NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 832 ความหวาดกลัวของตงฟางเย่น

บทที่ 832 ความหวาดกลัวของตงฟางเย่น

“แฮๆ เวลานี้ยังคิดจะถอยเหรอ สายไปเสียแล้ว!”

หลี่ฝางหัวเราะแฮๆ ใช้มือขวาบิดไปหนึ่งที แขนของชายผิวดำนั้นราวกับขนมแป้งทอด ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ตามชายผิวดำก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาเลย เพียงแค่เหงื่อไหลเต็มหน้าและร่างกายที่สั่นสะท้าน แสดงถึงความหวาดกลัวของเขาออกมา

“ผนึกลมปราณให้เป็นพลัง! นี่มันคือกำลังภายในชัดๆ! แกถึงกับฝึกกำลังภายในสำเร็จแล้ว! นี่เป็นไปได้อย่างไร……”

ระหว่างที่สีหน้าของชายผิวดำตื่นตกใจอยู่นั้น ก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งที่สั่นเครือ

“ยังไม่เชื่ออีกเหรอ? ฮ่าๆๆ งั้นไปลงนรกแล้วค่อยๆช็อกต่อก็แล้วกันนะ!”

“ปั้ง!”

สายตาของหลี่ฝางเยือกเย็นเฉยชา ระหว่างนั้นก็โยกมือขวาออกไป ทำให้ชายผิวดำตรงหน้าราวกับเป็นขยะ ถูกโยนข้ามไปยังกำแพง

ชายผิวดำกระอักเลือดสดพ่นออกมา จากนั้นก็สลบไปไม่ได้สติอีกเลย

“หนีเร็ว!!”

ที่เหลืออีกสี่คนก็ได้เห็นฝ่ามือของหลี่ฝางไม่ธรรมดา ถึงกับต้านทานท่าไม้ตายของชายผิวดำได้ อีกทั้งยังบิดแขนของชายผิวดำจนหักได้อย่างง่ายดาย ทั้งสี่คนสายตาล้วนตื่นกลัวว้าวุ่น ถึงกับเริ่มคิดที่จะถอยหนีไป

แต่ว่าหลี่ฝางไม่มีทางที่จะให้เวลาพวกเขาหนีไปได้อย่างเด็ดขาด

“ปั้ง!!”

ใช้พละกำลังทั้งหมด เงาร่างของหลี่ฝางราวกับปีศาจ รวดเร็วกว่าก่อนหน้านั้นหลายเท่านัก เหมือนกับปีศาจร้าย กระโจนเข้าไปยังสี่คนที่เหลือนั่น เพียงแค่เวลาเสี้ยววินาทีเท่านั้น ร่างของสี่ คนนั้นราวกับขาดรุ่งริ่ง ถูกโยนไปบนพื้นอย่างรุนแรง

หน้าอกและแขนของแต่ละคนแทบจะถูกกระแทกจนแหลกละเอียด ยิ่งน่าอนาถน่ากลัวกว่าชายผิวดำเสียอีก อีกทั้งยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง ก็ม้วยมรณาไปเสียแล้ว

“ตงฟางจัว ตอนนี้ก็ตาแกแล้วสินะ!”

ราวกับปีศาจร้ายที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรก หลี่ฝางปาดเลือดในมือทิ้งไป แสยะปากอย่างเยือกเย็น แล้วเดินเข้ามายังตงฟางจัวทีละก้าวละก้าว

“แก แกอย่าฆ่าฉันนะ! อย่าลืมว่า ฉันเป็นคนของตระกูลตงฟาง ถ้าแกกล้าฆ่าฉันละก็ หลี่ฝาง! ปู่ของฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่!”

ร่างของตงฟางจัวก็อ่อนตัวล้มลงไปกับพื้น ตงฟางจัวก็เป็นยอดฝีมือที่ได้ผ่านการฝึกฝนมาหลายปีแล้วเช่นกัน แต่ว่าตอนนี้พลังที่แผ่ซ่านออกจากตัวของหลี่ฝางนั้นมันน่ากลัวเกินไป ทำลายขีดความอดกลั้นภายในจิตใจของตงฟางจัวไปอย่างง่ายดาย ทำให้เขาเกือบจะล่มสลายไป

“ ฮื้อ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางจัวแล้ว สีหน้าที่เย็นชาของหลี่ฝางก็แสดงความดุร้ายออกมาทันที ส่งเสียงฮื้อแล้วยื่นฝ่ามือออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกรงเล็บเหยี่ยว แล้วบีบคอของตงฟางจัวไว้

ตงฟางจัวหายใจติดขัดทันที สีหน้าแดงก่ำ นัยน์ตาทั้งคู่แสดงความเจ็บปวดรวดร้าวมาก

“อย่าฆ่าฉัน ไม่เช่นนั้นตระกูลตงฟางจะไม่ปล่อยแกไปแน่!”

ตงฟางจัวพูดอย่างเจ็บปวดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“จะตายอยู่แล้วยังกล้ามาขู่ฉัน ตงฟางจัว แกนี่ช่างห้าวหาญนักนะ งั้นฉันก็จะส่งแกลงไปห้าวหาญที่ขุมนรกก็แล้วกันนะ!”

“แก๊ก!”

คำพูดที่เยือกเย็นของหลี่ฝาง ราวกับลมหนาวที่มาจากขุมนรก พัดเข้ามาในใจของตงฟางจัว หลี่ฝางออกแรงบิดข้อมือ ก็บิดคอของตงฟางจัวจนหักไปเลย

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะค่อยๆจัดการตระกูลตงฟางให้ราบคาบไปเลย แกเป็นคนแรก!”

หลี่ฝางโยนศพของตงฟางจัวไปอีกด้านหนึ่ง แล้วเดินไปยังข้างลำตัวของชายผิวดำที่ยังมีลมหายใจอยู่นั้น ใช้ขาเหยียบลงไปหนึ่งที ก็ทำให้ชีวิตของชายผิวดำนั้นจบสิ้นลงไปในที่สุด

เมื่อสังหารชายผิวดำแล้ว หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร แต่กลับยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ หวนนึกถึงการต่อสู้ที่ผ่านมาเมื่อครู่

แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่นึกไม่ถึงเลยว่า เขาสามารถก้าวหน้าได้เร็วถึงเพียงนี้ ถ้าหากเป็นเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว พวกคนที่เขาเพิ่งฆ่าตายเมื่อครู่นั้นแต่ละคนสามารถจะสังหารตัวเองได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าตอนนี้พวกเขาล้วนตายด้วยน้ำมือของหลี่ฝางกันทั้งนั้นเลย

นี่ก็คือความแข็งแกร่งของกำลังภายใน พลังแรงบริสุทธิ์ที่นำพาความแข็งแกร่งมาให้ ทำให้ผู้คนต้องหลงใหล

แต่ว่าในขณะเดียวกันในใจหลี่ฝางก็ยังมีความกังวลซ่อนอยู่ เขารู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งมากแล้ว แต่แท้จริงแล้วพละกำลังของเขาอย่างมากก็ได้แค่ครึ่งหนึ่งของส้าวส้วยเท่านั้นเอง อีกทั้งส้าวส้วยก็เคยพูดไว้ว่าพละกำลังของท่านจวนทำให้เขารู้สึกหวาดผวา ถ้าเช่นนั้นแล้วอย่างท่านจวน หลอซ่าพวกเขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นไหนกันล่ะ?

แล้วผู้กล้าแกร่งพวกนี้ถูกกักตัวในโซนปีศาจแล้วจะอันตรายขนาดไหนกัน?

วินาทีนี้หลี่ฝางรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกบในกะลา เมื่อก่อนท้องฟ้าที่เขาเคยเห็นมันช่างคับแคบเหลือเกิน อีกทั้งแทบจะพูดได้ว่าเขาเป็นเพียงแค่คุณชายเจ้าสำราญที่อาศัยแต่ตระกูลตัวเองก็ไม่มากเกินไป แต่ตอนนี้หลังจากที่มีพละกำลังอันแข็งแกร่งนี้แล้ว โลกของหลี่ฝางก็เริ่มเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาได้มองเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกใบนี้ ตลอดจนได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามมากยิ่งขึ้นด้วย

หลังจากได้สติกลับคืนมา หลี่ฝางก็มองไปยังคนที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่เพียงคนเดียว ตงฟางเย่น

เธอตอนนี้ไม่พูดอะไรเลย สีหน้าขาวซีดนั่งอยู่บนรถเข็น ไม่พูดไม่จา เพียงแต่มือของเธอจับที่เท้าแขนของรถเข็นไว้แน่น ข้อกระดูกมือสะท้อนความไม่สงบนิ่งภายในจิตใจของเธอออกมา

เมื่อรู้สึกว่าหลี่ฝางกำลังมองเธออยู่ ตงฟางเย่นก็ไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป พูดด้วยรอยยิ้มเศร้าสร้อยว่า “พวกเราแพ้แล้ว หลี่ฝาง ทุกคนต่างดูถูกคุณ ตอนนี้คุณเป็นอัจฉริยะแห่งวงการต่อสู้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว พรสวรรค์อย่างที่พวกเรามีอยู่นั้นเมื่อเทียบกับคุณแล้วก็เหมือนขยะที่ไร้ค่า”

หลี่ฝางก็หัวเราะ “นี่คุณกำลังพูดยกยอฉันเหรอ?”

ตงฟางเย่นส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่หรอก ฉันพูดตามความจริง อีกอย่างฉันก็ไม่คิดว่าจะอาศัยพูดเอาใจคุณแล้วจะรักษาชีวิตของตัวเองไว้ได้ จะฆ่าจะแกง ก็แล้วแต่คุณเลย”

พูดจบตงฟางเย่นก็หลับตาลง สีหน้าเรียบเฉย แต่ว่าขนตาที่ยาวนั้นสั่นไหวอยู่ตลอด สะท้อนความหวาดกลัวในใจของเธอออกมา

หลี่ฝางหัวเราะแฮๆ “ฉันจำได้ว่าตอนที่พวกเราพบหน้ากันคราวก่อนเคยพูดว่า คุณเป็นคนของฉันแล้ว จะช่วยทำงานให้ฉัน แล้วยังไงล่ะ พอได้กลับไปอยู่กับบ้านตระกูลตงฟาง ก็ไม่รักษาคำพูดแล้วเหรอ?”

ตงฟางเย่นลืมตาขึ้นมา ถามอย่างประหลาดใจว่า “คุณไม่ฆ่าฉันเหรอ?”

น้ำเสียงของเธออดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นบ้าง อย่างน้อยถ้าหากยังสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ ก็ไม่มีใครอยากจะตายหรอก

เธอยังคิดว่า คราวนี้ที่ลอบสังหารหลี่ฝางนั้น เขาจะต้องไม่ปล่อยตัวเองอย่างแน่นอน ถ้าพูดอย่างเป็นธรรม หากเธอเป็นหลี่ฝางละก็ จะไม่มีทางที่จะปล่อยตัวเองที่เคยนับเป็น “พวกเดียวกัน”คนนี้เหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าคำพูดของหลี่ฝางยังแฝงความหมายที่จะปล่อยเธอไปอีก

“ฉันไม่ฆ่าคุณหรอก กว่าจะรับลูกน้องคนหนึ่งมาได้ไม่ใช่ง่ายเลย แล้วยังสะสวยขนาดนี้ ฉันจะฆ่าลงคอได้อย่างไรกันล่ะ?”

หลี่ฝางหัวเราะแล้วเดินตรงเข้าไปยื่นมือไปลูบแก้มใสวิ๊งของตงฟางเย่น แล้วยังทะเล้นหยิกแก้มเธอไปหนึ่งที

ตงฟางเย่นขมวดคิ้ว คิดอยากจะหลบแต่ก็หลบไม่พ้น จึงพูดด้วยความรังเกียจว่า “ถึงแม้ฉันจะตกลงฟังคำสั่งคุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถทำอะไรกับฉันก็ได้นะ ถ้าหากคุณคิดจะรังแกฉันละก็ ฉันจะยอมฆ่าตัวตายอยู่ตรงหน้าคุณเลย”

“เอาเถอะ ฉันเพียงแต่ล้อเล่นเท่านั้น ไม่คิดจะทำอะไรคุณหรอก” หลี่ฝางสะบัดมือด้วยความเสียดาย หวนนึกถึงความรู้สึกตลกที่หลงเหลืออยู่ตรงนิ้วมือตัวเอง

เขารู้ว่าคนอย่างตงฟางเย่นนั้น เป็นคนที่เห็นคุณค่าบางสิ่งบางอย่างมากกว่าชีวิตของตัวเองจริงๆ คำพูดเมื่อครู่ของเธอก็เป็นการพูดที่จริงจังแน่นอน ส่วนตัวเองตอนนี้ยังไม่อยากให้ตงฟางเย่นตาย หากมีตงฟางเย่นอยู่ในกำมือ ก็ยังสามารถช่วยเขาทำงานอะไรได้อีกหลายอย่าง เงื่อนไขสำคัญคือเธอจะยอมเชื่อฟังอย่างไม่ขัดขืนจริงเหรอ

แต่ว่าตอนนี้ก็ได้รับลูกน้องคนนี้ไว้แล้ว ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้เธอยอมเชื่อฟังคำสั่งของตัวเองแต่โดยดี ในเวลานี้ทำให้หลี่ฝางต้องลำบากใจเสียแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท