NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 792 ท่านซุนยังมีชีวิตอยู่

บทที่ 792 ท่านซุนยังมีชีวิตอยู่

ท่านจวนไม่เข้าใจจริงๆ ตัวตนของตน ถูกเปิดเผยไปได้อย่างไร

บนโลกใบนี้ คนที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของตน มีไม่กี่คนเท่านั้น

“นายรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉันได้ยังไง”

ท่านจวนเป็นคนฉลาด ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ สิ่งที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือ อ่านสีหน้าของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

ถ้าหากอีกฝ่ายเพียงแค่ลองเชิงตัวตนที่แท้จริงของตน เช่นนั้น ท่านจวนเพียงแค่มองก็ดูออกแล้ว

แต่ส้าวส้วยที่อยู่ตรงหน้า น้ำเสียงในการพูด แววตาที่มองตน เห็นได้ชัดว่ามั่นใจอย่างมาก

ดังนั้น ส้าวส้วยน่าจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของตน

เวลานี้ ใบหน้าของท่านจวน ฉายความกระวนกระวายขึ้นมา

ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาวางกลยุทธ์ต่างๆมาโดยตลอด เก็บทุกคนเอาไว้ในมือของตนเอง รวมถึงสี่ตระกูลใหญ่ด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นหมากในมือของเขา

ส้าวส้วยหัวเราะหึๆ แล้วพูด:“ฉันไม่รู้”

“พี่ใหญ่เป็นคนบอกฉัน”

ส้าวส้วยมองท่านจวน ด้วยแววตาที่เหี้ยมโหด:“สำหรับการเดินทางของเรา คนที่รู้ มีไม่กี่คนเท่านั้น ก่อนที่ลูกพี่ใหญ่จะตาย จงใจเผยให้นายรู้นิดหน่อย ดังนั้น ระหว่างทางกลับมาของพวกเรา จึงเจอหลุมพราง”

“ดังนั้น นายเป็นคนหักหลังพวกเรา”

สีหน้าของท่านจวนสับสนเล็กน้อย:“ ที่แท้เขาก็สงสัยในตัวฉันมานานแล้ว”

“พี่ใหญ่แค่ไม่อยากจะเชื่อเท่านั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ นายคิดว่าสิ่งที่นายทำมันไม่มีช่องโหว่อะไรเลยจริงๆเหรอ? รายละเอียดของนาย ลึกลับอย่างมาก พวกเราเคยสืบเรื่องของนายมาก่อน แต่กลับสืบไม่พบอะไรทั้งนั้น”

“บางครั้ง การที่นายปิดบังตนเองเกินไป ก็เป็นการเปิดเผยตนเอง”

ส้าวส้วยมองท่านจวน แล้วพูด:“ตอนนั้นที่ติดตามรับใช้นาย ก็พบว่านายมีเส้นสายไม่เหมือนคนธรรมดา แต่ว่า รอบตัวนายกลับไม่มีญาติแม้แต่คนเดียว คนที่อยู่กับนาย มีแค่ลูกชายบุญธรรมเท่านั้น”

“นายมีเงินมากมาย แต่เงินพวกนี้มากจากไหน นายกลับไม่เคยพูด ราวกับตกลงมาจากบนฟ้าอย่างไรอย่างนั้น”

“ตอนนั้นที่ทั้งสี่ตระกูลใหญ่มีปัญหากับพวกเรา นายซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาโดยไม่มีเหตุผล ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา พวกเขาปล่อยนายได้อย่างไร? แล้วทำไมพวกเขาถึงปล่อยตัวนาย?”

“เพราะเห็นว่านายเป็นคนแก่น่าสงสาร? ดังนั้นพวกเขาก็เลยเมตตาอย่างนั้นเหรอ?”

ส้าวส้วยหัวเราะหึ :“สาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะตระกูลตงฟางออกคำสั่งพวกเขาอย่างลับๆใช่ไหม”

“อีกเรื่องนี้ นายเป็นคนส่งฟีนิกซ์มาอยู่กับพวกฉันใช่ไหม? ถ้าฉันพูดไม่ผิดละก็ เธอเป็นหลานสาวแท้ๆของนาย? นายมันใจร้ายจริงๆ ตอนนั้นถ้าพวกฉันไม่เข้าไปช่วยเธอ หรือช่วยเธอช้าไปอีกสักหน่อย ถ้าอย่างนั้นฟีนิกซ์ ก็คงตายไปแล้ว”

“ไม่ถูกสิ เธอไม่ได้ชื่อฟีนิกซ์ เหมือนเธอจะชื่อว่าตงฟางหวั่นเอ๋อ”

“หลอซ่าเป็นคนมีเมตตา แล้วจะไม่ช่วยได้ยังไง? ถ้าเขาไม่ช่วยฟีนิกซ์ ก็ไม่มีวันช่วยนาย และยิ่งไม่มีวันช่วยโหจื่อ” ท่านจวนพูดเสียงเรียบ

ท่านจวน รู้จักหลอซ่าเป็นอย่างดี

ทุกการกระทำของหลอซ่า ล้วนอยู่ในสายตาของท่านจวน

ยิ่งวางแผนอยู่ในใจ

เพียงแต่ว่า เมื่อถึงตอนหลัง ท่านจวนยิ่งพบว่า ยากจะควบคุม

เดิม เข้าไปช่วยหลอซ่า เป้าหมายของท่านจวนคือเพื่อใช้พวกเขาตรึงทั้งสี่ตระกูลใหญ่เอาไว้

สิ่งที่ทานจวนต้องการ คือความสมดุล

แต่ว่า มีวันหนึ่งท่านจวนกลับพบว่า เขาเริ่มไม่สามารถควบคุมหลอซ่าได้แล้ว

หลอซ่าเริ่มไม่เชื่อฟังคำพูดของเขาแล้ว

ดังนั้น ท่านจวนจึงเริ่มมีความคิดอยากจะกำจัดหมากตัวนี้ทิ้ง

หลอซ่าที่เป็นหมากตัวนี้ คล้ายว่าควบคุมยากยิ่งกว่า ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ใหญ่

การต่อสู้ระหว่างสี่ตระกูลใหญ่และหลอซ่า ท่านจวนเป็นคนสร้างมันขึ้นมา

สงครามในครั้งนี้ เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของท่านจวนอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ว่า ท่านจวนไม่ต้องการให้หลอซ่าชนะ

ดังนั้น สุดท้าย เขาได้ลอบใช้อำนาจ ช่วยทั้งสี่ตระกูลใหญ่ ให้ข้อมูลไม่น้อย

และเป็นเพราะการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออย่างลับๆของท่านจวน หลอซ่า จึงได้พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ

หลอซ่าแพ้แล้ว หนีออกไปจากเมืองเอก

ตอนแรก หลอซ่าไปอีกเมืองหนึ่ง ก็ดีแล้ว

แต่ว่า ท่านจวนกลัวว่าตัวตนของตน สักวันหนึ่งจะถูกเปิดเผยออกไป เมื่อถึงเวลานั้น หลอซ่าต้องมาแก้แค้นอย่างแน่นอน

เพราะถึงอย่างไร ดังนั้น ท่านจวนจึงใช้หมากตัวสุดท้าย ซึ่งก็คือหลานสาวของตนเอง ตงฟางหวั่นเอ๋อ

ตงฟางหวั่นเอ๋อหลอกล่อเมี๋ยวชุ่ย ไปยังห้องใต้ดินของสโมสรเจียงหนาน ที่นั่นถูกเรียกว่าเป็นสวรรค์

หลังจากนั้น คล้ายกับว่าหลอซ่าเสียสติอย่างไรอย่างนั้น บุกเข้าไปในสวรรค์เพียงลำพัง ตอนที่ช่วยเมี๋ยวชุ่ย หลอซ่าเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่ว่า ยังคงไม่ตาย

ท่านจวนจึงยืมมือคนที่สวรรค์ แล้วเริ่มกำจัดหลอซ่า ถึงขั้นอยากจะฆ่าทุกคนที่อยู่รบบตัวหลอซ่า

เพียงแค่คิดไม่ถึงว่า หลอซ่าจะหนีไปต่างประเทศ

อำนาจของท่านจวนมีชีดจำกัด แม้ว่าเขาจะเก่งกาจแค่ไหน แม้ว่าคนของสวรรค์จะมีอำนาจมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถยื่นมือออกไป ถึงต่างประเทศได้

ดังนั้น หลอซ่าจึงเริ่มรักษาตัว

แน่นอน หลายปีที่ผ่านมานี้ ท่านจวนไม่คิดจะปล่อยหลอซ่าไป โดยเฉพาะตอนที่หลอซ่ากลับประเทศ ท่านจวนสัมผัสได้ถึงการข่มขู่

ท่านจวนเคยใช้ตัวตนปลอม ให้รางวัลหนึ่งพันล้านดอลลาร์ เพื่อฆ่าหลอซ่า

สำนักหยิ่งซารับภารกิจนี้ แต่ว่า ไม่ได้ลงมือสักที

เพียงแค่ส่งคนมาจำนวนหนึ่ง เพื่อลองเชิงความสามารถในการต่อสู้ของหลอซ่า แต่ก็ถูกส้าวส้วยจัดการจนหมด

“ตอนที่หลานสาวของนายตาย นายไม่รู้สึกสงสารบ้างเหรอ?” ส้าวส้วยมองท่านจวน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ

“ทุกคนต่างก็เป็นคนเหมือนกัน ขอแค่เป็นคน ล้วนต้องมีเลือดเนื้อ ตอนที่เธอตายต่อหน้าฉัน วินาทีนั้น หัวใจของฉันเจ็บปวด แต่สำหรับเธอ กลับเป็นการปลดปล่อย เธอรู้สึกผิดกับเมี๋ยวชุ่ยมาโดยตลอด ความเป็นจริงตอนที่เธอกับโหจื่อต่อสู้กัน ทั้งที่ยอมออมมือ นอกจากนี้ ขอแค่เธอไม่อยากตาย ฉันต้องมีวิธีช่วยเธออย่างแน่นอน ถึงแม้จะเปิดเผยตัวตนของฉันต่อหน้าเมี๋ยวชุ่ยแล้วก็ตาม ฉันก็ไม่คิดจะถือสา”

“นั่นเป็นถิ่นของฉัน อย่าพูดถึงเมี๋ยวชุ่ย แม้แต่หลอซ่า ก็ทำอะไรฉันไม่ได้”

“น่าเสียดาย เจ้าเด็กโง่หวั่นเอ๋อ……”

ขณะพูด ใบหน้าของท่านจวน เผยความรู้สึกเจ็บปวด:“บนโลกใบนี้ คนเดียวที่ฉันทำผิดด้วย บางทีอาจจะเป็นเธอก็ได้”

“เธอทำเพื่อตระกูลมากมาย”

ส้าวส้วยหัวเราะเยือกเย็น:“แมวร้องไห้หนูแกล้งทำเป็นสงสาร ทั้งๆที่นายเป็นคนทำลายเธอด้วยมือตนเอง”

“เธอเป็นหลานสาวของฉัน เป็นคนของตระกูลตงฟาง ตอนนั้นให้เธอไปอยู่กับพวกนาย เพื่อใช้เธอเป็นเครื่องมือ มาจัดการพวกนาย ตอนสุดท้าย พวกนายจะหนีกันไปหมดแล้ว ถ้าฉันยังไม่ใช้หมากตัวนี้ หรือจะให้ฉันทนดูพวกนายพาเธอไป?”

สีหน้าของท่านจวนเคร่งขรึม:“ส้าวส้วย นายเป็นคนมีความสามารถ น่าเสียดาย ที่นายติดตามคนผิดแล้ว”

“ความหมายของนายคือ ฉันไม่ควรติดตามพี่ใหญ่?”

ส้าวส้วยเลิกคิ้วขึ้น มองไปทางท่านจวน:“แล้วฉันควรจะติดตามใคร ติดตามนายอย่างนั้นเหรอ?”

สีหน้าของท่านจวนสับสน:“นายคือท่านซุน ไม่ใช่สิ ควรจะเรียกเขาว่าจูเก่อชื่อ นายเป็นคนที่จูเก่อชื่อให้ความสำคัญ มีความแข็งแกร่งที่น่ามหัศจรรย์ ทั้งยังมีพรสวรรค์ นอกจากหลอซ่าแล้ว เป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้ที่ยากจะพบเจอ ความเป็นจริง ฉันเป็นคนทำให้จูเก่อชื่อ เก็บนายเอาไว้ สอนวรยุทธ์กับนาย”

“ในตอนหลัง ฉันก็เป็นคนทำให้นายยอมรับหลอซ่า แล้วติดตามเขา”

“แต่ฉันคิดไม่ถึงว่า วันนี้ คนที่ทำลายแผนการทั้งหมดของฉัน คือนาย” ท่านจวนเริ่มรู้สึกเสียใจ

“บางที ถ้าหากจูเก่อชื่อยังมีชีวิตอยู่ ฉันคงไม่พ่ายแพ้จนน่าอนาถขนาดนี้ เขาเป็นคนฉลาด ไม่น้อยไปกว่าเหล่าเฉียน มีเขาอยู่ ตระกูลจูเก่อ ก็คงไม่ถูกพวกนายทำลายง่ายขนาดนี้”

ท่านจวนส่ายหน้า แล้วพูด:“จูเก่อชื่อเหมือนกับหลอซ่า เป็นคนที่ไม่สามารถสั่งสอนได้”

“พวกเขาแค่ไม่อยากจะเป็นหมากของนายก็เท่านั้น”

จู่ๆ ส้าวส้วยก็หัวเราะ :“นายคิดว่า ท่านอาจารย์ของฉันจูเก่อชื่อตายแล้วจริงๆ เหรอ?”

“จูเก่อเจิ้งเห็นเขาผูกคอตายด้วยตนเอง”

ตอนที่ท่านจวนได้ยินคำพูดนี้ แววตาของเขาตกตะลึง คล้ายว่าตกใจ แสดงออกมาจากแววตาของเขา

“หรือว่าจูเก่อชื่อแกล้งตาย?”

ท่านจวนไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ เพราะถึงอย่างไร จูเก่อชื่อคนนี้ เป็นคนซื่อตรงจนรู้กันให้ทั่ว อีกทั้งตอนที่เขาอายุยังน้อย เคยทำเรื่องไม่ดีเอาไว้มากมาย พอแก่มา จึงกินเจและสวดมนต์

คนแบบนี้ฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก

ดังนั้น ท่านจวนจึงไม่ได้สงสัยในการตายของจูเก่อชื่อ แต่คำพูดของส้าวส้วยเมื่อครู่ ทำให้ท่านจวนตระหนักขึ้นมาทันที

“คุณท่านตงฟาง นายทำงานมาทั้งชีวิต ไม่เคยประมาทแม้แต่น้อย แต่ทำไมกับเรื่องของท่านอาจารย์จูเก่อชื่อที่มีพระคุณของฉัน ถึงไม่ใส่ใจขนาดนี้ล่ะ? ไม่แม้แต่จะมอง”

ส้าวส้วยหัวเราะ แล้วพูด:“จูเก่อชื่อตายแล้ว แต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ คือท่านซุน”

“ไม่อย่างนั้น คนของตระกูลจูเก่อ จะทำตามซุนจิ้นง่ายๆแบบนี้เหรอ??” มองดูท่านจวน ส้าวส้วยหัวเราะร้ายกาจ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน