NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 795 ท่านจวนไปแล้ว

บทที่ 795 ท่านจวนไปแล้ว

ตอนที่หลี่ฝางไปถึงอำเภอหลิน ฟ้ามือแล้ว

หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาหยิ่นเจิ้ง แต่ปลายสาย กลับปิดเครื่อง

“ทำไมถึงยังปิดเครื่องล่ะ?”

หลี่ฝางขมวดคิ้วเป็นปม ไม่เจอหยิ่นเจิ้ง ก็ยิ่งไม่มีเบาะแสอะไรทั้งนั้น

ครุ่นคิด หลี่ฝางจึงโทรไปหาหวางเหมียว ซึ่งก็คือหมอคนนั้น

หลี่ฝางตัดสินใจไปหาไอ้หน้าหนวด ดูว่าเขาอาการเป็นยังบ้าง

หลังจากติดต่อหวางเหมียวได้แล้ว ประจวบเหมาะไอ้หน้าหนวดก็พักที่โรงแรมนั้น หลี่ฝางรีบขับรถไปที่โรงพยาบาลทันที

ตอนที่เห็นไอ้หน้าหนวด หลี่ฝางน้ำตาไหลลงมาทันที

ไอ้หน้าหนวดถูกทำร้ายจนหมดสภาพ ขาของเขาข้างหนึ่ง เข้าเฝือก ถูกแขวนเอาไว้ ใบหน้าของเขา ยิ่งไม่เหลือเค้าความเป็นคน

ฟันทั้งแผง ถูกทุบตีจนหักเหลือเพียงไม่กี่ซี่เท่านั้น

ตอนที่หลี่ฝาง ไอ้หน้าหนวดฝืนยิ้ม อ้าปาก เผยให้เห็นฟันที่หลอ

“คุณชาย คุณชายมาได้ยังไงครับ?” ไอ้หน้าหนวดมองไปที่หลี่ฝาง ถามด้วยความประหลาดใจ

หลี่ฝางขมวดคิ้วเป็นปม:“ใครเป็นคนทำให้นายกลายเป็นสภาพแบบนี้? คนของแมงป่อง หรือว่า……”

หลังจากหลี่ฝางถามจบ รู้สึกว่าตนถามสิ่งที่ไร้ประโยชน์

“ช่างเถอะ” หลี่ฝางตัดสินใจไม่ถาม ตอนที่เจอแมงป่อง ค่อยถามเขา

ถึงอย่างไร บัญชีแค้นในครั้งนี้ คิดกับแมงป่อง ก็ถูกต้องแล้ว

“หยิ่นเจิ้งล่ะ? ฉันโทรไปหาเขา แต่โทรไม่ติด” หลี่ฝางขมวดคิ้วเป็นปมแล้วเอ่ยถาม

“ไม่ต้องพูดถึงแล้ว คนขวัญอ่อนอย่างหยิ่นเจิ้ง ตอนนี้คงกลัวจะตายแล้ว ข้างกายแมงป่อง มีคนกลุ่มใหญ่มากะทันหัน ทันทีที่คนพวกนี้มา สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปทันที ตอนแรกแมงป่องถูกพวกเราทำร้ายจนเกือบจะยอมแพ้ แต่ว่า จู่ๆก็มีคนหลายคนโผล่มากะทันหัน คนพวกนี้ เหมือนว่าจะสูงศักดิ์กว่าแมงป่องไม่น้อย ตอนแรก พวกเราคิดว่าเป็นยอดฝีมือที่แมงป่องหามาจากสนามประลองใต้ดิน ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจ แต่สุดท้ายกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบ คนพวกนี้ เรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างมาก คนของเรา ไม่ใช่ต่อสู้ของพวกเขา แม้จะสู้ไปพร้อมกัน ก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้”

“หยิ่นเจิ้งจ่ายเงินมหาศาล ได้ตัวปรมาจารย์มาหลายคน ล้วนถูกพวกเขาทำร้ายจนพิการ ไม่ก็ตาย พวกเขาลงมือด้วยความเหี้ยมโหด แทบจะไม่มีคนรอดชีวิต ทำให้แม้ว่าหยิ่นเจิ้งจะจ่ายเงิน ก็ไม่มีใครกล้ามาช่วย”

ไอ้หน้าหนวดถอนหายใจ แล้วพูด

หลี่ฝางขมวดคิ้วเป็นปม:“บาดแผลบนตัวนาย ก็เป็นฝีมือของพวกเขา?”

สีหน้าของไอ้หน้าหนวดขาดสติเล็กน้อย เงียบไปครู่หนึ่ง เขาค่อยพูด:“พูดไปแล้วก็รู้สึกผิดเหมือนกัน ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะสู้กับยอดฝีมือพวกนั้น ผมถูกคนอื่นทำร้าย”

“คุณชาย ทำไมคุณถึงมาคนเดียวครับ” ไอ้หน้าหนวดมองไปด้านหลังหลี่ฝาง เมื่อไม่เห็นเงาของใคร เขาจึงดูกระวนกระวายขึ้นมาทันที

“พวกโหจื่อไม่มาเหรอครับ? แต่ถึงพวกโหจื่อมาก็ไม่มีประโยชน์ ผมคิดว่าโหจื่อก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา” ไอ้หน้าหนวดพูด

“นายรู้ไหมว่าพวกเขาอยู่ไหน? หยิ่นเจิ้งด้วย ตอนนี้เขาหนีไปไหนแล้ว? หรือเป็นอะไรไป?” หลี่ฝางเอ่ยถาม

ดูท่า การมาของยอดฝีมือพวกนี้ ทำให้หยิ่นเจิ้งตกใจอย่างมาก ภรรยาของหยิ่นเจิ้งยังอยู่ในมือของตน

สิ่งสำคัญ ภรรยาของหยิ่นเจิ้ง ยังมีลูก

ลูกกับภรรยา ไม่สนใจแล้วเหรอ?

หยิ่นเจิ้งคนนี้น่าเวทนามากแค่ไหน……

“เมื่อกี้หยิ่นเจิ้งมาแล้วรอบหนึ่ง คาดว่าตอนนี้ กำลังเก็บข้าวของที่บ้าน เฮ้อ พวกเราพ่ายแพ้ให้กับอำเภอหลินแล้ว พวกพ้องของเรา ถูกทำร้ายจนแยกย้ายกระจายตัวกันไปหมด มีไม่กี่คนที่แมนหน่อย ก็ถูกคนของแมงป่อง ทำร้ายจนพิการไปหมดแล้ว”

“สภาพไม่ได้ดีไปกว่าผมเท่าไหร่เลย”

ไอ้หน้าหนวดพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย:“ยอดฝีมือพวกนั้น เหมือนตัวช่วยเสริม”

“คุณชายครับ ผมว่าคุณชายรีบไปก่อนเถอะครับ ถ้าพวกมันเห็นคุณชาย คุณชายต้องแย่แน่ๆ” ไอ้หน้าหนวดมองหลี่ฝางด้วยความเป็นห่วง

“ตอนนี้ยังกลางวันแสกๆ โชคดีที่พวกมันยังจะเพลาๆลงหน่อย ถ้าถึงตอนกลางคน พวกมันยิ่งไม่มีอะไรให้กลัวแล้วครับ” ไอ้หน้าหนวดมองหลี่ฝางแล้วพูด

เพราะถึงอย่างไรตัวตนของหลี่ฝางนั้นพิเศษ ถ้าพวกแมงป่องรู้ว่าหลี่ฝางอยู่ที่นี่ พวกแมงป่องต้องลงมืออย่างไม่คิดชีวิตแน่นอน

หลี่ฝางมองไอ้หน้าหนวดแล้วเอ่ยถาม:“ยอดฝีมือพวกนั้น ไม่ใช่ชางสู่ ใช่ไหม?”

ตอนที่หลี่ฝางได้ยินว่าแมงป่องมียอดฝีมือมาช่วย คนแรกที่เขาคิดถึง ก็คือชางสู่

คืนวันนั้นเฉินฝูเซิง จับตัวชางสู่เอาไว้ไม่ได้ แต่ปล่อยให้ชางสู่หนีรอดไปได้ หลี่ฝางรู้ ระหว่างชางสู่และแมงป่อง มีความสัมพันธ์กัน ถึงแม้จะมีประโยชน์ร่วมกัน แต่ชางสู่ที่หมดทางจะไป มีความเป็นไปได้ที่จะไปพึ่งพิงแมงป่อง

เพราะถึงอย่างไรแมงป่องในตอนนี้ ก็ถือว่าต้องการกำลังคน

แต่ตอนนี้ดูท่าแล้ว ความเป็นไปได้ไม่มากเท่าไหร่

ไอ้หน้าหนวดส่ายหน้า แล้วพูด:“ผมเคยเห็นชางสู่มาก่อน แต่ชางสู่ออกไปอย่างรวดเร็ว”

“ยอดฝีมือพวกนี้ ดูเหมือนจะเก่งกว่าชางสู่เล็กน้อย”

ไอ้หน้าหนวดพูด สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที:“คุณชายครับ คุณลองเดาดูสิครับว่าผมเจอใคร”

“ถึงเวลานี้แล้ว นายยังจะมีอารมณ์มาเล่นลิ้นกับฉัน?” หลี่ฝางกรอกตามองไอ้หน้าหนวด

“หมาจื่อครับ” ไอ้หน้าหนวดพูด

“หมาจื่อ เป็นเขาไปได้ยังไง?”

หลี่ฝางขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากลูกพี่หลินตาย หลี่ฝางถามไถ่ถึงสถานการณ์ของหมาจื่อ เพราะถึงอย่างไรเจ้านี่ ติดตามลูกพี่หลิน ทำเรื่องเลวร้ายเอาไว้ไม่น้อย

แต่หูเฟยบอกกับหลี่ฝาง หมาจื่อคนนี้ ถูกคนเอาตัวไปแล้ว และชะตากรรมที่รอหมาจื่ออยู่นั้น ก็คือถูกยิงตาย

แต่ตอนนี้ไอ้หน้าหนวดกลับบอกหลี่ฝางว่า เขาเจอหมาจื่อ

หรือว่า หมาจื่อถูกคนช่วยไปแล้ว?

ไอ้หน้าหนวดถอนหายใจ แล้วพูด:“ผมให้คนตามสืบแล้วครับ ได้ยินว่า แมงป่องครอบครองที่ดินผืนหนึ่ง อยู่ตรงหลังเขาไม่ไกลเท่าไหร่ ที่นั่น เขาสร้างสุสานเอาไว้ สุสานนี้ เขาไม่ให้คนนอกใช้ สุสานผืนนี้ มีหมาจื่อคอยรับผิดชอบ”

“เหมือนว่าเขากำลังทำธุรกิจของลูกพี่หลิน”

ไอ้หน้าหนวดพูด:“เพราะถึงอย่างไรที่อำเถอหลินนี้อยู่ห่างไกลความเจริญและข้อกฎหมาย ทั้งยังด้อยพัฒนาและยากไร้ ไม่มีใครมาสนใจ”

“ความหมายของนายคือ ฆ่าลูกพี่หลินทิ้งไปแล้วหนึ่งคน มีหมาจื่ออีกคนเพิ่มเข้ามา?”

หัวใจของหลี่ฝาง หล่นวูบกะทันหัน

เจ้านี่ ทำไมฆ่ายังไงก็ไม่ตาย

อีกทั้งหมาจื่อคนนี้ ทั้งๆที่ถูกจับตัวไปแล้ว ตอนนี้หนีออกมาได้ยังไง?

หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาหูเฟย หลังจากหูเฟยรับสาย หลี่ฝางก็ถามออกไปตรงๆ ทันที:“ฉันอยากถามนายเรื่องหนึ่ง นายตอบฉันมาตามจริง”

“เรื่องของหมาจื่อเป็นมายังไงกันแน่?” หลี่ฝางขมวดคิ้วเป็นปม:“นายบอกกับฉัน เรื่องของหมาจื่อ ต้องถูกยิงทิ้ง แต่ว่า คนของฉันกลับบอกว่าเห็นเขาที่อำเภอหลิน”

“หลี่ฝาง เรื่องนี้ นายอย่ายุ่งเลย” หูเฟยขมวดคิ้วเป็นปม แล้วพูด:“อีกอย่าง ฉันเองก็ยุ่งเกี่ยวไม่ได้”

“นายบอกกับฉันก่อน มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ อีกเรื่องหนึ่ง นายเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยใช่ไหม?” หลี่ฝางด้วยความโมโห

“นายรู้จักฉันดี เรื่องที่ผิดกฎหมายแบบนี้ ฉันไม่มีวันทำ อีกอย่างฉันจะปกป้องหมาจื่อได้ยังไง? วันนั้น หมาจื่อถูกคนเอาตัวไป อีกทั้ง วันที่สอง หมาจื่อก็ได้กินลูกปืน ฉันถามไปแล้ว แต่ว่า ใครจะไปคิดหมาจื่อเพิ่งขับรถออกไปไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร จู่ๆก็มีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวออกมา แล้วพาตัวหมาจื่อไป”

“เพื่อนร่วมงานของฉัน ยังตายไปคนหนึ่ง เดิมที เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแบบนี้ เบื้องบนต้องโมโหอย่างมาก ตามปกติแล้ว มันต้องเป็นแบบนี้ นายว่าใช่ไหม? แต่ฉันกลับคิดไม่ถึง ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย รวมถึงครอบครัวของเพื่อนร่วมงานฉันที่เสียไป ก็ไม่ออกมาพูด เพื่อนร่วมงานของฉันเสียชีวิตในหน้าที่ ได้รับเงินชดเชยก้อนหนึ่ง แต่ฉันคิดว่า ครอบครัวของเขา น่าจะรับเงินไปจำนวนไม่น้อย ไม่อย่างนั้น คงไม่ปิดปากเงียบแบบนี้”

หูเฟยพูด:“ตอนที่ฉันอยากสืบ กลับได้รับข้อความข่มขู่ ถ้าฉันอยากจะสืบจริงๆ ฉันจะไม่ได้เสียแค่งาน ภรรยาของฉัน น้องสาวของฉัน ก็จะตกอยู่ในอันตราย”

“เรื่องของหมาจื่อ นายอย่ายุ่งเลย” หูเฟยพูด:“เค้กก้อนนี้ใหญ่มาก ไม่มีใครยอมปล่อยมันหลุดมือ ขอแค่ไม่มีคนทำที่เมืองเอก แล้วจะเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา? นายว่าใช่ไหม?”

หูเฟยพูดด้วยสีหน้าจนปัญญา:“เรื่องนี้ มีคนสมควรตายมากมาย พวกเราไม่สามารถไปยุ่งกับทุกคน”

“อีกทั้ง หมาจื่อไปจากเมืองเอกแล้ว ไม่ได้อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของฉัน สิ่งที่ฉันพูดได้ ก็คือเกลี้ยกล่อมนายไม่ให้ยุ่งกับเรื่องนี้ เพราะเบื้องหลังของหมาจื่อ มีคนคอยคุ้มครอง”

หลี่ฝางฟังออกว่ามีเงื่อนงำบางอย่าง จึงบอกกับหูเฟยที่อยู่ปลายสาย:“นายบอกฉันมาตามตรง นายรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนช่วยหมาจื่อ”

“เพิ่งได้ข่าวมา คือท่านจวน”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท