NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 834 คนที่แข่งกับแกคือฉัน

บทที่ 834 คนที่แข่งกับแกคือฉัน

“งั้นก็จัดการฆ่าเขาทิ้ง!” สีหน้าโหจื่อเต็มไปด้วยกลิ่นอายพิฆาต แต่ว่าหลังจากที่พูดคำนี้ออกมาแล้ว โหจื่อกลับหัวเราะอย่างทะเล้นแล้วพูดว่า “ฝีมือแกตอนนี้ถ้าจะฆ่าเขาทิ้งน่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก หลังจากฆ่าเขาแล้วก็เอาไปโยนไว้สวนหลังบ้านของท่านจวนให้เขาแบกภาระแพะรับบาปไป”

หลี่ฝางพูดอะไรไม่ออก แผนการของโหจื่อนี้สกปรกเกินไป แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นความคิดที่ไม่ดีเสียทีเดียว ไม่แน่อาจจะเป็นการตรวจสอบว่าท่านจวนได้ออกไปจากเมืองเอกแล้วจริงหรือไม่

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ในใจของหลี่ฝางก็คิดว่าไม่ว่าจะมีการแข่งรถหรือไม่ก็ตามก็ต้องสังหารเซี่ยจือชิว แต่ว่าเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปในทันที

ตอนนี้จิตสังหารของเขายิ่งมายิ่งรุนแรงมากขึ้นแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้อีกต่อไป อาจไม่แน่จะเกิดปัญหาใหญ่หลวงตามมาก็ได้

“มีปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ ฉันไม่มีฝีมือเทคนิคการขับรถที่เก่งกาจอย่างนั้นเหมือนส้าวส้วยนี่นา อีกอย่างในช่วงเวลาสั้นๆอย่างนี้ พวกเราก็ไม่มีเวลาที่จะไปดัดแปลงสภาพรถที่ดีเพื่อลงแข่งขันได้”

“รถของส้าวส้วยที่ลงแข่งตอนนั้น ก็เป็นเพียงแค่มัสแตงคันหนึ่งเท่านั้นเอง แกดูรถของตัวเองสิ หรือว่ายังจะกลัวแพ้อีกเหรอ?” โหจื่อถามอย่างทีเล่นทีจริง

“แต่ว่าฉันไม่ใช่ส้าวส้วยนะ” หลี่ฝางถอนหายใจ

“ดูเหมือนว่าแกเทียบกับส้าวส้วยแล้ว ยังขาดความกล้าหาญไปหน่อย เช่นนั้นแล้วการแข่งรถครั้งนี้ก็ยิ่งจำเป็นที่จะต้องลงแข่งแล้ว” โหจื่อมองหน้าหลี่ฝางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ตอนที่แข่งขันครั้งนั้นแกก็อยู่ด้วย การแข่งขันนั้นเป็นการประลองความใจกล้าละเอียดอ่อนแล้วก็ไหวพริบปฏิภาณที่ตอบโต้เฉียบไว ไหวพริบการตอบโต้ของแกตอนนี้ ความเร็วสามารถที่จะเทียบเท่ากับส้าวส้วยในตอนนั้นได้แล้ว ทำไมถึงยังไม่กล้าลงแข่งอีกล่ะ? แกกลัวที่จะแพ้แล้วเสียหน้า หรือว่ากลัวจะเอารถพุ่งชนตกหน้าผาไปใช่ไหมล่ะ?”

หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่าตัวเองกลัวอะไรอยู่กันแน่ เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าอารมณ์ตัวเองเช่นนี้เป็นความกลัวหรือเปล่า เมื่อฟังโหจื่อพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ

“ฉันรู้ว่า แกไม่ได้กลัวอย่างอื่นหรอก แต่กลัวส้าวส้วยมากกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาส้าวส้วยได้อยู่ข้างกายแกมาตลอด เขาได้สร้างเงามืดที่แข็งแกร่งฝังลึกไว้ในใจแกแล้ว ในวัยที่อยู่รุ่นราวคราวเดียวกันนั้น ส้าวส้วยแข็งแกร่งมากเกินไปและสมบูรณ์แบบมาก ทำให้ในใจแกรู้สึกเหมือนสูงเกินเอื้อมไปแล้ว แกจึงรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มีเพียงส้าวส้วยเท่านั้นที่สามารถทำได้ หากเปลี่ยนเป็นแกแล้วก็จะทำไม่ได้ ดังนั้นแกจึงเกิดความกลัว ที่ฉันพูดมานี้ถูกไหม?”

