ถึงแม้หลี่ฝางจะฝึกฝนจนมีกำลังภายใน แต่ว่า เขาไม่มีประสบการณ์ในการสู้รบแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่เคยเรียนศิลปะการต่อสู้ใดๆ ด้วย
ดังนั้น เขาจึงไม่ได้เป็นปรมาจารย์ใดๆ
แตกต่างกันส้าวส้วย กำลังภายในของส้าวส้วย เป็นกำลังภายในที่ได้มาจากการฝึกฝนด้วยตนเอง
ความสามารถที่ส้าวส้วยแสดงออกมาในเวลานี้ ทำให้ชีซาและหมาป่าละโมบ มองดูด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้
สมาชิกเซราฟิมคนแล้วคนเล่า ถูกโยนออกมา
คนพวกนี้ วินาทีที่ออกมา แทบจะตายกันหมดแล้ว
ไม่มีแม้แต่โอกาสในการขัดขืน
อย่างรวดเร็ว กลุ่มคนเริ่มกระจายตัวออกไป เหลือส้าวส้วยเพียงคนเดียวเท่านั้น
ส้าวส้วยยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยแรงสังหาร
มองดูคนพวกนี้ที่กระจายตัวออกไป ส้าวส้วยหัวเราะเสียงเย็นยะเยือก:“อยากฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ? เป็นนักฆ่าไม่ใช่เหรอ? ชีวิตของฉัน มีค่าสามพันกว่าล้าน ผลตอบแทนสูงขนาดนี้ หรือว่าพวกแกไม่หวั่นไหวกันบ้าง?”
เงินตอบแทนสามพันล้านบาท ทุกคนต่างก็หวั่นไหว แต่ว่า ความสามารถที่น่ากลัวของส้าวส้วย ทำให้ทุกคนดึงสติกลับมา
หันไปมองส้าวส้วย ความหวาดกลัวของพวกเขา ก่อตัวขึ้นจากส่วนลึกในจิตวิญญาณ
นี่มันปีศาจจากขุมนรกชัดๆ
“ว่ากันว่าได้เจอกับหลอซ่า มีแค่ตายเท่านั้น”
มองไปที่ส้าวส้วย ชีซาถามเสียงเยือกเย็น:“หน้ากากที่นายใส่ คือหน้ากากผีที่หลอซ่าใส่ใช่ไหม?”
“หรือว่า นายคือผู้สืบทอดจีวรของหลอซ่า?” ชีซาเอ่ยถาม
ถึงแม้ชีซาจะไม่ได้ทำงานในเมืองเอก แต่ว่า เขาเคยได้ยินชื่อของหลอซ่ามาก่อน
สถานที่ที่หลอซ่าไปถึง ไม่มีคนรอดชีวิต
เขาเป็นลูกน้องที่มีความสามารถที่สุดของท่านจวน และเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดในเมืองเอก
โลกอิทธิพลมืดในตอนนั้น ไม่มีใครไม่กลัวหลอซ่า
และเพราะการมีตัวตนของหลอซ่า เวลาที่ทุกคนพบเจอท่านจวน ล้วนพากันกลัวอย่างมาก
เพราะว่า หลอซ่าคือคนของท่านจวน
ชีซาในเวลานี้ จู่ๆก็รู้สึกไม่อยากให้น้องชายของตนเองโฮจุนแก้แค้นแล้ว
ส้าวส้วยเก่งเกินไปแล้ว เขาเป็นเหมือนกับปีศาจ คนแบบนี้ ต่อสู้กับเขา จะให้ต่อสู้ยังไง?
มีแต่เอาชีวิตไปทิ้งเท่านั้น!
ดังนั้น เวลานี้ ชีซาอยากจะยอมแพ้ส้าวส้วย!
อยากจะขอร้องส้าวส้วยให้ปล่อยพวกเขาไป
และชีซาเองก็รู้ ส้าวส้วยไม่มีวันปล่อยเขาไปง่ายๆ
ดังนั้น ส้าวส้วยคิดจะใช้ชื่อของท่านจวนมาอ้าง
เมื่อเห็นส้าวส้วยไม่พูดไม่จา ชีซาจึงพูดต่อ:“ฉันจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อน หลอซ่าคือคนของท่านจวน เขาจงรักภักดีต่อท่านจวนอย่างมาก นายเป็นคนสืบทอดจีวรของหลอซ่า ถ้าอย่างนั้นก็ควรทำตามปณิธานของหลอซ่าด้วย ถึงแม้จะไม่ได้ทำงานรับใช้ท่านจวน แต่ก็ควรให้เกียรติท่านจวนหน่อยรึเปล่า? พวกฉันกับท่านจวน เราเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ช่วยเห็นแก่ท่านจวน ปล่อยพวกฉันไปได้ไหม”
ส้าวส้วยมองชีซาด้วยความนิ่งสงบ:“การกระทำของพวกนายในครั้งนี้ ใครเป็นคนส่ง?”
คำพูดเพียงคำเดียว ทำให้ชีซาตกตะลึงนิ่งค้าง
ชีซาขมวดคิ้วเป็นปม:“ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆแม้แต่น้อยเลยเหรอ?”
“ความสัมพันธ์เก่าๆ? ท่านจวนเป็นใครกันแน่? เขาใส่หน้ากากแบบไหนมาเผชิญหน้ากับพวกเรา? กับเขา มีความสัมพันธ์เก่าๆอะไร ฆ่านายไปแล้ว ฉันเองก็จะไปคิดบัญชีกับเขา”
ส้าวส้วยพูดเสียงเยือกเย็น
ชีซาไม่รู้ว่าท่านจวนและหลอซ่ามีบุญคุณและความแค้นอะไรกันบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ก็คือ การหงายการ์ดความสัมพันธ์ ไม่สามารถใช้ได้
เพราะถึงอย่างไร แผนการล้อมจับนี้ ท่านจวนเป็นแกนนำ
ก็ใช่ ในสถานการณ์แบบนี้ เขาจะให้เกียรติท่านจวนได้ยังไง?
ชีซาขมวดคิ้วเป็นปม รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย ตนเองตกใจจนขวัญเสียหมดแล้วรึเปล่า ทำให้สมองเลอะเลือนแบบนี้?
ชีซามองไปที่ทุกคน แล้วพูด:“ทุกคนจำสิ่งที่ฉันเคยสอนได้ไหม?”
“ทุกคนลุยไปพร้อมกัน!”
“ลงมือพร้อมกัน!”
“ถ้าใครกล้าหนีไปก่อน ฉันจะตามฆ่ามันสุดสุดหล้าฟ้าเขียว” ชีซาข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
นักฆ่าพวกนี้ ในมือของพวกเขา ถือมีดที่เป็นเหมือนเกลียวเอาไว้
พวกเขาล้อมเป็นวงกลม แล้วทำให้วงล้อมเล็กลงเรื่อยๆ
จนกระทั่ง ทำให้ส้าวส้วยอยู่ในวงล้อมของพวกเขา
ส้าวส้วยเพียงแค่คลายยิ้มบางๆ:“เกมของเด็กๆเหรอ?”
ส้าวส้วยดูถูกอย่างเห็นได้ชัด หลังจากคนพวกนี้มาถึงจนครบ ชีซาและหมาป่าละโมล เริ่มลงมือ
ส้าวส้วยกระโดด ราวกับบินอย่างไรอย่างนั้น
และในเวลานี้เอง ชีซาและหมาป่าละโมบ กระโดดขึ้นพร้อมกัน อาวุธลับในมือ พุ่งออกมาจากมือในเวลาเดียว มุ่งหน้าไปทางส้าวส้วย
บนพื้น ส้าวส้วยสามารถอาศัยการก้าวเดิน เพื่อหลบหนี
แต่บนอากาศ แม้ว่าเขาจะกระโดดสูงแค่ไหน ก็จะได้รับบาดเจ็บ
การหลบหนี ย่อมไม่ทันการ
ทว่าการกระโดดขึ้นมา เป็นโอกาสและทางเลือกเดียวในการหนีของส้าวส้วย
ชีซาและหมาป่าละโมบ คาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แต่แรกแล้ว
ใครจะไปรู้ ตอนที่ส้าวส้วยมองดูพวกเขาใช้อาวุธลับ กลับยิ้มเย้ยหยัน ระหว่างนิ้วมือทั้งห้านิ้วของพวกเขา มีลูกเหล็กเล็กๆปรากฏขึ้น
ลูกเหล็กขนาดเล็กถูกโยนออกมา ทำลายอาวุธลับเหล่านี้ ไปจนหมด
ส้าวส้วยลงมาบนพื้นอย่างปลอดภัย พวกนักฆ่าเหล่านั้น หมุนตัวหันหลังกันจนหมด เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว อยากจะล้อมส้าวส้วยเอาไว้อีกครั้ง
แต่ว่า ส้าวส้วยไม่ให้โอกาสนั้นกับพวกเขา
ส้าวส้วยรีบเอียงตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว พุ่งตัวไปตรงหน้านักฆ่า แล้วตบพวกเขาจนตายด้วยฝ่ามือเดียว
จากนั้น ส้าวส้วยก็ตบนักฆ่าจนตายไปอีกหนึ่งคน
แทบจะทุกหนึ่งฝ่ามือ ตบนักฆ่าตายไปหนึ่งคน
ราวกับเป็นฝ่ามืออรหันต์อย่างไรอย่างนั้น
หลี่ฝางและหลิงหลง เวลานี้พวกเขามองด้วยความตะลึงงันไปแล้ว มองด้วยความตกตะลึง แววตาอึ้งทึ่ง
หลิงหลงรู้สึกตื่นเต้น และดีใจยิ่งกว่า:“ส้าวส้วย……ส้าวส้วยนายเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ก่อนหน้านี้หลิงหลง กังวลว่าส้าวส้วยจะได้รับอันตราย
แต่ตอนนี้ดูท่าแล้ว คนที่ควรกังวลและกลัวคือ คู่ต่อสู้ของเขาต่างหาก
แน่นอน ก่อนหน้านี้หลี่ฝางเองก็เคยเป็นกังวล แต่ตอนนี้ ไม่กังวลแม้แต่น้อย
ส้าวส้วยลงมือ ก็คือตาย
ครั้งนี้ ส้าวส้วยไม่ปราณีแม้แต่น้อย มุ่งเอาชีวิตของอีกฝ่าย
ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที นักฆ่านับสิบคน ล้วนจบชีวิตด้วยน้ำมือของส้าวส้วย
ส่วนนักฆ่าอีกสองสามคนที่เหลือ ทั้งหมดล้วนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เริ่มวิ่งหนี ทว่า ส้าวส้วยจะให้โอกาสนั้นกับพวกเขาได้ยังไง?
ในมือของส้าวส้วย มีลูกเหล็กปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ลูกเหล็กเหล่านี้ถูกโยนออกไป
โครม โครม โครม
คนที่วิ่งหนี ล้มลงบนพื้นจนหมด
ในเวลานี้เอง เซราฟิม เหลือแค่ชีซาและหมาป่าละโมบเท่านั้น
หมาป่าละโมบและชีซา เข้าใจทุกอย่างทันที อย่าว่าแต่ทั้งสองร่วมมือกัน แม้ว่าทั้งสองจะวิ่งหนีกันไปคนละทั้ง
ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
บางที ในตอนแรกเริ่ม พวกเขามีโอกาสหนี
แต่ตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะหนีไปได้แล้ว
“ถึงคราวของพวกนายแล้ว”
ส้าวส้วยมองชีซาและหมาป่าละโมบ เดินไปหาอย่างช้าๆ
“แกเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่!”
ชีซาและหมาป่าละโมบ ถึงแม้จะเป็นนักฆ่า และเคยฆ่าคนมามากมาย แต่คนที่ฆ่าคนโดยไม่แม้แต่กะพริบตาอย่างส้าวส้วย พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
เหมือนหน้ากากที่ส้าวส้วยสวมใส่ น่ากลัวอย่างมาก
ส้าวส้วยพูดเสียงเรียบ :“พวกนายจะลงมือเอง หรือจะให้ฉันเป็นคนจัดการ?”
ตามด้วยการบีบเค้นของส้าวส้วย คล้ายว่าหมาป่าละโมบบ้าคลั่งไปแล้ว เขาคว้ามีดขึ้นมา แต่แขนของเขากลับถูกส้าวส้วยคว้าจับเอาไว้อย่างง่ายดาย
เสียงครืดดังขึ้น ส้าวส้วยบีบจนกระดูกของหมาป่าละโมบแหลกเหลว
หมาป่าละโมบร้องด้วยความเจ็บปวด ส้าวส้วยพูดเสียงเบา:“เซราฟิมอย่างพวกนาย ไม่ควรยุ่งมากเกินไป”
วินาทีนี้ หมาป่าละโมบเองก็รู้สึกเสียใจ
ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรกว่าจะเจอคนที่น่ากลัวเหมือนกับส้าวส้วย ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีวันมา
แต่ว่า บนโลกใบนี้สามารถย้อนอดีตได้เสียที่ไหน?
เวลาไม่มีวันเดินย้อนกลับ พวกเขาไม่มีโอกาสในการเลือกเป็นครั้งที่สอง
“ไปอยู่ในนรก พร้อมกับน้องชายของนายเถอะ เขาคิดถึงนายแล้ว”
ขณะพูด ส้าวส้วยลงมือทันที ตบหมาป่าละโมบจนตัวปลิว ตัวของหมาป่าละโมล ลอยขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นตกลงมา
ส่วนชีซา รับหมาป่าละโมบเอาไว้
เดิมที ชีซาอยากจะใช้อาวุธลับลอบทำร้ายส้าวส้วย แต่ว่า เขาคิดไปคิดมา กลับล้มเลิกความคิดนั้น
เพราะว่าอาวุธลับที่ส้าวส้วยใช้ มีชั้นเชิงกว่าเขามาก
ข้อนี้ เขารู้ดีแก่ใจ
เมื่อกี้เขากับหมาป่าละโมบใช้อาวุธลับลอบทำร้ายส้าวส้วย พวกเขาใช้อาวุธลับ ลอบทำร้ายคน คือคนที่มีชีวิตอย่างส้าวส้วย
คนที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ โอกาสที่จะถูกอาวุธลับโจมตี มีความเป็นไปได้มากแน่นอน
แต่ส้าวส้วยล่ะ?
ส้าวส้วยใช้ลูกเหล็กในมือทำลาย อาวุธลับที่พวกเขาปล่อยออกไป
ถ้าหากส้าวส้วยใช้ลูกเหล็กทำลายสิ่งของที่ไม่เคลื่อนไหว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องตกใจ แต่ว่า อาวุธลับที่ชีซาและหมาป่าละโมบโยนออกไปนั้น สามารถเคลื่อนไหวได้
อีกทั้งยังโยนมันออกไปกะทันหัน หนึ่งส้าวส้วยต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งในการไหวตัว สองเขาต้องมองให้แน่ชัดว่าอาวุธลับอยู่ในตำแหน่งไหน
สาม ทั้งยังต้องหยุดพวกเขาอย่างแม่นยำบนอากาศ
นี่มัน เป็นเรื่องที่ยากเกินไปแล้ว
ยากพอๆกับเครื่องมือที่ต้องใช้ความแม่นยำ มนุษย์ ยากที่จะทำได้ แต่ว่า แต่ว่าส้าวส้วย กลับทำได้แล้ว
วินาทีนี้ ชีซายังจะมีโอกาสอะไร
แม้จะเป็นการลอบทำร้าย ก็ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว
อีกทั้งคนที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบอย่างส้าวส้วย ขอร้องอ้อนวอนเขา มีประโยชน์เหรอ
ชีซารู้ ตนต้องตายอย่างแน่นอน
ดังนั้น เขายอมแพ้ที่จะดิ้นรน
ชีซามองส้าวส้วย ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก:“ชีวิตนี้ ได้เจอกับปรมาจารย์เหมือนคุณ ชีวิตของฉัน ตายโดยไม่รู้สึกเสียใจ”
“ตอนแรกฉันคิดว่าฉันไม่กลัวตาย แต่คิดไม่ถึงว่าเวลานี้ ฉันกลับกลัวความตายอย่างมาก
ชีซาหัวเราะแห้ง อุ้มศพของหมาป่าละโมบ:“ฉันไม่ต้องการจะขอร้องอะไรทั้งนั้น และรู้ดีไม่ว่าจะขอร้องยังไง ก็ไร้ประโยชน์ ฉันแค่คาดหวัง ยอดฝีมือช่วยละเว้นชีวิตของเซราฟิมคนอื่นๆ”
ชีซาหยิบป้ายตราสัญลักษณ์ออกมา จากอ้อมกอดของตนเอง
นั่นเป็นป้ายตราสัญลักษณ์ที่คล้ายกับเปลวไฟ :“ป้ายตราสัญลักษณ์นี้ มีทั้งหมดสามอัน เมื่อเอาทั้งสามอันรวมเข้าด้วยกัน สามารถออกคำสั่งนักฆ่าของเซราฟิม”
“นี่เป็นหยาดเหงื่อทั้งชีวิตของพวกเราสามพี่น้อง ฉันไม่อยากให้มันถูกทำลายไปแบบนี้ องค์กรเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ มีสมาชิกกว่าพันคนแล้ว ฉันรู้ดีว่าปรมาจารย์อย่างคุณ ไม่เห็นค่าพวกมดอย่างพวกเขาอยู่แล้ว แต่ พวกเขาแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก ถ้าอาจารย์อยากจะประสบความสำเร็จ บางที อาจใช้พวกเขาได้” ชีซาพูด
ส้าวส้วยขมวดคิ้วเป็นปม :“นายอยากให้ฉันกลับคำพูด แล้วปล่อยพวกเขาไปอย่างนั้นเหรอ?”
“ครับ แผนการวันนี้ พวกเขาไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่รู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงแม้พวกเขาจะรู้ ก็ทำอะไรไม่ได้ เซราฟิมของเรามีกฎระเบียบของตน ต้องเคารพผู้ที่แข็งแกร่ง ตอนแรกพวกเราก็เคยพูดเอาไว้แล้ว ถ้ามีคนเอาชนะพวกเราสามพี่น้องได้ เจ้าสำนักของเซราฟิม เปลี่ยนทันที เพียงแต่ ไม่มียอดฝีมือแบบนี้ปรากฏตัวขึ้นมาเท่านั้น มาวันนี้ ถือว่าปรากฏตัวแล้ว คุณมีสิทธิ์เป็นเจ้าสำนัก” ชีซาพูด แต่มองดูสีหน้าของส้าวส้วย กลับไม่สนใจเท่าไหร่นัก
ชีซาครุ่นคิด พร้อมกับพูด:”สำหรับคุณ ฆ่าคนมีประโยชน์อะไร”
“พวกเขาเป็นคนดีรึเปล่า”
ส้าวส้วยหัวเราะเย้ยหยัน:“ฆ่าพวกเขา ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับฉันสักหน่อย?”
ชีซาหมดคำจะพูดทันที เขาครุ่นคิด แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา พร้อมทั้งหยิบป้ายตราสัญลักษณ์ของหมาป่าละโมบและโฮจุนมา เดินไปตรงหน้าส้าวส้วย นำป้ายตราสัญลักษณ์และโทรศัพท์ ยื่นให้ส้าวส้วยพร้อมกัน:“ถือว่า ผมขอร้องคุณ”
“ในโทรศัพท์ มีรายชื่อของพวกเขา ใช้เบอร์นี้ สามารถเคลื่อนย้ายพวกเขาได้”
ชีซาพูด:“พวกเขาแยกย้ายกันอยู่คนละเมือง ความลับทั้งหมดของเซราฟิม อยู่ในโทรศัพท์เครื่องนี้ทั้งหมด”
“ถ้ายอดฝีมือยังคิดจะฆ่า ก็เชิญตามสบายครับ”
ชีซาพูดจบ กัดลิ้นตัวเอง ฆ่าตัวตาย
หลังจากชีซาล้มลงบนพื้น ส้าวส้วยเองก็เก็บโทรศัพท์และป้ายตราสัญลักษณ์
จากนั้น ส้าวส้วยหันหน้ากลับไป เดินไปทางท่านจวน
มาถึงตรงหน้าท่านจวน ส้าวส้วยมองท่านจวน ถามด้วยความนิ่งสงบ:“ฉันควรจะเรียกนายว่าท่านจวน หรือคุณท่านตงฟาง?”
เวลานี้ ด้านหลังท่านจวน มีมือปืนสิบกว่าคนคอยติดตาม ถ้าไม่ใช่เพราะมือปืนเหล่านี้อยู่ด้วย ท่านจวนคงจะวิ่งหนีไปนานแล้ว
ท่านจวนมองส้าวส้วย ด้วยสีหน้าสับสน