NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 791 คุณท่านตงฟาง

บทที่ 791 คุณท่านตงฟาง

ถึงแม้หลี่ฝางจะฝึกฝนจนมีกำลังภายใน แต่ว่า เขาไม่มีประสบการณ์ในการสู้รบแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่เคยเรียนศิลปะการต่อสู้ใดๆ ด้วย

ดังนั้น เขาจึงไม่ได้เป็นปรมาจารย์ใดๆ

แตกต่างกันส้าวส้วย กำลังภายในของส้าวส้วย เป็นกำลังภายในที่ได้มาจากการฝึกฝนด้วยตนเอง

ความสามารถที่ส้าวส้วยแสดงออกมาในเวลานี้ ทำให้ชีซาและหมาป่าละโมบ มองดูด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้

สมาชิกเซราฟิมคนแล้วคนเล่า ถูกโยนออกมา

คนพวกนี้ วินาทีที่ออกมา แทบจะตายกันหมดแล้ว

ไม่มีแม้แต่โอกาสในการขัดขืน

อย่างรวดเร็ว กลุ่มคนเริ่มกระจายตัวออกไป เหลือส้าวส้วยเพียงคนเดียวเท่านั้น

ส้าวส้วยยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยแรงสังหาร

มองดูคนพวกนี้ที่กระจายตัวออกไป ส้าวส้วยหัวเราะเสียงเย็นยะเยือก:“อยากฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ? เป็นนักฆ่าไม่ใช่เหรอ? ชีวิตของฉัน มีค่าสามพันกว่าล้าน ผลตอบแทนสูงขนาดนี้ หรือว่าพวกแกไม่หวั่นไหวกันบ้าง?”

เงินตอบแทนสามพันล้านบาท ทุกคนต่างก็หวั่นไหว แต่ว่า ความสามารถที่น่ากลัวของส้าวส้วย ทำให้ทุกคนดึงสติกลับมา

หันไปมองส้าวส้วย ความหวาดกลัวของพวกเขา ก่อตัวขึ้นจากส่วนลึกในจิตวิญญาณ

นี่มันปีศาจจากขุมนรกชัดๆ

“ว่ากันว่าได้เจอกับหลอซ่า มีแค่ตายเท่านั้น”

มองไปที่ส้าวส้วย ชีซาถามเสียงเยือกเย็น:“หน้ากากที่นายใส่ คือหน้ากากผีที่หลอซ่าใส่ใช่ไหม?”

“หรือว่า นายคือผู้สืบทอดจีวรของหลอซ่า?” ชีซาเอ่ยถาม

ถึงแม้ชีซาจะไม่ได้ทำงานในเมืองเอก แต่ว่า เขาเคยได้ยินชื่อของหลอซ่ามาก่อน

สถานที่ที่หลอซ่าไปถึง ไม่มีคนรอดชีวิต

เขาเป็นลูกน้องที่มีความสามารถที่สุดของท่านจวน และเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดในเมืองเอก

โลกอิทธิพลมืดในตอนนั้น ไม่มีใครไม่กลัวหลอซ่า

และเพราะการมีตัวตนของหลอซ่า เวลาที่ทุกคนพบเจอท่านจวน ล้วนพากันกลัวอย่างมาก

เพราะว่า หลอซ่าคือคนของท่านจวน

ชีซาในเวลานี้ จู่ๆก็รู้สึกไม่อยากให้น้องชายของตนเองโฮจุนแก้แค้นแล้ว

ส้าวส้วยเก่งเกินไปแล้ว เขาเป็นเหมือนกับปีศาจ คนแบบนี้ ต่อสู้กับเขา จะให้ต่อสู้ยังไง?

มีแต่เอาชีวิตไปทิ้งเท่านั้น!

ดังนั้น เวลานี้ ชีซาอยากจะยอมแพ้ส้าวส้วย!

อยากจะขอร้องส้าวส้วยให้ปล่อยพวกเขาไป

และชีซาเองก็รู้ ส้าวส้วยไม่มีวันปล่อยเขาไปง่ายๆ

ดังนั้น ส้าวส้วยคิดจะใช้ชื่อของท่านจวนมาอ้าง

เมื่อเห็นส้าวส้วยไม่พูดไม่จา ชีซาจึงพูดต่อ:“ฉันจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อน หลอซ่าคือคนของท่านจวน เขาจงรักภักดีต่อท่านจวนอย่างมาก นายเป็นคนสืบทอดจีวรของหลอซ่า ถ้าอย่างนั้นก็ควรทำตามปณิธานของหลอซ่าด้วย ถึงแม้จะไม่ได้ทำงานรับใช้ท่านจวน แต่ก็ควรให้เกียรติท่านจวนหน่อยรึเปล่า? พวกฉันกับท่านจวน เราเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ช่วยเห็นแก่ท่านจวน ปล่อยพวกฉันไปได้ไหม”

ส้าวส้วยมองชีซาด้วยความนิ่งสงบ:“การกระทำของพวกนายในครั้งนี้ ใครเป็นคนส่ง?”

คำพูดเพียงคำเดียว ทำให้ชีซาตกตะลึงนิ่งค้าง

ชีซาขมวดคิ้วเป็นปม:“ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆแม้แต่น้อยเลยเหรอ?”

“ความสัมพันธ์เก่าๆ? ท่านจวนเป็นใครกันแน่? เขาใส่หน้ากากแบบไหนมาเผชิญหน้ากับพวกเรา? กับเขา มีความสัมพันธ์เก่าๆอะไร ฆ่านายไปแล้ว ฉันเองก็จะไปคิดบัญชีกับเขา”

ส้าวส้วยพูดเสียงเยือกเย็น

ชีซาไม่รู้ว่าท่านจวนและหลอซ่ามีบุญคุณและความแค้นอะไรกันบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ก็คือ การหงายการ์ดความสัมพันธ์ ไม่สามารถใช้ได้

เพราะถึงอย่างไร แผนการล้อมจับนี้ ท่านจวนเป็นแกนนำ

ก็ใช่ ในสถานการณ์แบบนี้ เขาจะให้เกียรติท่านจวนได้ยังไง?

ชีซาขมวดคิ้วเป็นปม รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย ตนเองตกใจจนขวัญเสียหมดแล้วรึเปล่า ทำให้สมองเลอะเลือนแบบนี้?

ชีซามองไปที่ทุกคน แล้วพูด:“ทุกคนจำสิ่งที่ฉันเคยสอนได้ไหม?”

“ทุกคนลุยไปพร้อมกัน!”

“ลงมือพร้อมกัน!”

“ถ้าใครกล้าหนีไปก่อน ฉันจะตามฆ่ามันสุดสุดหล้าฟ้าเขียว” ชีซาข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

นักฆ่าพวกนี้ ในมือของพวกเขา ถือมีดที่เป็นเหมือนเกลียวเอาไว้

พวกเขาล้อมเป็นวงกลม แล้วทำให้วงล้อมเล็กลงเรื่อยๆ

จนกระทั่ง ทำให้ส้าวส้วยอยู่ในวงล้อมของพวกเขา

ส้าวส้วยเพียงแค่คลายยิ้มบางๆ:“เกมของเด็กๆเหรอ?”

ส้าวส้วยดูถูกอย่างเห็นได้ชัด หลังจากคนพวกนี้มาถึงจนครบ ชีซาและหมาป่าละโมล เริ่มลงมือ

ส้าวส้วยกระโดด ราวกับบินอย่างไรอย่างนั้น

และในเวลานี้เอง ชีซาและหมาป่าละโมบ กระโดดขึ้นพร้อมกัน อาวุธลับในมือ พุ่งออกมาจากมือในเวลาเดียว มุ่งหน้าไปทางส้าวส้วย

บนพื้น ส้าวส้วยสามารถอาศัยการก้าวเดิน เพื่อหลบหนี

แต่บนอากาศ แม้ว่าเขาจะกระโดดสูงแค่ไหน ก็จะได้รับบาดเจ็บ

การหลบหนี ย่อมไม่ทันการ

ทว่าการกระโดดขึ้นมา เป็นโอกาสและทางเลือกเดียวในการหนีของส้าวส้วย

ชีซาและหมาป่าละโมบ คาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แต่แรกแล้ว

ใครจะไปรู้ ตอนที่ส้าวส้วยมองดูพวกเขาใช้อาวุธลับ กลับยิ้มเย้ยหยัน ระหว่างนิ้วมือทั้งห้านิ้วของพวกเขา มีลูกเหล็กเล็กๆปรากฏขึ้น

ลูกเหล็กขนาดเล็กถูกโยนออกมา ทำลายอาวุธลับเหล่านี้ ไปจนหมด

ส้าวส้วยลงมาบนพื้นอย่างปลอดภัย พวกนักฆ่าเหล่านั้น หมุนตัวหันหลังกันจนหมด เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว อยากจะล้อมส้าวส้วยเอาไว้อีกครั้ง

แต่ว่า ส้าวส้วยไม่ให้โอกาสนั้นกับพวกเขา

ส้าวส้วยรีบเอียงตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว พุ่งตัวไปตรงหน้านักฆ่า แล้วตบพวกเขาจนตายด้วยฝ่ามือเดียว

จากนั้น ส้าวส้วยก็ตบนักฆ่าจนตายไปอีกหนึ่งคน

แทบจะทุกหนึ่งฝ่ามือ ตบนักฆ่าตายไปหนึ่งคน

ราวกับเป็นฝ่ามืออรหันต์อย่างไรอย่างนั้น

หลี่ฝางและหลิงหลง เวลานี้พวกเขามองด้วยความตะลึงงันไปแล้ว มองด้วยความตกตะลึง แววตาอึ้งทึ่ง

หลิงหลงรู้สึกตื่นเต้น และดีใจยิ่งกว่า:“ส้าวส้วย……ส้าวส้วยนายเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ก่อนหน้านี้หลิงหลง กังวลว่าส้าวส้วยจะได้รับอันตราย

แต่ตอนนี้ดูท่าแล้ว คนที่ควรกังวลและกลัวคือ คู่ต่อสู้ของเขาต่างหาก

แน่นอน ก่อนหน้านี้หลี่ฝางเองก็เคยเป็นกังวล แต่ตอนนี้ ไม่กังวลแม้แต่น้อย

ส้าวส้วยลงมือ ก็คือตาย

ครั้งนี้ ส้าวส้วยไม่ปราณีแม้แต่น้อย มุ่งเอาชีวิตของอีกฝ่าย

ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที นักฆ่านับสิบคน ล้วนจบชีวิตด้วยน้ำมือของส้าวส้วย

ส่วนนักฆ่าอีกสองสามคนที่เหลือ ทั้งหมดล้วนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เริ่มวิ่งหนี ทว่า ส้าวส้วยจะให้โอกาสนั้นกับพวกเขาได้ยังไง?

ในมือของส้าวส้วย มีลูกเหล็กปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ลูกเหล็กเหล่านี้ถูกโยนออกไป

โครม โครม โครม

คนที่วิ่งหนี ล้มลงบนพื้นจนหมด

ในเวลานี้เอง เซราฟิม เหลือแค่ชีซาและหมาป่าละโมบเท่านั้น

หมาป่าละโมบและชีซา เข้าใจทุกอย่างทันที อย่าว่าแต่ทั้งสองร่วมมือกัน แม้ว่าทั้งสองจะวิ่งหนีกันไปคนละทั้ง

ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

บางที ในตอนแรกเริ่ม พวกเขามีโอกาสหนี

แต่ตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะหนีไปได้แล้ว

“ถึงคราวของพวกนายแล้ว”

ส้าวส้วยมองชีซาและหมาป่าละโมบ เดินไปหาอย่างช้าๆ

“แกเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่!”

ชีซาและหมาป่าละโมบ ถึงแม้จะเป็นนักฆ่า และเคยฆ่าคนมามากมาย แต่คนที่ฆ่าคนโดยไม่แม้แต่กะพริบตาอย่างส้าวส้วย พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

เหมือนหน้ากากที่ส้าวส้วยสวมใส่ น่ากลัวอย่างมาก

ส้าวส้วยพูดเสียงเรียบ :“พวกนายจะลงมือเอง หรือจะให้ฉันเป็นคนจัดการ?”

ตามด้วยการบีบเค้นของส้าวส้วย คล้ายว่าหมาป่าละโมบบ้าคลั่งไปแล้ว เขาคว้ามีดขึ้นมา แต่แขนของเขากลับถูกส้าวส้วยคว้าจับเอาไว้อย่างง่ายดาย

เสียงครืดดังขึ้น ส้าวส้วยบีบจนกระดูกของหมาป่าละโมบแหลกเหลว

หมาป่าละโมบร้องด้วยความเจ็บปวด ส้าวส้วยพูดเสียงเบา:“เซราฟิมอย่างพวกนาย ไม่ควรยุ่งมากเกินไป”

วินาทีนี้ หมาป่าละโมบเองก็รู้สึกเสียใจ

ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรกว่าจะเจอคนที่น่ากลัวเหมือนกับส้าวส้วย ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีวันมา

แต่ว่า บนโลกใบนี้สามารถย้อนอดีตได้เสียที่ไหน?

เวลาไม่มีวันเดินย้อนกลับ พวกเขาไม่มีโอกาสในการเลือกเป็นครั้งที่สอง

“ไปอยู่ในนรก พร้อมกับน้องชายของนายเถอะ เขาคิดถึงนายแล้ว”

ขณะพูด ส้าวส้วยลงมือทันที ตบหมาป่าละโมบจนตัวปลิว ตัวของหมาป่าละโมล ลอยขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นตกลงมา

ส่วนชีซา รับหมาป่าละโมบเอาไว้

เดิมที ชีซาอยากจะใช้อาวุธลับลอบทำร้ายส้าวส้วย แต่ว่า เขาคิดไปคิดมา กลับล้มเลิกความคิดนั้น

เพราะว่าอาวุธลับที่ส้าวส้วยใช้ มีชั้นเชิงกว่าเขามาก

ข้อนี้ เขารู้ดีแก่ใจ

เมื่อกี้เขากับหมาป่าละโมบใช้อาวุธลับลอบทำร้ายส้าวส้วย พวกเขาใช้อาวุธลับ ลอบทำร้ายคน คือคนที่มีชีวิตอย่างส้าวส้วย

คนที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ โอกาสที่จะถูกอาวุธลับโจมตี มีความเป็นไปได้มากแน่นอน

แต่ส้าวส้วยล่ะ?

ส้าวส้วยใช้ลูกเหล็กในมือทำลาย อาวุธลับที่พวกเขาปล่อยออกไป

ถ้าหากส้าวส้วยใช้ลูกเหล็กทำลายสิ่งของที่ไม่เคลื่อนไหว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องตกใจ แต่ว่า อาวุธลับที่ชีซาและหมาป่าละโมบโยนออกไปนั้น สามารถเคลื่อนไหวได้

อีกทั้งยังโยนมันออกไปกะทันหัน หนึ่งส้าวส้วยต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งในการไหวตัว สองเขาต้องมองให้แน่ชัดว่าอาวุธลับอยู่ในตำแหน่งไหน

สาม ทั้งยังต้องหยุดพวกเขาอย่างแม่นยำบนอากาศ

นี่มัน เป็นเรื่องที่ยากเกินไปแล้ว

ยากพอๆกับเครื่องมือที่ต้องใช้ความแม่นยำ มนุษย์ ยากที่จะทำได้ แต่ว่า แต่ว่าส้าวส้วย กลับทำได้แล้ว

วินาทีนี้ ชีซายังจะมีโอกาสอะไร

แม้จะเป็นการลอบทำร้าย ก็ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว

อีกทั้งคนที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบอย่างส้าวส้วย ขอร้องอ้อนวอนเขา มีประโยชน์เหรอ

ชีซารู้ ตนต้องตายอย่างแน่นอน

ดังนั้น เขายอมแพ้ที่จะดิ้นรน

ชีซามองส้าวส้วย ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก:“ชีวิตนี้ ได้เจอกับปรมาจารย์เหมือนคุณ ชีวิตของฉัน ตายโดยไม่รู้สึกเสียใจ”

“ตอนแรกฉันคิดว่าฉันไม่กลัวตาย แต่คิดไม่ถึงว่าเวลานี้ ฉันกลับกลัวความตายอย่างมาก

ชีซาหัวเราะแห้ง อุ้มศพของหมาป่าละโมบ:“ฉันไม่ต้องการจะขอร้องอะไรทั้งนั้น และรู้ดีไม่ว่าจะขอร้องยังไง ก็ไร้ประโยชน์ ฉันแค่คาดหวัง ยอดฝีมือช่วยละเว้นชีวิตของเซราฟิมคนอื่นๆ”

ชีซาหยิบป้ายตราสัญลักษณ์ออกมา จากอ้อมกอดของตนเอง

นั่นเป็นป้ายตราสัญลักษณ์ที่คล้ายกับเปลวไฟ :“ป้ายตราสัญลักษณ์นี้ มีทั้งหมดสามอัน เมื่อเอาทั้งสามอันรวมเข้าด้วยกัน สามารถออกคำสั่งนักฆ่าของเซราฟิม”

“นี่เป็นหยาดเหงื่อทั้งชีวิตของพวกเราสามพี่น้อง ฉันไม่อยากให้มันถูกทำลายไปแบบนี้ องค์กรเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ มีสมาชิกกว่าพันคนแล้ว ฉันรู้ดีว่าปรมาจารย์อย่างคุณ ไม่เห็นค่าพวกมดอย่างพวกเขาอยู่แล้ว แต่ พวกเขาแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก ถ้าอาจารย์อยากจะประสบความสำเร็จ บางที อาจใช้พวกเขาได้” ชีซาพูด

ส้าวส้วยขมวดคิ้วเป็นปม :“นายอยากให้ฉันกลับคำพูด แล้วปล่อยพวกเขาไปอย่างนั้นเหรอ?”

“ครับ แผนการวันนี้ พวกเขาไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่รู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงแม้พวกเขาจะรู้ ก็ทำอะไรไม่ได้ เซราฟิมของเรามีกฎระเบียบของตน ต้องเคารพผู้ที่แข็งแกร่ง ตอนแรกพวกเราก็เคยพูดเอาไว้แล้ว ถ้ามีคนเอาชนะพวกเราสามพี่น้องได้ เจ้าสำนักของเซราฟิม เปลี่ยนทันที เพียงแต่ ไม่มียอดฝีมือแบบนี้ปรากฏตัวขึ้นมาเท่านั้น มาวันนี้ ถือว่าปรากฏตัวแล้ว คุณมีสิทธิ์เป็นเจ้าสำนัก” ชีซาพูด แต่มองดูสีหน้าของส้าวส้วย กลับไม่สนใจเท่าไหร่นัก

ชีซาครุ่นคิด พร้อมกับพูด:”สำหรับคุณ ฆ่าคนมีประโยชน์อะไร”

“พวกเขาเป็นคนดีรึเปล่า”

ส้าวส้วยหัวเราะเย้ยหยัน:“ฆ่าพวกเขา ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับฉันสักหน่อย?”

ชีซาหมดคำจะพูดทันที เขาครุ่นคิด แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา พร้อมทั้งหยิบป้ายตราสัญลักษณ์ของหมาป่าละโมบและโฮจุนมา เดินไปตรงหน้าส้าวส้วย นำป้ายตราสัญลักษณ์และโทรศัพท์ ยื่นให้ส้าวส้วยพร้อมกัน:“ถือว่า ผมขอร้องคุณ”

“ในโทรศัพท์ มีรายชื่อของพวกเขา ใช้เบอร์นี้ สามารถเคลื่อนย้ายพวกเขาได้”

ชีซาพูด:“พวกเขาแยกย้ายกันอยู่คนละเมือง ความลับทั้งหมดของเซราฟิม อยู่ในโทรศัพท์เครื่องนี้ทั้งหมด”

“ถ้ายอดฝีมือยังคิดจะฆ่า ก็เชิญตามสบายครับ”

ชีซาพูดจบ กัดลิ้นตัวเอง ฆ่าตัวตาย

หลังจากชีซาล้มลงบนพื้น ส้าวส้วยเองก็เก็บโทรศัพท์และป้ายตราสัญลักษณ์

จากนั้น ส้าวส้วยหันหน้ากลับไป เดินไปทางท่านจวน

มาถึงตรงหน้าท่านจวน ส้าวส้วยมองท่านจวน ถามด้วยความนิ่งสงบ:“ฉันควรจะเรียกนายว่าท่านจวน หรือคุณท่านตงฟาง?”

เวลานี้ ด้านหลังท่านจวน มีมือปืนสิบกว่าคนคอยติดตาม ถ้าไม่ใช่เพราะมือปืนเหล่านี้อยู่ด้วย ท่านจวนคงจะวิ่งหนีไปนานแล้ว

ท่านจวนมองส้าวส้วย ด้วยสีหน้าสับสน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท