NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 828 ลู่หลุ่ยจากไปแล้ว

บทที่ 828 ลู่หลุ่ยจากไปแล้ว

ไม่นึกเลยว่า เขายังไม่รู้ว่าจะพูดกับลู่หลุ่ยอย่างไรดี ลู่หลุ่ยกลับมาหาเขาก่อน

“หลี่ฝาง ขอบคุณที่คุณมาช่วยฉันไว้” ลู่หลุ่ยปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหลี่ฝางอีกครั้งหนึ่ง ด้วยท่าทีเงียบสงบนิ่งมาก ถึงขั้นที่เรียกว่าเยือกเย็นก็ว่าได้

ไม่มีท่าทางที่อ่อนแออย่างที่หลี่ฝางเคยเห็นมาก่อนหน้านี้

หลี่ฝางอ้าปากค้าง กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

“หลี่ฝาง ต่อไปไม่ต้องเป็นห่วงฉันแล้วนะ ฉันกำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอกแล้ว คงไม่มาปรากฏตัวในประเทศอีกเป็นเวลานานเลย ต่อให้คนพวกนั้นจะคิดทำร้ายคุณผ่านตัวฉัน ก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้วล่ะ”

ลู่หลุ่ยไม่ใช่คนโง่ ตรงกันข้ามเธอเป็นคนที่ฉลาด ถึงแม้ครอบครัวเธอจะธรรมดา รู้จักคนก็น้อยกว่าคนอื่นมาก แต่เพียงแค่เรื่องราวที่เธอประสบมาก็มากพอที่ทำให้เธอเดาเรื่องออกมาได้ไม่น้อยเลย

“ตอนที่อยู่บนเรือนั้นฉันก็คิดอยู่ว่า ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณมันเป็นยังไงกันแน่ ฉันคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายฉันก็คิดได้แล้ว ฉันจะไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว หลี่ฝาง เราคบกันด้วยดีจากกันด้วยดี ขอให้พวกเราต่างก็มีจุดเริ่มต้นที่ดีนะ”

ลู่หลุ่ยจากไปแล้วพร้อมกับเหมิงเหมิง ภายใต้การจัดการของส้าวส้วยที่พาพวกเธอออกจากสถานตากอากาศไป หากไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแล้วละก็ เธอก็จะได้ไปเรียนต่อเมืองนอกในเร็ววัน ไปจากเมืองเอกที่เต็มไปด้วยคลื่นลมพายุแปรปรวนแห่งนี้เสียที

หลี่ฝางไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างไร เพราะว่าเขาหาเหตุผลอะไรไม่ได้ที่จะห้ามไม่ให้ลู่หลุ่ยจากไป เขาพบว่าลู่หลุ่ยไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ทำให้ลู่หลุ่ยเปลี่ยนแปลงตัวเองไปโดยสิ้นเชิง

เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ หลี่ฝางคิดเช่นนี้ หลังจากที่เขาพยายามไปคิดหาเรื่องอื่นเพื่อปกปิดซ่อนเร้นเรื่องนี้เอาไว้ ทำให้ตัวเองไม่ไปคิดเรื่องของลู่หลุ่ยอีก ไม่ต้องไปคิดเรื่องพวกนี้อีกต่อไป

เขาก็เริ่มติดตามส้าวส้วยเพื่อฝึกฝนวิทยายุทธ์ ตอนนี้เขายังขาดประสบการณ์ลงสนามจริงอย่างมาก ถึงแม้จะแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมากก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าอ่อนหัดมาก ในร่างกายที่เต็มเปี่ยมด้วยกำลังภายในเช่นนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถต้านรับมือเพียงข้างเดียวของส้าวส้วยได้ ยิ่งไม่ต้องคิดที่จะเข้าไปร่วมในวงการต่อสู้ระหว่างท่านจวนกับพ่อของตัวเองเลย

เมื่อเห็นหลี่ฝางเหมือนกับได้รับกระทบกระเทือนทางจิตใจ พยายามฝึกฝนจนหมดเรี่ยวหมดแรง ท่าทางที่กระหืดกระหอบ ส้าวส้วยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“เสี่ยวฝาง เดิมทีฉันเป็นห่วงพวกแกจะถูกท่านจวนทำร้าย ดังนั้นจึงกลับมา แต่ว่าตอนนี้ท่านจวนจากไปแล้ว ฉันก็คงต้องไปแล้วล่ะ”

“แม่ของฉันเข้าไปอยู่ในโซนปีศาจ หรือว่าท่านจวนก็เข้าไปด้วย? แกบอกว่า แกจะจากไปแล้ว หรือว่าแกก็จะเข้าไปนั้นด้วยเหรอ?” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะถาม

“ฉันจำเป็นที่จะต้องเข้าไป มีคนจำนวนมากที่เข้าไปในสถานที่ลึกลับนั้นแล้ว แต่ว่าพวกเราที่อยู่ภายนอกไม่เคยได้รับรู้ถึงล่องลอยคนที่อยู่ในนั้นเลย ฉันได้ข่าวว่าท่านจวนเคยเข้าไปแล้วก็ออกมาอีก ถ้าหากเป็นเรื่องจริงอย่างนี้ งั้นฉันก็จำเป็นที่จะต้องเข้าไปแล้วล่ะ”

หลี่ฝางเงียบไปสักครู่แล้วถามว่า“แกคิดจะเดินทางเมื่อไหร่ล่ะ?”

“รอดูก่อน รอให้บาดแผลของโหจื่อดีขึ้นก่อน รอให้แกสามารถฝึกรับมือจากฉันสักพักก่อน” ส้าวส้วยหัวเราะขึ้นมากะทันหัน “บอกตามตรงนะ เสี่ยวฝาง แกก้าวหน้าได้ไวจริงๆนะ แกมีพรสวรรค์ทางด้านนี้มาก แกจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างแน่นอน”

หลี่ฝางเงียบไปสักครู่ แล้วถามขึ้นกะทันหันว่า “คราวนี้จะพาฉันไปด้วยได้มั๊ย? ตอนนี้ฉันอย่างน้อยก็ถือว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งแล้ว ยังไงก็ต้องออกแรงช่วยบ้าง ไม่ใช่เหมือนเมื่อก่อนที่คอยหลบอยู่ข้างหลังพวกแกอีกแล้ว”

“ไม่ได้” ส้าวส้วยพูดปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดเลย

“ทำไมล่ะ?” หลี่ฝางถามด้วยความโกรธ “ถึงแม้พลังของฉันแข็งแกร่งสู้พวกแกไม่ได้ แต่ก็ยังได้ช่วยเหลือพวกแกบ้างไม่ใช่เหรอ? ไม่นานมานี้ฉันยังสู้ชนะพวกยอดฝีมือไปไม่น้อยเลยนะ”

“แกต้องอยู่ที่นี่ เสี่ยวฝาง เพราะว่าที่นี่ต้องการแก” ส้าวส้วยพูดกับหลี่ฝางอย่างจริงจัง “ทุกคนต่างก็มีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง ที่นี่ก็มีความสำคัญเช่นกัน ตอนนี้ท่านจวนก็จากไปแล้ว กำลังของสี่ตระกูลใหญ่ก็อ่อนแอลง มันเป็นโอกาสเหมาะของพวกเรา โอกาสที่ต้องรวบรวมอำนาจทั้งหมดในเมืองเอกไว้เป็นหนึ่งเดียว”

“ได้ ฉันตกลงตามที่แกพูด” ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป ส้าวส้วยพูดถูก ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดจริงๆ

ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรต่อไปอีก แต่กลับเริ่มฝึกฝนอย่างหนักต่อไป หลี่ฝางพบว่าเมื่อมีเรื่องราวมากมายกดดันตัวเองอยู่นั้น การฝึกซ้อมอย่างหนักเช่นนี้กลับไม่รู้สึกทรมาน แต่เป็นการปลดปล่อยอย่างหนึ่ง สามารถทำให้เขามีความรู้สึกผ่อนคลายที่แสนสบายที่สุด

เวลาในการฝึกซ้อมของเขาน้อยเกินไป แต่เขากำลังจะใช้พรสวรรค์ที่ติดตัวมาชดเชยความแตกต่างของระยะเวลานั้น

ในเวลานี้เอง หยิ่นเจิ้งที่อยู่อำเภอหลินโทรศัพท์มาหาเขา

ก่อนหน้านั้นขณะที่พวกเขากำลังดื่มกินกันอยู่นั้น หลี่ฝางก็หนีไปอย่างกะทันหัน ทำให้หยิ่นเจิ้งและแมงป่องสองคนนี้ที่เคยเป็นคู่อริกันมาก่อนต้องนั่งมองหน้ากันอย่างเคอะเขิน สุดท้ายก็ทะเลาะกันจนงานเลี้ยงเลิกราไป จึงไม่ได้ดื่มเหล้าอย่างสนุกในงานเลี้ยงนั้นเลย

แต่ว่าอย่างน้อยทั้งสองคนต่างก็เป็นลูกน้องของหลี่ฝาง คราวที่แล้วหลี่ฝางยังพูดว่าจะเอาเงินลงทุนออกมาร้อยล้านเพื่อจะให้พวกเขาสองคนร่วมมือกัน ตอนนี้หลี่ฝางหายเงียบไปหลายวันแล้วยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ในที่สุดหยิ่นเจิ้งก็นั่งไม่ติดจึงโทรศัพท์มาหาหลี่ฝาง

เมื่อได้ยินการย้ำเตือนที่อ้อมค้อมจากเสียงของหยิ่นเจิ้งทางโทรศัพท์แล้ว หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะนึกขำ หยิ่นเจิ้งคนนี้ยังไงก็เป็นพ่อค้าคนหนึ่ง อย่างไรเสียก็ยังนั่งไม่นิ่งเหมือนกับแมงป่อง

คาดว่าตอนนี้แมงป่องก็ไม่อยากให้เขากลับไปเป็นดีที่สุด อย่างน้อยถ้าหลี่ฝางไม่กลับไป แมงป่องเขาก็ยังเป็นผู้มีอิทธิพลที่สุดในอำเภอหลิน ต่อให้ทำธุรกิจสีเทา ก็สามารถหากำไรได้เต็มกอบเต็มกำทีเดียว แต่ถ้าหลังจากหลี่ฝางกลับไปแล้ว ก็จะต้องจัดการกับธุรกิจสีเทาของเขาอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นเขาจะตกอยู่ในสภาพอย่างไรก็ยังไม่รู้ได้เลย

แต่ว่าตอนนี้คลื่นลมในอำเภอหลินก็ไม่ได้สงบนิ่งเหมือนที่ดูผิวเผินจากภายนอกเช่นนั้น จางซินเฟยได้ทรยศหักหลังแมงป่อง รวบรวมคนกลุ่มหนึ่งเพื่อต่อสู้กับแมงป่อง ถึงขั้นที่จะต้องให้ตายไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว ระหว่างพวกเขาสองคนก็ไม่มีวันที่จะคืนดีกันได้แน่นอน

แต่ว่าตอนนี้มีหลี่ฝางกดดันเอาไว้ ความขัดแย้งก็ยังไม่ปะทุขึ้นมาอย่างจริงจัง หลี่ฝางจงใจทิ้งจ้าวหางและจางซินเฟยมีดสองด้ามนี้ไว้ตรงหน้าแมงป่อง เพื่อเตือนสติแมงป่องให้ตระหนักไว้ว่า ต่อให้หลี่ฝางไม่อยู่ที่อำเภอหลิน แมงป่องก็ต้องเชื่อฟังอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่เช่นนั้นแล้ว คนที่จะต้องตายคนแรกก็คือตัวเขานั่นเอง

หลี่ฝางคิดดูแล้วก็ตัดสินใจจะไปอำเภอหลินสักครั้งหนึ่ง มีบางเรื่องที่จะต้องเจรจาให้ชัดเจนต่อหน้ากันจะดีกว่า ตอนนี้เริ่มวางกฎกติกาไว้ก่อน วันหลังจะได้มีปัญหายุ่งยากน้อยลง

บาดแผลบนไหล่ของเขาที่ถูกสไนเปอร์ยิงก็เกือบหายดีแล้ว หลังจากได้รับการปรับปรุงร่างกายแล้วแม้กระทั่งความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ตอนนี้ต่อให้ออกไปพบอันตรายอะไรโดยลำพังก็สามารถที่จะปกป้องตัวเองได้แล้ว

ด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองเช่นนี้ของหลี่ฝาง ดังนั้นจึงรู้ดีว่าสถานการณ์อันตรายที่อยู่รอบนอกได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นแต่เขาก็ยังจะไปอำเภอหลินด้วยตัวเองโดยลำพัง

เมื่อมาถึงอำเภอหลินแล้ว หลี่ฝางก็โทรไปหาหยิ่นเจิ้ง ทางฝ่ายนั้นก็รีบตอบรับทันที แล้วยังบอกว่าตัวเองได้จองโต๊ะไว้ที่โรงแรมจุนเยว่ รอให้หลี่ฝางตามไป

หลี่ฝางไม่ได้ตรงเข้าไปหาทันที เวลาของเขามีมากมายเหลือเฟือ ให้คนพวกนั้นรอไปก่อนก็แล้วกัน

เขาติดต่อกับหวังเหมียว แล้วขับรถไปโรงพยาบาล ไปเยี่ยมดูอาการของไอ้หน้าหนวด

ไอ้หน้าหนวดฟื้นตัวไม่เลวทีเดียว คาดว่าใช้เวลาเดือนกว่าก็สามารถลงจากเตียงเดินเหินได้แล้ว พูดตามจริงแล้วถึงแม้ไอ้หน้าหนวดได้ทำงานกับพ่อตัวเองมานานแล้วก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ไม่เหมือนพวกโหจื่อ เพียงแค่สามารถทำมาหากินไปได้อย่างมั่งคงมาถึงขั้นนี้ก็นับว่าบุญโขแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท