NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 774 คนที่เคยเป็นคนตายมาก่อน

บทที่ 774 คนที่เคยเป็นคนตายมาก่อน

นักฆ่าคนนี้ตกตะลึงตาค้าง ความเร็วขนาดนี้สามารถที่จะจับแขนของตัวเองไว้ได้ แต่ว่าด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน ไม่ได้ทำให้เขาตกอยู่ในความหวาดผวาเลย เขากลับคืนสู่สภาพปกติได้อย่างรวดเร็ว ฝ่ามือแบออก มีดก็หลุดจากมือตกลงมา ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ไปรับมีดเอาไว้ จากนั้นก็ฟันไปยังหลี่ฝาง

หลี่ฝางหลบพ้นไปได้

หลี่ฝางหรี่ตายิ้มเล็กน้อย มองดูนักฆ่าคนนั้นแล้วยิ้มอย่างเหยียดหยาม

จากนั้นหลี่ฝางก็เก็บมีดในมือเอาไว้ นักฆ่าคนนี้ยิ้มอย่างเยือกเย็น “ความทะนงตัว ย่อมต้องแลกกับบทเรียนที่ล้ำค่า”

นักฆ่าคนนี้รู้ว่าหลี่ฝางกำลังจะทำอะไร นั่นคือสังหารเขาด้วยมือเปล่านั้นเอง

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในสนามรบ ก็คือการประมาทคู่ต่อสู้

ตอนนี้หลี่ฝางดูเหมือนว่าจะฝ่าฝืนกฎข้อนี้เสียแล้ว

หลี่ฝางยิ้มเล็กน้อย แล้วโบกมือให้กับนักฆ่าคนนี้ ส่วนนักฆ่าคนนี้ก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้น แล้วก็แสดงบทซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง หลี่ฝางจับแขนของเขาไว้ ส่วนครั้งนี้ มีดของเขาก็หลุดมือตกลงมาอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนหลี่ฝางยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว แย่งเอามีดของเขามาได้ ทันใดนั้น หลี่ฝางก็รู้สึกว่ามีอายเย็นผ่านเข้ามาปะทะตัว นักฆ่าคนนี้ชักมีดอีกด้ามในแขนเสื้อของเขาออกมา แล้วใช้มีดนั้นฟันเข้าไป ในระหว่างที่มีดเฉียดผ่านไปนั้น หลี่ฝางรู้สึกขนหัวลุกไปทั่วทั้งตัว

เพราะว่าหากถูกมีดแทงแล้ว งั้นชีวิตของเขาก็ต้องจบลงอย่างแน่นอน

ในนาทีนี้เอง หลี่ฝางรู้สึกประสาทตื่นตัวขึ้นมาทันที ได้ยินเสียงปั้งดังลั่นขึ้น กระสุนลูกหนึ่งเร็วกว่ามีดของนักฆ่าคนนั้นนิดเดียว

โหจื่อลงมือแล้ว ยิงปืนนัดเดียวถูกมีดในมือของนักฆ่าหลุดมือออกไป

หลี่ฝางรอดพ้นจากอันตรายอย่างราบรื่น จากนั้น หลี่ฝางก็ไม่ได้ยื้อต่อไปอีก แต่กลับใช้มีดในมือของตัวเอง แทงเข้าไปยังร่างของนักฆ่าคนนั้น

ในใจของหลี่ฝางรู้สึกสับสนมาก ภายใต้ความโชคดีก็รู้สึกตำหนิตัวเอง เมื่อกี้ตัวเองเกือบตายอยู่ด้วยน้ำมือของเขาแล้ว ส่วนใบหน้าของลุงเฉียนนั้น ดูเหมือนสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

พวกนักฆ่าเหล่านั้น หลังจากที่ถูกฆ่าตายหมดแล้ว รถยนต์ที่จอดอยู่ไม่กี่คันนั้นก็ค่อยๆขับเคลื่อน มุ่งมายังทิศทางของหลี่ฝาง แล้ววิ่งชนเข้ามาทันที ส่วนโหจื่อก็รีบชักปืนขึ้นมา เล็งไปที่ตำแหน่งคนขับรถคันนั้น

แต่ว่า รถของคนพวกนี้ ล้วนติดตั้งกระจกกันกระสุนทั้งนั้น

เมื่อเห็นรถขับเคลื่อนเข้ามาใกล้ประชิดตัว เป้าหมายของพวกเขา ก็คือให้หลี่ฝางถูกรถชนตาย ส่วนโหจื่อก็ย้ายตำแหน่งปากกระบอกปืนเปลี่ยนจากที่คนขับ ไปยังยางล้อรถของพวกเขา

ปั้งปั้งๆเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด กระสุนของโหจื่อก็ยิงจนหมดแล้ว ส่วนยางล้อรถของพวกนี้ก็ถูกยิงแตกหมดแล้ว

รถยนต์หยุดเคลื่อนที่แล้ว คนที่อยู่บนรถก็ลงมาจากรถทั้งหมด

เมื่อคนพวกนี้ลงมารถแล้ว ใบหน้าของลุงเฉียนก็เปลี่ยนสีทันที

ลุงเฉียนมองดูคนพวกนี้ สีหน้าสับสน “ทำไมถึงเป็นพวกแกได้?”

ไม่เพียงแต่ลุงเฉียน แม้แต่สีหน้าของโหจื่อ ก็ยังแสดงอาการเหลือเชื่อออกมาให้เห็น

พวกคนเหล่านี้ ล้วนเป็นเพื่อนเก่าแก่ของลุงเฉียนทั้งนั้น

ตอนนั้น พวกเขาอยู่กับท่านจวน ร่วมมือร่วมใจกับหลอซ่า ช่วยท่านจวนก่อร่างสร้างตัว ขยายอาณาจักรขึ้นมาได้

แต่ว่าเมื่อสามปีก่อน สี่ตระกูลใหญ่ลงมือทำร้ายหลอซ่าและกดดันท่านจวน ทั้งสี่คนนี้ก็ถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว

ตอนนั้น ลุงเฉียนยังไปร่วมพิธีงานศพของพวกคนเหล่านี้เลย แต่ว่าตอนนี้ พวกเขากลับยืนตัวเป็นๆอยู่ตรงหน้าตัวเอง

หรือจะเห็นผีแล้ว?

เหตุการณ์ตรงหน้านี้ เหลือเชื่ออะไรขนาดนั้น แต่ว่าลุงเฉียนเข้าใจดีว่า คนพวกนี้ ไม่ใช่ผีแน่นอน แต่เป็นคนเป็นๆทั้งนั้น

“สี่ผู้พิทักษ์เหรอ?”

โหจื่อมองดูสี่คนนี้ ด้วยท่าทีที่เยือกเย็น “ที่แท้พวกแกยังไม่ตาย”

ตอนนั้นโหจื่อตั้งชื่อแบบโง่ๆให้พวกสี่คนนี้ นั่นก็คือสี่ผู้พิทักษ์ เพราะว่าพวกเขาสี่คนนี้ ตอนนั้นได้ติดตามดูแลใกล้ชิดอยู่เคียงข้างท่านจวนอย่างไม่ห่างสายตา คอยปกป้องคุ้มครองท่านจวนมาโดยตลอด

การปรากฏตัวของพวกเขา ไม่เพียงแต่ทำให้โหจื่อและลุงเฉียนตกตะลึง แล้วก็ยังเปิดโปงผู้ร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังในครั้งนี้……

วันนี้สถานตากอากาศถูกระเบิด ไม่ใช่คนของสี่ตระกูลใหญ่ แต่กลับเป็นท่านจวนต่างหาก

หนึ่งในคนพวกนั้นมองดูลุงเฉียนแล้วยิ้ม “เจ้าเฉียน ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ แต่แกดูเหมือนหนุ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนเสียอีก”

“จางหลง แกยังไม่ตายจริงเหรอ?”

ลุงเฉียนขมวดคิ้ว “ตอนนั้น แกนอนอยู่ในโลง ก็ไม่มีชีพจรและลมหายใจแล้วนี่”

ลุงเฉียนจำได้แม่นยำว่า สามคนที่เหลือ อาจจะสามารถแกล้งตายได้ แต่คนที่ชื่อว่าจางหลงคนนี้ ลุงเฉียนเคยจับชีพจรเขามาก่อน

อย่างน้อย ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่างจางหลงและลุงเฉียนนั้น สนิทกันมากที่สุด และมักจะดื่มเหล้าด้วยกันเสมอ

จางหลงหัวเราะ “ตอนนั้นฉันตายไปแล้วจริงๆ แต่ว่าตอนหลัง มีคนช่วยให้ฉันฟื้นขึ้นมาได้”

“ตอนแรก พวกเราทั้งหมด ได้กินยาชนิดหนึ่ง ยาชนิดนี้หลังจากดื่มกินแล้ว ก็จะเข้าสู่สภาวะไร้วิญญาณ ต่อให้เป็นหมอก็ตรวจหาไม่พบ เพียงแค่ภายใน24ชั่วโมง ก็มีคนมาทำการฝังเข็มให้พวกเรา พวกเราก็สามารถที่จะฟื้นคืนชีพมาได้แล้ว” จางหลงพูดอย่างเปิดเผย

ความจริงของเรื่องนี้ ดูเหมือนลุงเฉียนรู้สึกยากที่จะยอมรับได้ ลุงเฉียนมองดูจางหลงแล้วถามว่า “พวกแกทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วย?”

“ง่ายมาก พวกเราแค่ไม่อยากจะร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกแกเท่านั้นเอง” จางหลงพูด

ลุงเฉียนจำได้อย่างชัดเจนว่า ที่การท่านจวนเลือกที่จะอำลาวงการเป็นเพราะว่าการสูญเสียสี่ผู้พิทักษ์พวกนี้

หลังจากที่สี่คนนี้ตายแล้ว สภาพจิตใจของท่านจวน เปลี่ยนแปลงไปแย่ลงมาก และในเวลานั้นเอง ท่านจวนก็ถือโอกาสอ้างเหตุผลนี้ บอกว่าเบื่อหน่ายการรบราฆ่าฟันในยุทธภพแล้ว จึงต้องการที่จะหลบซ่อนตัวไม่ยุ่งกับโลกภายนอกอีกต่อไป

ส่วนหลอซ่านั้น ด้วยความจำเป็น จึงต้องแบกรับภาระไว้แต่เพียงคนเดียว

ลุงเฉียนขมวดคิ้ว มองดูจางหลง “พวกแกแกล้งตาย เป็นแผนการของท่านจวนใช่ไหม?”

จางหลงไม่ได้พูดอะไร เป็นการยอมรับการคาดเดาของลุงเฉียน ลุงเฉียนขมวดคิ้วแน่นมากขึ้นกว่าเดิม มองดูจางหลง แล้วถามอย่างไม่เข้าใจว่า “เพราะอะไร? ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วย? ตอนนั้นพวกเรารักใคร่เหมือนพี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นท่านจวน หรือว่ากับพวกแก พวกเราไม่เคยทำผิดอะไรเลย พวกแก……”

ถ้าหากว่าสี่ผู้พิทักษ์นี้ไม่ได้แกล้งตาย ถ้าหากว่าท่านจวนไม่ได้ถอนตัวออกจากวงการแล้วละก็ ตอนนั้นผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนั้น ก็สามารถที่จะพลิกผันกลับมาได้

การหนีตายเมื่อสามปีก่อน ก็จะไม่เกิดขึ้น ส่วนคนที่ตายอย่างอนาถในระหว่างการหลบหนีพวกนั้น ก็ไม่ต้องเสียสละชีวิตตัวเองแล้ว

ลุงเฉียนกัดฟันมองหน้าจางหลง “เพราะอะไรกัน?”

“ตอนนั้นพวกเรา มีเพียงลูกพี่ใหญ่แค่คนเดียวเท่านั้น ก็คือท่านจวน แต่ว่าคนอย่างพวกแกพวกนี้ ถึงแม้ว่าปากก็เรียกท่านจวนเป็นลูกพี่ใหญ่ แต่ความจริงแล้ว ในใจพวกแก ก็ยอมรับเพียงแค่คนเดียว นั่นก็คือหลอซ่า มีหลายครั้งที่ท่านจวนออกคำสั่งพวกแก แต่ไม่ได้รับการตอบสนองที่ดี มีเพียงคำพูดของหลอซ่าเท่านั้น พวกแกจึงจะเชื่อฟัง นี่ก็คือเหตุผลหนึ่งที่พวกเราต้องแกล้งตาย”

จางหลงพูดว่า “พวกเราเกิดความแตกแยกตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่า พวกแกไม่ได้สังเกตเท่านั้นเอง ถึงแม้หลอซ่าไม่ได้คิดคดทรยศก็จริง แต่กลับเต็มเปี่ยมด้วยพละกำลังพร้อมที่จะต่อต้าน แกลองคิดทบทวนให้ดี พวกเราแผ่ขยายถึงสุดท้ายแล้ว ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุด ถึงแม้ทุกคนรู้ว่าท่านจวนเป็นลูกพี่ใหญ่ที่แท้จริงก็ตาม แต่ว่าคนที่เขานับถือศรัทธาจริงๆ กลับคือหลอซ่า ขอเพียงให้หลอซ่าพูดเพียงคำเดียว พวกเขาก็สามารถที่จะสังหารท่านจวนได้แล้ว”

“ดังนั้นท่านจวนจึงเกรงกลัวเหรอ?”

ลุงเฉียนถามอย่างเรียบๆ

จางหลงพยักหน้าแล้วพูดว่า “พวกแก แข็งแกร่งเกินไปแล้ว”

“ดังนั้น เมื่อสามปีก่อนที่พวกเราถูกคนไล่ล่า ความจริงแล้ว ไม่ใช่เพราะว่าพวกเรามีอิทธิพลต่อผลประโยชน์ของสี่ตระกูลใหญ่ แต่เป็นเพราะว่าท่านจวนวางแผนอยู่เบื้องหลัง ใช่ไหม?” ลุงเฉียนถามพลางขมวดคิ้ว

จางหลงไม่ได้พูดอะไร “อันนี้ฉันไม่รู้เรื่อง”

“ท่านจวนล่ะ เขามาด้วยหรือเปล่า ฉันอยากจะพบเขา จะถามเขาด้วยตัวเอง” ลุงเฉียนพูด ส่วนจางหลงส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ท่านจวนไม่ได้มา ฐานะอย่างแกยังไม่คู่ควรที่จะพบท่านจวน ถ้าหลอซ่ากลับมาแล้ว ท่านจวนอาจจะมาด้วยตัวเองสักครั้งก็ได้”

“เป้าหมายของพวกแกที่มาคืออะไร?” ลุงเฉียนหัวเราะ “ฆ่าพวกเรา ใช่ไหม?”

“ส่งท่านลู่คืนมา แล้วเอาลูกชายของหลอซ่ามาให้พวกเรา พวกเราก็จะไว้ชีวิตแกไป” จางหลงพูด จงใจเลือกที่จะมองข้ามโหจื่อไป โหจื่อขมวดคิ้ว มองหน้าจางหลงพูดอย่างไม่พอใจว่า “อะไรกันนี่ ฉันยังมีชีวิตตัวเป็นๆยืนอยู่ตรงนี้ มองไม่เห็นเหรอไง? หรือว่าตาบอดกันแน่?”

“ฉันยังจำได้เมื่อก่อน แกยังเรียกฉันว่าพี่หลงเลย” จางหลงพูดพลางมองหน้าโหจื่อ

โหจื่อแสยะยิ้ม “ใช่สิ ตอนนั้นฉันยังไม่ได้เป็นอะไรเลย แกก็เป็นผู้พิทักษ์แล้ว แต่ว่าตอนนี้ แกก็เป็นแค่ไอ้งั่ง แต่ฉันเป็นถึงท่านโหแล้ว ต่อให้เจ้านายแกท่านจวนเมื่อเห็นฉันแล้ว ยังต้องเคารพนอบน้อมเลย”

“รนหาที่ตาย ฉันจะสั่งสอนแกก่อน”

สายตาของจางหลงส่องประกายความโหดร้าย หลังจากที่เขาพูดจบแล้ว ก็กระโดดเข้าไปเพื่อจะจับโหจื่อ

“เมื่อสามปีก่อน ฉันกลัวแก แต่สามปีให้หลัง แกควรจะกลัวฉันแล้ว”

โหจื่อแสยะยิ้ม สายตาเปล่งประกายรัศมีเจิดจ้า

ทันใดนั้น ภายในตัวของโหจื่อก็ระเบิดพลังมหาศาลที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา เขาตรงเข้าไปขวางระหว่างทางของจางหลงเอาไว้

ส่วนอีกสามคนนั้น หวางเชา เฉินเสี่ยว ยังมีหม่าเฟิง ต่างก็ยืนอยู่ทางนั้นไม่ขยับเขยื้อนเลยมองดูสองคนนี้ต่อสู้กัน พวกเขาเลือกที่จะไม่เข้าไปช่วยเลย เป็นเพราะว่าพวกเขารู้สึกว่าโหจื่อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางหลงอย่างแน่นอน

หลังจากที่หวางเชามองดูสักครู่แล้วขมวดคิ้วทันที “นึกไม่ถึงเลยว่า โหจื่อไอ้หมอนี่ ก้าวหน้าได้เร็วขนาดนี้ ยังจำได้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว เขาไม่เคยที่จะได้เข้าใกล้ตัวของเสี่ยวหลงได้เลย”

สามปีที่แล้ว โหจื่อในสายตาของสี่ผู้พิทักษ์นี้ เป็นเพียงแค่มดตัวน้อยนิดที่มีชีวิตเท่านั้น แต่ว่าพละกำลังโหจื่อที่ระเบิดออกมาจากตอนนั้น ทำให้พวกเขาจะต้องไตร่ตรองดูใหม่แล้ว

ส่วนเฉินเสี่ยวแสดงสีหน้าที่เป็นห่วง “เกรงว่าเสี่ยวหลงจะแพ้ให้กับโหจื่อสิ”

“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร ถึงแม้โหจื่อจะล้ำหน้าไปไกลก็จริง แต่คิดจะล้ำหน้าเกินเสี่ยวหลง มันเป็นไปไม่ได้หรอก? เสี่ยวหลงฝึกวรยุทธ์มานานเท่าไหร่แล้วล่ะ ต่อให้โหจื่อฝึกฝนมาก็ไม่น่าเกินสามปีเท่านั้นเอง” หวางเชาไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

ตอนนี้โหจื่อ สู้กับจางหลงดูเหมือนว่าจะเสมอกัน แต่ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญก็จะดูออกได้ว่า แท้จริงแล้วโหจื่อเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมาก

เพราะว่าลมหายใจของโหจื่อ รักษาระดับอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ได้แสดงล่องลอยที่สับสนปรากฏให้เห็น ส่วนจางหลงเวลานี้ ไม่เพียงแต่ลมหายใจสับสน อีกทั้ง วิธีการต่อสู้ก็ยังแสดงช่องโหว่ออกมาให้เห็นอีกด้วย

โหจื่อนิ่งเฉยมาก รักษาจังหวะการย่างก้าวสม่ำเสมอ หลี่ฝางรู้สึกว่า ดูเหมือนโหจื่อกำลังซ่อนเร้นพละกำลังของตัวเองเอาไว้

ทันใดนั้น โหจื่อใช้พลังฝ่ามือตบลงไปยังหน้าอกของจางหลง จนทำให้จางหลงถึงกับกระอักเลือดออกมา

หลังจากกระอักเลือดสดออกมาแล้ว จางหลงก็ถอยหลังไปหลายก้าว ส่วนเฉินเสี่ยวกำลังเตรียมพร้อมที่จะบุกเข้าไปนั้น โหจื่ออ้าปากกว้าง แล้วซัดด้วยพลังฝ่ามืออย่างต่อเนื่อง ตบลงไปตรงหน้าอกของจางหลงอีกครั้งหนึ่ง

เพียงแต่ฝ่ามือที่ฟาดไปครั้งนี้ โหจื่อแทบจะใช้พละกำลังทั้งหมดในตัว ทำให้หน้าอกของจางหลงเกิดเป็นหลุมใหญ่ปรากฏขึ้นมา

หลุมที่ปรากฏขึ้นมานี้ ทำให้ใบหน้าของลงเฉียน แสดงถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนออกมา

จางหลงเคยเป็นหนึ่งในเพื่อนที่สนิทที่สุดของลงเฉียน ตอนนั้นที่จางหลงแกล้งตาย ลุงเฉียนเศร้าโศกเสียใจมาก เขายังเคยเข้าพิธีเฝ้าหน้าโลงศพให้กับจางหลงหนึ่งวัน แต่ว่านึกไม่ถึงเลยว่า การตายของจางหลงครั้งนั้น ที่แท้ก็เป็นแผนการที่ชั่วช้า

แต่ในครั้งนี้ พลังตบฝ่ามือของโหจื่อนี้ ทำให้จางหลงไม่มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน

เฉินเสี่ยวขมวดคิ้ว ซัดไปยังไหล่ของโหจื่อหนึ่งที ทำให้เขาถอยหลังไปหลายก้าว หลังจากที่เฉินเสี่ยวพยุงร่างของจางหลงไว้นั้น จางหลงก็ไม่มีลมหายใจแล้ว ตายอย่างที่ไม่สามารถจะตายได้อีกครั้งแล้ว

“แกใช้เล่ห์กลตุกติก”

เฉินเสี่ยวรู้ว่า ถ้าหากโหจื่อเริ่มใช้พลังเต็มที่ตั้งแต่แรกแล้ว จางหลงก็ไม่ต้องตายในเงื้อมมือของเขาแล้ว แต่ว่าก็ยังคงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

โหจื่อซ่อนเร้นพลังที่แท้จริงของตัวเองตั้งแต่แรก เป้าหมายก็คือทำให้จางหลงคิดว่าตัวเองสามารถเอาชนะได้ หลังจากที่จางหลงสู้จนอ่อนล้าแล้ว ขณะที่เผยจุดอ่อนออกมานั้น โหจื่อจึงระเบิดพลังทั้งหมดของตัวเองออกมาทันที จู่โจมจัดการจางหลงให้อยู่หมัดเลยทีเดียว

โหจื่อยิ้มเล็กน้อย มองดูเฉินเสี่ยวเแล้วพูดว่า “แกมันโง่หรือไง นั่นคือเล่ห์กลเหรอ? นั่นเรียกว่าถ่อมตัวเข้าใจไหม? ถ้าฉันใช้พลังหมดตั้งแต่แรกเริ่ม แกว่าจางหลงจะโกรธขนาดไหน บุกโจมตีจนเขาไม่สามารถมีแรงที่จะต้านทานได้ ทำให้เขาถอยหลังพ่ายแพ้ยับเยิน แกว่าความหยิ่งทะนงในใจของเขาจะต้องถูกทำลายขนาดไหน อาจไม่แน่จะทำให้เกิดความซึมเศร้าก็ได้”

“เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก่อนที่เขาจะตาย ฉันไม่ได้ทำให้เขาขายหน้ามากจนมากเกินไป” โหจื่อแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “เฉินเสี่ยว คนต่อไปที่ต้องตาย ก็ถึงตาแกแล้ว”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท