“ไม่ได้มาเพราะเธอ หรือจะมาเพราะผมงั้นเหรอ?”เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย หลี่ฝางก็พูดอย่างผ่อนคลายลงหน่อย พูดล้อเล่นไป
คิดไม่ถึงว่าเมื่อเขาพูดประโยคนี้จบ ชายชุดสูทก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
“มาเพราะผม?”หลี่ฝางชะงัก ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้
ไม่กี่นาทีต่อมา
“ใครก็ได้ ไปยกน้ำชามาให้สหายเหล่านี้หน่อย”
ในห้องโถง หลี่ฝางและชายชุดสูทนั่งบนโซฟา ส่วนชายชุดสูทอีก4คนก็ยืนอยู่ด้านหลังเขาอย่างเคารพ ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ ที่มาครั้งนี้ผมมาเพราะอยากคุยธุระกับคุณหลี่”
ชายชุดสูทยิ้มพลางโบกมือไปมา แล้วพูดขึ้น:“ผมขอแนะนำตัวสักหน่อย ผมชื่อหลิวฮุย มาจากหน่วยงานลับหน่วยหนึ่ง”
หลี่ฝางยกคิ้ว ไม่ถามต่อว่าหน่วยงานลับอะไร ความลับประเภทไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่เช่นนี้ ต้องรักษาความลับไว้ให้ดี
“พวกคุณมาหาผมทำไม?”เขาถามอย่างตรงไปตรงมา
“โซนปีศาจ”
“โซนปีศาจ?”
หลี่ฝางเลิกคิ้ว ถามด้วยความสงสัย:
“ไม่คิดว่าพวกคุณจะสนใจเรื่องแบบนี้?”
หลิวฮุยหัวเราะร่า พูดขึ้น:
“คุณหลี่ เกรงว่าคุณคงไม่ค่อยรู้จักพวกเราเท่าไหร่ แทนที่จะพูดว่าพวกเราสนใจเรื่องแบบนี้ พูดว่างานของเรามีเพื่อจัดการปัญหาพวกนี้โดยเฉพาะจะดีกว่า”
“ดังนั้น คุณมาหาผมทำไม?”หลี่ฝางยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปอีก เดิมทีเขาก็ค่อนข้างระแวดระวังหลิวฮุยอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไปพัวพันกับที่นั่นอีก ทำให้เขาตื่นตัวขึ้นมาทันที
“ผมอยากให้คุณไปที่นั่นหน่อย ”
หลิวฮุยสูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปในตาหลี่ฝางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“หลอซ่าพ่อของคุณเจอสิ่งสำคัญที่นั่นเข้า ตอนนี้ที่นั่นเกิดเหตุร้ายที่ทุกคนคาดไม่ถึง และจากการคาดเดาของพวกเรา เกรงว่าต้องให้คุณไปเท่านั้น ที่นั่นถึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลง”
“เกิดอะไรขึ้นที่นั่นกันแน่?”หลี่ฝางตกตะลึง พี่ชายของโก่เอ๋อที่ร่วมมือกับพ่อของหลี่ฝางมาตลอด เกรงว่าคงมีความสัมพันธ์โยงใยกับหลิวฮุยพวกเขาด้วยเช่นกัน ไม่งั้นจู่ๆหลิวฮุยจะมาหาตนทำไม หลี่ฝางพอจะคาดเดาได้บางส่วน
“พูดตามหลักในเมื่อคุณจะไป พวกเราก็มีสิทธิ์บอกให้คุณรู้เรื่องนี้ แต่ตามมาตรการรักษาความลับ ถ้าคุณได้ยินสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ คุณจะปฏิเสธพวกเราไม่ได้อีก คุณแน่ใจนะว่าคุณยังอยากฟัง?”หลิวฮุยมองหลี่ฝางด้วยสีหน้าจริงจัง มอบโอกาสสุดท้ายให้เขา
หลี่ฝางลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น
เขารู้ว่ามันอันตรายมากๆ แต่พ่อแม่ของเขา แม่มด ส้าวส้วย และซือปาจี้ล้วนอยู่ที่นั่น เขาไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้
“ดีมาก บางที่คุณอาจจะรู้แล้ว ว่าตั้งแต่เริ่มเดิมทีคนที่สำรวจโซนปีศาจคือพวกเรา เราแค่จ้างพ่อคุณมาช่วยก็เท่านั้น แต่หลังจากการปฏิบัติการในโซนปีศาจของพวกเราเริ่มพัฒนาขึ้น รูปแบบของพื้นที่ก็เปลี่ยนไปมาก
และเมื่อไม่นานมานี้มีภูเขาถล่มด้านใน หลังจากเกิดการโคลนถล่มก็พบซากปรักหักพังโบราณ อีกทั้งยังมีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ใต้ดิน จากข้อมูลของพวกเรา พบว่ามีการค้นพบเทวรูปขนาดใหญ่และประติมากรรมจำนวนมากในซากโบราณนั่น และมีวังใต้ดินขนาดใหญ่รางๆ
ตอนนี้พวกมีอำนาจต่างๆ ล้วนมุ่งความสนใจไปที่ซากโบราณนี่ โดยเฉพาะพวกตะวันตกจำนวนมาก ยืนยันแล้วว่านี่เป็นสัญญาณของสิ่งมหัศจรรย์ และสาบานว่าจะครอบครองสถานที่ปรักหักพังแห่งนี้”
สิ่งที่หลิวฮุยพูดราวกับเป็นอาหรับราตรีอย่างไรอย่างนั้น(เรื่องที่เป็นไปไม่ได้) หลี่ฝางได้ยินแล้วถึงกับตกตะลึง ไม่เข้าใจ
“แต่นี่มันเกี่ยวอะไรกับผม?พวกคุณจะสู้ก็สู้กันไปสิ ผมไปแล้วมีประโยชน์อะไร?”หลี่ฝางถามด้วยความงุนงง
“อย่าเพิ่งรีบร้อน คุณยังจำที่ผมบอกว่าที่นั่นเกิดเหตุร้ายขึ้นได้ไหม?ตั้งแต่ค้นพบสถานที่แห่งนั้น สนามแม่เหล็กแปลกๆก็ปรากฏขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างจะใช้การไม่ได้ทันทีที่เข้าไปใกล้ และสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งจะสลบทันทีหลังจากเข้าใกล้เช่นกัน และหลังจากซากโบราณนั่นอยู่ในเขตที่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเครื่องจักรก็จะกลับมาเป็นปกติ
เรายังไม่เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นเพราะอะไร แต่ที่รู้ก็คือคนเดียวที่เข้าไปในซากนั่นคือหลอซ่า พ่อของคุณ”
“เพราะพ่อผมเข้าไปได้ พวกคุณเลยคิดว่าผมก็เข้าไปได้งั้นเหรอ?”หลี่ฝางหมดคำจะพูด มีเหตุผลที่ลวกๆกว่านี้อีกไหม?
“ใช่ นี่เป็นเพียงเหตุผลเดียว”หลิวฮุยพูดพลางยิ้มเจื่อนๆ:“พูดตามตรงผมก็งงมากเหมือนกัน แต่คำสั่งจากเบื้องบนเป็นแบบนี้ พวกเราทำได้แค่ทำตาม คงไปถามหาเหตุผลจากคนเบื้องบนของตนไม่ได้หรอก?”
หลี่ฝางแสดงออกว่าเข้าใจ พูดอย่างลังเล:“พวกคุณอยากให้ผมไปตอนไหน?”
หลิวฮุยพูดยิ้มๆ:“คุณยอมให้ความร่วมมือกับพวกเรานี่ดีที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่รีบ พวกเราต้องเตรียมงานล่วงหน้าก่อน เมื่อเตรียมการเสร็จแล้วจะติดต่อคุณมาอีกที”
หลี่ฝางพยักหน้า:“ยังไงผมก็ปฏิเสธพวกคุณไม่ได้อยู่ดี”
หลิวฮุยหัวเราะออกมา ยืนขึ้นพลางหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาแล้ววางไว้บนโต๊ะ:“คุณหลี่ งั้นพวกเราขอตัวก่อน ถ้ามีปัญหาอะไรโทรมาถามผมได้ มีเรื่องอะไรที่จัดการไม่ได้ก็เรียกหาผมได้ ยังไงตอนนี้พวกร่วมมือกันแล้ว พวกเราต้องดูแลคุณเป็นพิเศษ แต่ว่าอย่าโทรบ่อยล่ะ ค่าโทรศัพท์มันแพงมาก”
หลิวฮุยพูดพลางขยิบตาอย่างซับซ้อน เหมือนกำลังบอกอะไรหลี่ฝาง
หลี่ฝางหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาดู บนนามบัตรสีขาวใบนั้นเขียนไว้แค่เบอร์โทรศัพท์ หลี่ฝางพยักหน้า แล้วเก็บนามบัตรด้วยความจริงจัง
“จริงสิ พวกเราต้องพาคุณโก่เอ๋อกลับไปก่อน ออกมานานแบบนี้คนที่บ้านเธอเป็นห่วงมาก”
“ถ้าเธอยอมกลับไปกับพวกคุณหน่ะนะ”หลี่ฝางแสดงท่าทีว่าตนไม่มีความเห็น สถานะโก่เอ๋อนั้นไม่ธรรมดา ถ้าเกิดอะไรขึ้นขณะอยู่ที่หลี่ฝาง คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือหลี่ฝาง พูดตามตรงเขาอยากให้ปัญหานี่ไปตั้งนานแล้ว
“แน่นอน เรื่องนี้คุณหลี่ไม่ต้องเป็นห่วง”หลิวฮุยยิ้มอย่างมั่นใจ เดินขึ้นชั้นบนไปคุยกับโก่เอ๋อ
ไม่นานนักโก่เอ๋อก็เดินลงมาอย่างโมโห ตามหลังมาด้วยหลิวฮุยที่ยิ้มเจื่อนๆ
“หลี่ฝาง ฉันต้องกลับบ้านแล้ว”โก่เอ๋อพูดกับหลี่ฝางอย่างไม่เต็มใจมากๆ:“ห้องฉันคุณปล่อยไว้แบบนั้นแหละ ฉันยังกลับมาเที่ยวอีก”
เห็นได้ว่าแม้ไม่ค่อยยินยอมอย่างที่คิดไว้ แต่หลิวฮุยก็ไม่ได้ใช้อุบายอะไรมาบีบบังคับ หรือพูดว่าเขาไม่กล้าใช้ใช้อุบายบีบบังคับ
“ไม่ต้องห่วง ยินดีต้อนรับคุณกลับมาเสมอ”หลี่ฝางตั้งสติ พูดกับโก่เอ๋อด้วยรอยยิ้ม
“หลี่ฝาง ลาก่อน”
โก่เอ๋อกลับไปกับหลิวฮุยพวกเขา ส่วนไปที่ไหนนั้นหลี่ฝางไม่รู้