คำพูดของโหจื่อก็เหมือนปลายมีดที่แหลมคม ผ่าเข้าไปในกลางใจของหลี่ฝางอย่างไม่ลังเล พูดอธิบายปัญหาเรื่องที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจออกมาได้อย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋

“ถ้าหากเป็นพ่อแก หรือว่าเป็นท่านจวน ก็จะไม่ทำให้เกิดเงามืดฝังอยู่ในใจแกอย่างนี้หรอก เพราะว่าพวกเขาเป็นผู้อาวุโสกว่า คนหนุ่มสาวย่อมจะต้องก้าวล้ำคนแก่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่ว่าส้าวส้วยเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในวัยเดียวกัน ดังนั้นแกเองก็เลยผูกมัดความกล้าหาญของตัวเองเอาไว้”

โหจื่อค่อยๆพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “การกำจัดมารในจิตใจยากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด การแข่งขันครั้งนี้แกจำเป็นที่จะต้องไปลงแข่งด้วย ไม่เพียงแต่จะต้องชนะ อีกทั้งยังต้องทำลายสถิติที่ส้าวส้วยเคยทำไว้ครั้งที่แล้วด้วย ต่อให้ต้องขับรถดึ่งลงไปหน้าผาลึก แกก็จะต้องขับมันออกมาให้ได้!”

“ขอเพียงทำได้เช่นนี้ แกก็สามารถที่จะเอาชนะตัวเอง เอาชนะส้าวส้วยได้ สามารถก้าวเดินไปไกลมากยิ่งกว่าเดิม ก้าวไปไกลยิ่งกว่าและแข็งแกร่งกว่าใครๆทั้งหมด!”

คำพูดของโหจื่อนั้นราวกับไม้แขกหัว แต่ละคำทิ่มแทงลงไปในใจของหลี่ฝาง ดวงตาทั้งคู่ของหลี่ฝางยิ่งมายิ่งสว่างมากขึ้น ความมุ่งมั่นในการแข่งขันยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ก็เหมือนเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำลุกไหม้ พวยพุ่งไปอย่างไม่หยุดยั้ง…….

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงวันที่1ในวันนี้ เมื่อท้องฟ้ามืดค่ำลง เชิงเขาหมาป่ากลับครึกครื้นอย่างมาก

คราวนี้เซี่ยจือชิวเตรียมตัวมาอย่างดี เชื้อเชิญผู้คนจำนวนมากมาเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ อีกทั้งตัวเองยังทุ่มทุนถึงสิบล้านลงไปในเงินรางวัลด้วย ก็เพื่อต้องการที่จะดึงดูดผู้คนจำนวนมากมาสนใจการแข่งขันในครั้งนี้

เขาต้องการให้ทุกสายตาจับจ้องมองเขาในขณะที่เอาชนะส้าวส้วย จึงจะลบล้างความอับอายที่เคยพ่ายแพ้ในครั้งที่แล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้เขาชนะก็ยังไม่สะใจเขาเท่าไรนัก

รถยนต์แต่ละคันต่างทยอยมาจอดอยู่ที่เชิงเขา ทำให้แสงไฟสว่างไสวไปทั่วเชิงเขานั้น บางคนก็มาแข่งรถซิ่ง ส่วนบางคนก็มาเพื่อคบหาสมาคมเพื่อนฝูง และยังมีคนจำพวกที่มาเพื่อชมดูความครึกครื้นสนุกสนาน เพราะว่าครั้งที่แล้วเทพแห่งนักซิ่งรถคนใหม่ได้ถือกำหนดขึ้นแล้ว ทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นมาก ต่างก็ตั้งใจอยากจะมาเป็นพยานให้เห็นกับตาตัวเองว่าเทพนิยายนี้จะเกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

รถยนต์หรู่ๆหลายคันมารวมกันอยู่ เซี่ยจือชิวกับพวกหลายคนรวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ

“นักแข่งรถภูเขาหมาป่าที่แกพูดถึงคนนั้น เขาจะมาจริงเหรอ?” ผู้ชายที่ย้อมผมสีทองทั้งหัวถามเซี่ยจือชิวด้วยรอยยิ้ม

“เขาต้องมาแน่ ฉันเสียเวลามานานมากกว่าจะไปสืบรู้มาว่าคนที่ชื่อหลี่ฝางคนนั้นเขาสนิทสนมกับนักแข่งรถเขาหมาป่ามากทีเดียว เขาไม่มีทางที่จะทิ้งตระกูลหลี่แล้วหนีไปคนเดียวอย่างแน่นอน” เซี่ยจือชิวมีความเชื่อมั่นอย่างมาก ก่อนหน้านั้นเขาสืบหาข้อมูลมามากแล้ว จึงมีความมั่นใจเต็มร้อย

“มาคราวนี้ ฉันทำให้นักแข่งรถภูเขาหมาป่าคนนั้นมาได้แต่กลับออกไปไม่ได้!” ดวงตาของเซี่ยจือชิวดูโหดเหี้ยมมาก เขาไม่ใช่เป็นคนที่ใจกว้างเลย คราวที่แล้วพ่ายแพ้ให้กับส้าวส้วยทำให้เขาผูกใจเจ็บมาโดยตลอด อัดอั้นทรมานมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางที่จะยอมจัดการแข่งขันขึ้นใหม่อีกครั้ง

ส่วนในใจของเซี่ยจือชิวนอกจากต้องการเอาชนะส้าวส้วยแล้ว ก็ยังมีความคิดชั่วร้ายแอบแฝงอยู่อีกด้วย อย่างเช่นว่าถ้าพบว่าเอาชนะเขาไม่ได้จริงๆแล้ว งั้นก็…….

ในเวลานั้นเอง ห่างไปไม่ไกลนักก็มีเสียงคำรามดังลั่นขึ้น รถปอร์เช่ 918 สีแดงคันหนึ่งพุ่งตรงเข้ามา ทะยานเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าเซี่ยจือชิวพอดี

“คนมาเยอะจังเลยนะ เซี่ยจือชิว เมื่อไหร่จะเริ่มแข่งขันล่ะ ฉันชักจะรอไม่ไหวอยู่แล้วนะ” หลี่ฝางนั่งอยู่ในรถมองไปยังเซี่ยจือชิวแล้วถามด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่าๆ แกมาแล้วจริงๆ ไอ้หมอนั่นที่แข่งกับฉันคราวที่แล้วล่ะ หลบซ่อนฐานะไว้นานขนาดนั้นแล้ว คราวนี้ก็ควรจะเปิดเผยตัวหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง” เซี่ยจือชิวทำตาหรี่แล้วยิ้มเยาะเย้ย

หลี่ฝางหัวเราะ ชี้มาที่ตัวเอง “ก็คือฉันไง”

“แกเหรอ?” สีหน้าของทุกคนต่างก็แสดงความตกตะลึงออกมา เซี่ยจือชิวท่าทางหยุดชะงักทันที เขาตะโกนด่าว่า “แม้งแกล้อเล่นอะไรกันวะ?”

“ไม่ได้ล้อเล่น ก็คือฉัน คุณชายเซี่ยคงไม่ใช่ว่าจะไม่กล้าแข่งกับฉันใช้ไหม?” หลี่ฝางพูดด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ใจ

“ถ้าเป็นแกก็เห็นผีแล้วแหละ! การแข่งวันนั้นแกก็เป็นแค่คนดูเท่านั้นเอง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ!” เซี่ยจือชิวพูดตะคอกด้วยความโมโหจัด

“ไม่ใช่เป็นเพราะว่าไอ้หมอนั่นกลัวตาย เลยรีบเผ่นหนีไปก่อน แกหาคนไม่ได้ แล้วกลัวว่าถ้าไม่มีคนมาแทนฉันจะทุบทำลายธุรกิจของแก ดังนั้นตัวเองเลยต้องรีบวิ่งมารนหาที่ตายถึงที่นี่ใช่ไหม? ฉันบอกแกเลยนะ อย่าแม้แต่จะคิด!”

หลี่ฝางหยุดชะงักสักครู่ แล้วหัวเราะอย่างทะเล้น “ฉันบอกแล้วไง คืนนี้ที่มาแข่งขันก็มีเพียงคนเดียว นั้นก็คือฉัน ไม่ว่านักแข่งรถภูเขาหมาป่าคนก่อนหน้านี้จะเป็นใครก็ตาม ตอนนี้ก็มีแค่คนเดียว นั้นก็คือฉัน และอีกไม่นานคนที่จะชนะแก ก็คือฉัน ถ้าหากว่าแกไม่กล้าละก็ ก็รีบยอมรับความพ่ายแพ้แล้วใส่หัวกลับไปเลย”

ใบหน้าเซี่ยจือชิวโกรธจัดจนไม่อาจจะควบคุมไว้ได้ ในเวลานี้เองคนรอบข้างก็เข้ามารายงานว่า “คุณชายเซี่ย เวลาใกล้จะถึงแล้ว รอไม่ได้อีกแล้ว เริ่มเลยเถอะ”

เซี่ยจือชิวหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเต็มหน้าแทน ใช้สายตาราวกับมองคนตายจ้องมองไปยังหลี่ฝาง แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ได้เลย ไอ้เด็กเวร แกแน่มาก อีกประเดี๋ยววิ่งบนถนนก็ไปดีๆล่ะ อย่าทิ้งห่างจากฉันมากเกินไป ไม่เช่นนั้นแล้วฉันก็จะลงมือกับธุรกิจของแกเหมือนเดิม”

“ไม่รบกวนท่านต้องลำบากใจหรอก อีกประเดี๋ยววิ่งขึ้นมาแกก็อย่ามองไม่เห็นแม้กระทั่งไฟท้ายรถฉันก็แล้วกัน!”

หลี่ฝางหัวเราะเสียงดังลั่น ค่อยๆขับรถออกไปข้างหน้า เข้าสู่ทางไปหุบเขา

ในขณะเดียวกัน รถคันอื่นก็ทยอยขับเข้าไปตามลำดับ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท