NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 835 หลี่ฝางแสดงแสนยานุภาพ

บทที่ 835 หลี่ฝางแสดงแสนยานุภาพ

“แกดูสิ นั่นไม่ใช่คุณชายตระกูลหลี่หลี่ฝางเหรอ?”

“เมื่อกี้ได้ยินว่าเขาก็คือนักซิ่งรถที่ลึกลับคราวที่แล้วคนนั้นเหรอ?”

“ขี้โม้สิ! คราวที่แล้วตอนแข่งขันเขาไม่ได้ลงแข่งด้วย ฉันยังเห็นเขานั่งดูอยู่ตรงเชิงเขาเลย”

“คุณชายหลี่คนนี้คงอยากตายละมั้ง?”

“ฉันได้ข่าวว่าดูเหมือนคราวที่แล้วเจ้าของรถแลมโบกินี่ ใช้กลอุบายเล่นตุกติก……”

“เรื่องอย่างนี้อย่าพูดออกไปเชียว ระวังภัยจะออกมาจากปาก”

ในระหว่างการออกความเห็นวิจารณ์ต่างๆนาๆของผู้คนที่เชิงเขานั้น การแข่งขันก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว

คราวนี้ แลมโบกินี่ของเซี่ยจือชิวนำหน้าขบวน วิ่งพุ่งออกไปก่อนเลย

“แลมโบกินี่ก็ผ่านการตกแต่งมาก่อนแล้ว ความเร็วสูงมากขึ้น คล่องแคล่วว่องไวยิ่งขึ้น แต่ว่า เสถียรภาพความหนักแน่นก็จะต้องเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน คนขับจะต้องมีทักษะการควบคุมที่ยอดเยี่ยมจึงจะขับบังคับรถได้ หรือว่าฝีมือเทคนิคการขับของคนนั้นก็พัฒนาขึ้นภายในเวลาอันสั้นนี้ด้วยเหรอ?”

ผู้ชายใส่แว่นอายุราวสามสิบกว่าคนหนึ่งพูดอย่างสงสัย คนที่อยู่รอบข้างต่างก็รู้จักดี คนนี้ก็คือราชาหมาป่าเมื่อครั้งก่อน สายตาของเขาแม่นยำอย่างไม่ต้องสงสัย ก็ด้วยเหตุที่ว่าการแข่งขันเพิ่งจะเริ่มขึ้น เขาก็สามารถมองเห็นอะไรได้หลายอย่างมากกว่าคนอื่นที่ยังมองอะไรไม่ออก

เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆก็ได้ขอคำชี้แนะว่า “อาครับ ในภูเขาหมาป่านี้มีทางโค้งมากมายขนาดนี้ แลมโบกินี่ของเขามีความเร็วมากขึ้นจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ถ้าเร่งความเร็วมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เป็นการรนหาที่ตายหรอกหรือ?”

ความจริงแล้ว นี่ก็คือข้อสงสัยของผู้คนจำนวนมากในสนามแข่งนี้ ภูเขาหมาป่าแห่งนี้มีทางโค้งทั้งหมดร้อยแปดโค้ง ในนั้นยังเป็นโค้งหักศอกทั้งหมดสามสิบหกโค้ง หากอยู่ในโค้งหักศอกแล้ว รถที่มีความเร็วสูงก็จะเสียศูนย์ได้ง่ายขึ้น พุ่งลงสู่หน้าผาก็จะเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำคนเสียชีวิตขึ้นได้

ราชาหมาป่ายิ้มแล้วพูดว่า “ยังจำการแข่งขันครั้งล่าสุดนี้ได้ไหม?”

“ครั้งล่าสุดเหรอ?” ผู้คนต่างก็หวนรำลึกสักครู่ มีคนหนึ่งนึกออกแล้วก็รีบตะโกนว่า “ใช่แล้ว! คราวที่แล้วรถมัสแตงก็พุ่งลงหน้าผาไป แล้วก็วิ่งไต่จากหน้าผ่าที่สูงชันลงมาถึงข้างล่างได้ ถึงแม้ถูกชนจนพังยับเยิน แต่ก็อาศัยความชันของหน้าผา เอาชนะแลมโบกินี่ได้”

“ถูกต้อง ฉันคิดว่าแลมโบกินี่คงอยากจะลอกเลียนแบบมัสแตงคราวที่แล้ว อาศัยความเร็วพุ่งดิ่งลงไปยังหน้าผา”

“เป็นไปไม่ได้หรอก โครงสร้างตัวถังของมัสแตงพุ่งลงไปยังชนจนสภาพยับเยินขนาดนั้น ถ้าแลมโบกินี่พุ่งชนลงไปก็ไม่แหลกเหลวเลยเหรอ?” มีคนสงสัยถามขึ้นทันที

“ไม่หรอก ในเมื่อแลมโบกินี่กล้าที่จะทำเช่นนั้นแล้ว งั้นจะต้องมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้ด้วยสิ ฉันคิดว่าเขาดัดแปลงรถคราวนี้สงสัยจะทุ่มสุดตัวแล้ว ไม่เพียงแต่ตัวเครื่องเท่านั้น ยังมีวัสดุโครงตัวถังภายนอก ก็เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลย”

“มันก็ไม่แตกต่างอะไรกับเปลี่ยนรถคันใหม่เลยล่ะสิ” ทุกคนต่างพูดอย่างตกตะลึง

“ราชาหมาป่า คุณคิดว่าคราวนี้ใครจะชนะ หรือจะเป็นแลมโบกินี่?” มีอีกคนหนึ่งถาม

“อันนี่ก็พูดยากนะ ถ้าหากเป็นราชาหมาป่าคนใหม่ตัวจริงแล้ว ฉันคิดว่าเขาต้องชนะ คราวที่แล้วอาศัยแค่มัสแตงคันเดียวก็ยังวิ่งได้ผลดีขนาดนี้เลย ถ้าหากเปลี่ยนเป็นรถที่ดีกว่านี้ เวลาที่เขาใช้ไปก็น่าจะต้องลดลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว เพียงแต่ว่า……”

“แต่ว่าราชาหมาป่าคนใหม่ไม่ได้มาด้วย กลับเปลี่ยนเป็นไอ้เด็กน้อยแซ่หลี่คนนั้นมาแทน” มีคนช่วยเสริมคำพูดของราชาหมาป่าที่พูดยังไม่ทันจบ แสดงว่าทุกคนก็ไม่ได้ชื่นชอบหลี่ฝางสักเท่าไหร่เลย

“รอดูการแข่งขันไปก่อนเถอะ ผลสุดท้ายจะออกมายังไง ไม่มีใครกล้าที่จะฟันธงได้หรอก” ราชาหมาป่าไม่อยากที่จะวิจารณ์ปัญหานี้ สายตามองไปยังจอมอนิเตอร์ยักษ์นั้น

“คราวนี้ยอดฝีมือมีมากจังเลย ปอร์แช่ของคุณชายหลี่ยังตามไปไม่ทันเลยนี่นา”

“พวกที่อยู่แถวหน้าต่างก็เป็นมือใหม่หน้าตาไม่คุ้นทั้งนั้น ไม่มีสักคนที่เป็นหมาป่าของพวกเราเลยเหรอ?”

ผู้คนต่างผิดหวังตามๆกัน คราวนี้เซี่ยจือชิวได้เชิญเพื่อนสามคนมาร่วมแข่งขันด้วย ทั้งสี่คนนี้ก็เลยขับเหมาเรียงกันเต็มด้านหน้าทั้งสี่ ทำให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นต้องวิ่งตามหลังคอยกินเขม่าควันไปตามกัน

อีกทั้งสี่คนนี้ก็ร่วมมือกันอย่างเห็นได้ชัด เซี่ยจือชิววิ่งนำหน้าไปอยู่ด้านหน้าสุด ที่เหลืออีกสามคันก็จงใจขับปิดท้ายเพื่อกีดกันไม่ให้รถคันอื่นแซงขึ้นไปได้ ขณะที่การแข่งขันเริ่มขึ้นไม่นานนัก ก็บีบบังคับให้รถต้องหยุดวิ่งไปแล้วหลายคัน ทำให้รถคันอื่นก็ไม่กล้าขับเข้าไปใกล้

สำหรับรถปอร์เช่ของหลี่ฝางนั้น ขับตามหลังขบวนรถข้างหลังอย่างเงียบๆมาตลอด ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าฐานะของเขาแล้ว เกรงว่าสายตาของผู้คนก็คงไม่จ้องมองมายังรถรั้งท้ายที่ขับมาอย่างเอื่อยเฉื่อยคันนี้หรอก

ภายในรถแลมโบกินี่นั้น เซี่ยจือชิวได้ยินเสียงของพรรคพวกดังมาจากช่องทางสื่อสาร

“ดูเหมือนว่านักแข่งรถภูเขาหมาป่าคนนั้นไม่ได้มาด้วย”

“ดูเหมือนว่าเขาคงจะกลัวจริงๆ น่าเสียดายจริงเลย ที่ฉันไม่ได้เอาชนะเขาด้วยตัวเองเสียที” เซี่ยจือชิวสายตาส่องประกายความผิดหวังออกมา จากนั้นความผิดหวังนั้น

ก็จางหายไปในพริบตา เปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นเข้ามาแทนที่

“หลี่ฝางคนนั้นนึกว่าตัวเองมาลงแข่งแทนก็จะทำให้ฉันละเว้นเขาเหรอ? ไหนเลยจะมีเรื่องที่ดีได้ขนาดนี้ หลังจบการแข่งขันครั้งนี้แล้ว ตระกูลหลี่ของเขาก็รอวันล้มละลายได้เลย!”

“จุ๊ๆๆ คุณชายเซี่ยโกรธจริงแล้วแหละ” เสียงเยาะเย้ยของพรรคพวกแว่วเข้ามาตามช่องทางสื่อสาร

“ข้างหน้าก็คือทางโค้งแล้ว ไม่รู้ว่าคราวนี้จะมีการแสดงขับรถผาดโผนแซงทางโค้งหรือเปล่านะ?”

ขับรถแซงทางโค้ง เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนตื่นเต้นที่สุด เมื่อถึงเวลานั้น ทุกคนต่างก็เบิ่งตาโต จ้องมองอย่างใจจดใจจ่อ ไม่อยากปล่อยให้พลาดรายละเอียดไปแม้แต่นิดเดียว

ภายในปอร์เช่นั้น ดวงตาทั้งคู่ของหลี่ฝางก็จ้องเขม็ง ส่องประกายลำแสงเจิดจ้าออกมา ราวกับจะแทงทะลุปอร์เช่ออกไป เพื่อบดขยี้รถทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้า

“การวอร์มร่างกายจบลงแล้ว” หลี่ฝางหัวเราะเบาๆ

ปอร์เช่ส่งเสียงร้องคำราม ราวกับแรดที่ดุร้ายตัวหนึ่ง พุ่งออกไปอย่างแรง

“อุ้ย?”

ราชาหมาป่าที่มองเห็นฉากนี้ผ่านจอมอนิเตอร์ยักษ์จากเชิงเขานั้น เสี้ยววินาทีที่ได้ยินเสียงคำรามออกมาจากปอร์เช่นั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

เขาเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง ฟังจากเสียงคำรามที่ออกมาก็รู้ทันทีว่า รถคันนี้กำลังจะเร่งเครื่องอย่างจริงจังแล้ว

หลี่ฝางเหยียบคันเร่งจนมิด ปอร์เช่สั่นสะเทือนเล็กน้อย หมุนพวงมาลัยอย่างคล่องแคล่ว วิ่งลู่ไปตามสายลม ทำให้ความเร็วของปอร์เช่ ชั่วแวบเดียวก็วิ่งทะยานขึ้นไปแซงล้ำหน้าแถวที่หนึ่ง!

ระดับแถวที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม!

รถทุกคันที่ขับขวางทางอยู่ในระดับแถวหน้าทั้งเจ็ดนั้น ล้วนถูกหลี่ฝางวิ่งแซงหน้าไปได้หมดภายในไม่กี่วินาที ทั้งหมดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทั้งนั้น!

“เป็นไปได้ยังไง!”

ผู้ชมทุกคนต่างจ้องมองจนตาถลนออกมานอกเป้า

ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันมาพวกเขาก็ไม่เคยเห็นปอร์เช่อยู่ในสายตาเลย คิดว่าเขาเพียงแค่มาร่วมแจมเท่านั้น ผลสุดท้ายหลี่ฝางก็ใช้การกระทำบอกกับทุกคนแล้วว่า เมื่อพละกำลังที่แท้จริงของเขาระเบิดออกมาแล้วมันจะน่ากลัวมากขนาดไหน!

หลังจากวินาทีนี้เป็นต้นไป รถทุกคันที่วิ่งอยู่ตรงหน้ารถเขา ก็เริ่มถูกหลี่ฝางทยอยตามฆ่า ตามสังหารหมู่ ตามฆ่าอย่างทรมาน!

“ปอร์เช่คันนั้น ไปกินยาอะไรมากันแน่ ทำไมจู่ ๆ ก็กลายเป็นรถแรงขนาดนี้!”

“มีอะไรผิดเพี้ยนหรือเปล่า เลนเซอร์อีโวลูชั่นถูกเขาเบียดจนชนคว่ำไปเลย!”

ยอดฝีมือสมัครเล่นแต่ละคนที่ร่วมแข่งขันนั้น ภายใต้การแสดงแสนยานุภาพอย่างเต็มที่ของหลี่ฝาง แม้แต่เสียงอุทานก็ยังไม่ทันได้ร้องออกมา ทั้งหมดก็ต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยินไปตามกัน

การประลองระหว่างนักแข่งสมัครเล่นด้วยกันนั้น มีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจอย่างมาก หลี่ฝางยิ่งขับทะยานมากขึ้นก็ยิ่งตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้น จิตใจก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้น ร่างกายคล้ายกับกลายเป็นหยดน้ำ ที่หล่อหลอมรวมไปกับปอร์เช่ กิริยาท่าทางที่เคยเห็นบนจอโทรทัศน์ในวันธรรมดาทั่วไปนั้น ล้วนได้ปรากฏออกมาสู่สายตาผู้คนอย่างไม่ขาดสาย เกิดเสียงร้องอื้ออึ่งอย่างตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่ใช่ละมั้ง งูหางกระดิ่งม้วนตัวทีเดียวสี่ตลบเชียว!”

“โอ้สวรรค์ ขณะดิ่งตัวลงไปเขาถึงกับเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นมาตลอด อีกเพียงแค่สามเมตรก็จะถึงทางโค้งแล้ว อยากตายแน่เลย!”

ทุกคนล้วนตกใจกับการแสดงออกที่บ้าคลั่งของหลี่ฝาง ตกใจกลัวจนขนหัวลุกไปหม

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท