใกล้กว่านี้อีกนิดเดียว นักฆ่าทั้งสองคนนั้นอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว

การลงมือของหลี่ฝาง ด้านความแม่นยำนั้นยังอ่อนไปเล็กน้อย โหจื่อทางนั้นก็ไม่ได้อยู่เฉย เขาบุกเข้าไปถึงตัวนักฆ่าคนหนึ่ง แล้วชกหมัดออกไปอย่างแรง นักฆ่าคนนั้นก็ถูกชกกระเด็นห่างออกไปหลายเมตร ส่วนนกฆ่าที่เหลืออีกคนนั้น สีหน้าเปลี่ยนเป็นร้อนรนมากขึ้น

ตอนนี้ เขาคนเดียวต้องเผชิญหน้ากับสองคน อีกทั้งสองคนนี้ก็ล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งนั้น

เขามาเพื่อจะฆ่าคนแท้ๆ แต่ว่าเขากลับถูกต้อนจนมุมเสียเอง เวลานี้นักฆ่าคนนี้กลายเป็นสุนัขจนตรอกไปแล้ว เขาอยากหนีเอาตัวรอด แต่กลับพบว่าตัวเองไม่มีทางหนีออกไปได้เลย

โหจื่อตบมือ มองหน้าหลี่ฝางแล้วพูดว่า “คุณชาย คนนี้มอบให้คุณชายแล้วกันนะ”

หลี่ฝางพยักหน้า กระโดดตัวพุ่งเข้าไป ส่วนนักฆ่าคนนี้ก็ไม่กล้ารีรอ รีบเข้ามาตั้งรับไว้ แต่ว่าเขาเพิ่งจะชักมีดออกมา ก็พบว่ามือของเขาถูกหลี่ฝางจับเอาไว้แล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท