NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 776 แกเลือกเอาเองเถอะ

บทที่ 776 แกเลือกเอาเองเถอะ

คำพูดของโหจื่อ ทำให้ใจของเฉินเสี่ยว สั่นสะท้านขึ้นมาทันที

ดูไปแล้ว โหจื่อก็กำลังจะถูกตัวเองฆ่าตายแล้ว แต่ว่า คนที่ความตายมาเยือนถึงที่อย่างโหจื่อนั้น ทำไมถึงพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ล่ะ?

เป็นการยอมรับโชคชะตาเหรอ? หรือว่ามีความหมายอื่นแอบแฝงอยู่?

เฉินเสี่ยวมองดูท่าทีชอบกลของโหจื่อ ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที และในเวลานี้เอง ในปากของโหจื่อก็คายบางสิ่งที่เหมือนถุงพลาสติกออกมา

“ถุงเลือด?”

เฉินเสี่ยวมองดูของที่อยู่บนพื้น เบิ่งตากลมโตขึ้นมาทันที

โหจื่อหัวเราะ ทันใดนั้นในมือก็มีมีดสั้นปรากฏขึ้น ในขณะที่เฉินเสี่ยวกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น มีดสั้นในมือโหจื่อก็ปาดออกไปทันควัน ถึงแม้เฉินเสี่ยวหลบพ้นไปได้หลายครั้งหลายหนก็ตาม แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ถูกมีดบาดเข้าคอหอยจนได้

เฉินเสี่ยวนึกไม่ถึงเลยว่า ความเร็วของโหจื่อนั้นจะไวถึงขั้นนี้แล้ว

อีกทั้ง มีดในมือของโหจื่อนั้น ราวกับลอยมาจากอากาศ

เลือดสาดกระจายแดงเต็มหน้าของโหจื่อ

เฉินเสี่ยวกดคอหอยของตัวเองไว้ทันที ส่วนใบหน้าของโหจื่อนั้น ก็ปรากฏรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม “ทุกคนที่ออกมาหากิน สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องการรักษาคำพูด บอกแล้วว่าคนที่ตายต่อไปเป็นแก งั้นคนที่ฉันจะฆ่าเป็นคนต่อไป ก็คือแกแน่นอน”

“แก……แกเลวทรามต่ำช้ามาก” เฉินเสี่ยวพูดพลางมองดูโหจื่อด้วยสีหน้าที่สิ้นหวัง

ใครจะคิดว่า โหจื่อจะเลวทรามต่ำช้าได้ถึงขั้นนี้เชียวเหรอ?

เมื่อกี้ตอนที่สู้กับจางหลงนั้น โหจื่อต่อสู้ด้วยความหนักแน่น ซ่อนเร้นพละกำลังของตัวเองไว้ รอให้จางหลงเผยจุดอ่อนออกมา จึงได้สังหารเขาภายในชั่ววินาที

แต่ว่า เฉินเสี่ยวคิดว่า เมื่อกี้โหจื่อก็ได้แสดงพละกำลังที่แท้จริงของตัวเองออกมาจนหมดแล้ว

แต่หารู้ไม่ว่า โหจื่อก็ยังคงแอบซ่อนพละกำลังที่แท้จริงของตัวเองอยู่ รวมทั้งเมื่อครู่ที่ต่อสู้กับตัวเอง เขาก็ยังคงแอบซ่อนอยู่

วินาทีนี้ สีหน้าของเฉินเสี่ยว นอกจากไม่อยากจะเชื่อแล้วยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อีก

ต่อให้ต่อสู้ด้วยความยุติธรรมก็ตาม เฉินเสี่ยวรู้สึกว่า ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจที่จะเอาชนะได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังตกหลุมพรางของโหจื่ออีกด้วย?

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โหจื่อได้ใส่ถุงเลือดไว้ในปากของตัวเอง

ถุงเลือดพวกนี้ ก็คือคนที่ถ่ายภาพยนตร์เหล่านั้น เมื่อถูกทำร้ายจนกระอักเลือด ในปากก็อมถุงเลือดนี้ไว้ก่อนแล้ว

ใครจะไปคิดว่า ในปากของโหจื่อ ก็ได้แอบซ่อนถุงเลือดนี้ไว้ก่อนแล้ว

นั่นมันเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ แต่นี่มันคือการต่อสู้กันที่แท้จริง

แม้กระทั่งหลี่ฝางก็ยังนึกไม่ถึง หลี่ฝางในขณะนี้ทั้งดีใจและโมโห ดีใจที่โหจื่อได้ชัยชนะ แต่โกรธที่โหจื่อไอ้หมอนี่ โกหกตัวเองอีกแล้ว

เมื่อครู่ที่ผ่านมา ทำให้หลี่ฝางเป็นห่วงแทบตาย

โหจื่อแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันตัดเส้นเลือดใหญ่ของแกขาดแล้ว ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้วล่ะ”

ตอนนี้ ในมือของเฉินเสี่ยวเต็มไปด้วยเลือด ในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็ขาวซีดขึ้นมา

เลวทรามต่ำช้าเหรอ?

โหจื่อต่ำช้าจริงๆ วิธีสกปรกอะไรก็เกือบจะเอามาใช้จนหมดแล้ว

เฉินเสี่ยวและจางหลง ก็ล้วนตายในเงื้อมมือของโหจื่อ

นี่ทำให้สีหน้าของหม่าเฟิง โกรธจนระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ พี่น้องของเขาสามคน ตายไป

แล้วสองคน ความรู้สึกเหมือนสูญเสียญาติพี่น้องเช่นนี้ มากพอที่จะทำให้หม่าเฟิง เกิดบ้าคลั่งขึ้นมาได้

หม่าเฟิงไม่ได้พูดอะไรไร้สาระทั้งสิ้น พุ่งตัวออกไป กำหมัดไว้แน่นแล้วชกไปยังโหจื่อ

ส่วนโหจื่อดูเหมือนก็รู้ว่าหม่าเฟิงจะแอบลอบทำร้ายตัวเอง เขารีบจับมีดสั้นขึ้นมา มุ่งหน้าเข้าไปตั้งรับ

โหจื่อในเวลานี้ จะไม่ออมแรงอีกแล้ว เพราะว่าหม่าเฟิงที่อยู่ตรงหน้านั้น พละกำลังแข็งแกร่งเหลือล้น

ถ้าหากยังออมแรงเอาไว้อีกละก็ เช่นนั้นแล้ว คนที่ตายก็ต้องเป็นตัวเองอย่างแน่นอน

หวางเชามาถึงตรงหน้าเฉินเสี่ยว หลังจากที่ประคองร่างเขาไว้แล้ว ใบหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกเจ็บปวด “พี่รอง พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“เสี่ยวเชา ฉันไม่ไหวแล้ว วันหลังอาซ้อรองก็ต้องไหว้วานให้แกช่วยดูแลด้วยนะ หรือไม่ก็ให้เงินเธอไปก้อนหนึ่ง แล้วส่งเธอไปที่อื่น” เฉินเสี่ยวพูดจบ ร่างก็อ่อนพับลงไปทันที

ดวงตาของเฉินเสี่ยวหรี่ลง ก็ยังมีลมหายใจเฮือกสุดท้าย แต่ว่าเขาก็ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว

ส่วนหวางเชาในเวลานี้ กอดร่างของเฉินเสี่ยว มองไปยังท้องฟ้า แล้วร้องไห้โหเสียงดังออกมา

เสียงร้องที่โหยหวนน่าสังเวชนี้ ทำให้ผู้คนได้ยินแล้วรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัว

“ฉันจะฆ่าพวกแก”

หวางเชามองดูลุงเฉียน และหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

ลุงเฉียนมองหน้าหวางเชา แล้วพูดว่า “แกคิดว่าแกสามารถฆ่าพวกเราได้งั้นเหรอ?”

ในสายตาของลุงเฉียน แอบแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน

“ถึงแม้พวกแกจะเก่งกาจก็จริง แต่ว่าถ้าเปรียบเทียบกับคนที่อยู่เบื้องหลังในสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ก็ไม่สามารถที่จะเทียบกันได้เลย แม้แต่พวกเขาพวกเรายังไม่กลัวเลย แกนึกว่า พวกเราจะกลัวพวกแกเหรอ? ท่านจวนนี้ก็น่าขำดีนะ ส่งพวกแกแค่สี่คน ก็จะมาถล่มสถานตากอากาศของพวกเราแล้ว มันเป็นการส่งพวกแกมารนหาที่ตายชัดๆ”

ลุงเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

ใบหน้าของลุงเฉียน ก็ไม่เคยกังวลอะไรเลยตั้งแต่แรก

“เจ้าเฉียน ฉันจะฆ่าแกก่อนละกัน” หวางเชาพูด

ลุงเฉียนไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมองหน้าหวางเชาอย่างสงบนิ่ง หวางเชากระโจมเข้ามาทั้งตัวราวกับเสือที่ดุร้าย ส่วนลุงเฉียนนั้น ก็เหมือนกับก้อนหิน ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อนเลย เพียงแต่ตอนที่หวางเชามาถึงแล้ว ลุงเฉียนจึงลงมือจู่โจม

ทั้งสองคนก็ตกอยู่ในวังวนของการต่อสู้

ส่วนโหจื่อนั้น ถึงแม้จะเป็นมือปืนขั้นเทพแห่งยุค แต่ว่าการบุกจู่โจมของหม่าเฟิงมันแข็งแกร่งเกินไป ทำให้โหจื่อไม่มีจังหวะในการชักปืนออกมาเลย

แม้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที หม่าเฟิงก็ยังไม่ยอมให้เขาเลย

อาจเป็นเพราะว่า หม่าเฟิงเข้าใจสถานภาพของโหจื่อดี นี่กลับทำให้หลี่ฝางเข้าใจแล้วว่าการอาศัยพลังที่อยู่ภายนอกทั้งหลาย ก็สู้ตัวเองพยายามยกระดับความสามารถให้สูงขึ้นไม่ได้

หลี่ฝางยืนดูอยู่ข้างๆ ไม่รู้จะช่วยใครดี

พละกำลังที่หม่าเฟิงระเบิดออกมานั้น มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน ถึงแม้หลี่ฝางสามารถเห็นท่าทางของเขาอย่างชัดเจน แต่กลับรู้สึกหวาดผวามาก

ส่วนหวางเชานั้น หลี่ฝางไม่เป็นห่วงเท่าไหร่นัก

การควบคุมสภาพจิตใจของหวางเชาไม่ค่อยดีนัก ถึงแม้เขาใช้พละกำลังทั้งหมด และระเบิดพลังที่น่ากลัวออกมา แต่ว่าเขาถูกความโกรธแค้นปิดบังตาทั้งคู่ไว้แล้ว

ช่องโหว่ในตัวของเขามีมากมาย ลุงเฉียนสามารถที่จะรับมือได้ทั้งนั้น

ส่วนตอนนี้ หลี่ฝางรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที คราวนี้ท่านจวนส่งคนมาแค่สี่คนนี้ แล้วยังมีพวกนักฆ่าที่ถูกฆ่าตายเท่านั้นเองเหรอ?

“ท่านลู่?”

ทันใดนั้น หลี่ฝางก็ขมวดคิ้ว โหจื่อและลุงเฉียน ก็ล้วนออกมารับมือการสู้รบ แล้วภายในสถานตากอากาศ ก็เหลือเพียงแค่ลูกน้องตัวเล็กตัวน้อย ถ้าหากตอนนี้มีคนเข้าไปอยู่ในสถานตากอากาศแล้ว ใครจะอยู่รับมือล่ะ?

ถ้าอย่างงั้นแล้ว ท่านลู่ก็จะถูกช่วยออกไปได้อย่างง่ายดายหรือไม่?

หลี่ฝางคิดดูแล้ว ช่างมันเถอะ ช่วยออกไปก็ช่วยไปสิ……

หลี่ฝางจ้องมองหวางเชาไม่ละสายตา ถึงแม้ลุงเฉียนสามารถตั้งรับได้อย่างเหลือเฟือก็ตาม แต่ว่า ภายใต้การจู่โจมที่แข็งแกร่งของหวางเชานั้น ถึงแม้พบเห็นจุดอ่อนในตัวของหวางเชาแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะลงมือได้

หลี่ฝางรอแล้วรอเล่า

ในที่สุด หลี่ฝางก็รอโอกาสนั้นมาถึง เขาถือมีดไว้ในมือ แล้วพุ่งตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนลุงเฉียนเมื่อเห็นหลี่ฝางบุกเข้ามา ก็ไม่ได้ใช้วิธีการตั้งรับแบบเดิมอีกแล้ว

ทันใดนั้นลุงเฉียนเปลี่ยนจากเฝ้าระวังเป็นการจู่โจม หวางเชานั้นเผชิญกับการบุกจู่โจมที่แข็งแกร่งของลุงเฉียน ก็ย่อมต้องรับมืออย่างเต็มที่

ข้างหลังของเขา ก็เปิดเผยทั้งหมดให้กับหลี่ฝาง อีกทั้งยังไม่ทันที่จะระวังตัวเลย

หวางเชาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะกลับหลังหันไป เขากลับรู้สึกความเจ็บปวดแผ่ซ่านเข้ามา จากนั้นก็รู้สึกข้างหลังเย็นวาบขึ้นมา

หวางเชารู้แล้วว่าถูกลอบทำร้ายจากข้างหลัง เขาใช้ขาเตะไปข้างหลังอย่างแรง แต่หลี่ฝางกลับเตะคืนไปอย่างง่ายดาย

ส่วนลุงเฉียนอาศัยจังหวะนี้ เตะเข้าไปหน้าท้องของหวางเชา

หวางเชาถูกเตะลงไปกับพื้น แล้วลุงเฉียนก็ไม่รอช้าแม้แต่นิดเดียว มองไปยังหลี่ฝาง แล้วพูดว่า “แกจัดการเขาเลยนะ ฉันจะไปช่วยโหจื่อ”

ในนาทีนี้เอง โหจื่อก็กำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

หม่าเฟิงในฐานะที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของสี่ผู้พิทักษ์ พละกำลังไม่ควรจะประมาณอย่างยิ่ง

แน่นอนที่ว่าโหจื่อต่อสู้ติดต่อกันมาสองรอบแล้ว อีกทั้งในตัวก็ได้รับบาดเจ็บ หม่าเฟิงจึงฉวยโอกาสจังหวะเช่นนั้น

ลุงเฉียนรู้ว่าโหจื่อเริ่มจะอ่อนล้าแล้ว

“เข้ามารนหาที่ตายเหรอ?”

เมื่อเห็นลุงเฉียนเข้ามา หม่าเฟิงไม่มีความกังวลและเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น เหมือนว่าเขามีความมั่นใจที่เขาคนเดียวสามารถจัดการทั้งโหจื่อและลุงเฉียนในเวลาเดียวกันได้

ลุงเฉียนหัวเราะ มองไปยังโหจื่อ แล้วพูดว่า “ใช้ปืน”

“ได้”

โหจื่อพยักหน้า

หลังจากที่ลุงเฉียนเข้าไปแล้ว ไม่ได้จะไปร่วมมือกับโหจื่อเพื่อสู้กับหม่าเฟิง เป้าหมายของลุงเฉียนมีอย่างเดียว ก็คือเพื่อหาเวลาให้กับโหจื่อ จะได้มีโอกาสชักปืนออกมา

ขณะที่โหจื่อชักปืนออกมานั้น หม่าเฟิงก็เริ่มคิดที่จะหนีแล้ว

ได้ยินเสียงดังปั้งขึ้นหนึ่งนัด โหจื่อเหนี่ยวไกลปืน ยิงไปถูกแขนของหม่าเฟิง

หม่าเฟิงยังคิดที่จะหนี โหจื่อก็ยิงไปอีกหนึ่งนัด เล็งไปยังขาของหม่าเฟิง

“อย่าขยับ ขืนขยับอีกที ฉันฆ่าแกแน่”

โหจื่อยกปืนขึ้นมา พูดพลางมองหน้าหม่าเฟิง

หม่าเฟิงหันหลังกลับมามองโหจื่อ พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ยิงเลยสิ โหจื่อ พวกเราสี่คนพี่น้องคืนนี้ก็จบชีวิตในเงื้อมมือของแกแล้ว”

“พวกแกไม่สมควรที่จะมาตั้งแต่แรกแล้ว อย่างน้อยที่สุด พวกเราก็เคยสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาด้วยกัน เคยไปกินเหล้าด้วยกัน เคยเรียกพี่เรียกน้องกัน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราก็ยังเคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาก่อน แต่ว่าตอนนี้ เพียงเพราะคำพูดคำเดียวของท่านจวน พวกแกสี่คน ก็วิ่งเข้ามาฆ่าคนถึงที่นี่แล้ว”

ลุงเฉียนมองดูหม่าเฟิง แล้วพูดว่า “หรือว่าในใจพวกแก ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรกับพวกเราเลยเหรอ?”

“ทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเรา ท่านจวนเป็นคนให้ทั้งนั้น พวกเราเป็นลูกกำพร้า อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกรังแกสารพัด หากไม่ใช่เพราะท่านจวน เกรงว่าพวกเราชั่วชีวิตนี้ ก็ไม่มีโอกาสที่มีชีวิตสุขสบายอย่างนี้ได้ ท่านจวนรับเลี้ยงดูพวกเราจนเติบโตมา พวกเราก็ต้องทำงานถวายชีวิต แน่นอน พวกเราเคยเป็นเพื่อนร่วมต่อสู้มาด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน แต่ว่า ตั้งแต่ที่พวกแกประกาศเป็นศัตรูกับท่านจวนเป็นต้นมา พวกเราก็ไม่ใช่เป็นเพื่อนกันอีก แต่เป็นศัตรูกันแล้ว” หม่าเฟิงพูด

ลุงเฉียนขมวดคิ้ว “พวกเราไม่เคยคิดที่จะเป็นศัตรูกับท่านจวนเลย ท่านจวนต่างหากที่เห็นพวกเราเป็นศัตรู”

“ฉันไม่อยากจะพูดอะไรมาก แพ้แล้วก็คือแพ้แล้ว พวกแกไม่ต้องออมมือหรอก พวกเราไม่ต้องการ ฆ่าพวกเราเสียเถอะ พวกเราสมควรตายแล้ว” หม่าเฟิงพูด

ลุงเฉียนมองดูหม่าเฟิง “หรือว่าแกไม่มีอะไรที่จะพูดอีกแล้วเหรอ?”

หม่าเฟิงส่ายหน้า “ถึงเวลานี้แล้ว ยังมีอะไรจะต้องพูดอีกล่ะ? เป็นเพราะพวกเราฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้”

ลุงเฉียนถอนหายใจ แล้วพูดว่า “แกรู้ไหม? หม่าเฟิง ตอนที่อยู่เมืองนอกสามปีนั้น หลอซ่าเขาคิดถึงพวกแกมากเลยนะ อีกทั้งยังตั้งป้ายวิญญาณของพวกแกเอาไว้ด้วย”

“ป้ายวิญญาณเหล่านี้ ตอนนี้ก็ยังย้ายมาอยู่ห้องลับชั้นใต้ดินของสถานตากอากาศนี้เลยหลอซ่าเกือบจะเว้นวันสองวัน ก็มาจุดธูปให้พวกแก เขาไม่เคยลืมการตายของพวกแกเลย แล้วก็ยังไม่เคยลืมที่จะช่วยแก้แค้นให้พวกแกด้วย หลอซ่า เห็นพวกแกเป็นพี่น้องมาโดยตลอด”

ลุงเฉียนส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ฉันจำได้ว่าเขายังพูดเสมอเลย ถ้าพวกแกยังไม่ตาย มันคงจะดีขนาดไหน ฉันคิดว่า เขาไม่มีทางที่จะคิดได้เลยว่า พวกแกไม่เพียงแต่ยังไม่ตาย อีกทั้งยังหันกลับมาฆ่าพวกเราอีก”

ใบหน้าหม่าเฟิง เริ่มเปลี่ยนสีเล็กน้อย “หลอซ่าเป็นลูกพี่ใหญ่ที่ดีคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าโชควาสนาไม่ดี เป็นเพราะท่านจวนให้ฉันทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นละก็ ฉันก็คงเหมือนพวกแก ติดตามหล่อซ่าตลอดไปแล้ว”

“เจ้าเฉียน ไม่ต้องลังเลแล้ว ฆ่าพวกเราเถอะ ถ้าหลอซ่ายังมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องบอกเขาว่าพวกเรายังมีชีวิตอยู่ ให้เขาเข้าใจว่าพวกเราได้ตายไปเมื่อสามปีที่แล้ว ฉันไม่อยากให้เขาเสียใจ เขาเป็นคนที่มีน้ำใจประเสริฐคนหนึ่ง”

หม่าเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่สับสน “ฉันผิดต่อเขา”

“เขายังบ่นอยู่ตลอดเลยว่า แกยังติดค้างที่จะเลี้ยงเหล้าเขาหนึ่งมื้อ แกยังจำได้หรือเปล่า?” ลุงเฉียนพูด “ถ้าแกตกลงกับฉัน หยุดทำงานขายชีวิตให้กับท่านจวนไอ้สาระเลวคนนั้นอีกต่อไป ฉันก็จะปล่อยแกไป รอให้หลอซ่ากลับมา แกจะได้ไปดื่มเหล้าที่ติดค้างเขาไว้ให้จบ”

“ดีไหมล่ะ?” ลุงเฉียนถามพลางมองหน้าหม่าเฟิง

“การตายของจางหลงกับเฉินเสี่ยว ฉันก็ไม่อยากจะเห็นเหมือนกัน แต่ว่า นี่มันก็โทษพวกเราไม่ได้”

ลุงเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “สูญเสียเลือดมากเกินไปแล้ว พวกเราไม่อยากจะนองเลือดอีกต่อไปแล้ว”

“กลับมาคราวนี้ แท้จริงแล้วพวกเราหวังที่จะมาเพื่อสังหาร แต่ว่า พวกเราจะฆ่าพวกคนที่สมควรจะฆ่า อย่างพวกแก……..” ลุงเฉียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เดิมทีก็ไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่พวกเราต้องการฆ่า”

“แกเลือกมาเถอะ” ลุงเฉียนพูดพลางมองหน้าหม่าเฟิง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท