NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 830 ฉินเสี่ยวหู่ตายแล้ว

บทที่ 830 ฉินเสี่ยวหู่ตายแล้ว

หลี่ฝางสีหน้าจริงจังแล้วจงใจที่พูดแกมหยอกว่า “เถ้าแก่หลิวเอ๊ย เรื่องของคุณนี้จัดการยากหน่อยนะ ธุรกิจการค้าในเมืองเอกฉันก็ไม่ค่อยไปแทรกแซงอะไรนักหรอก คุณดูซิ ตระกูลฉันก็มีแต่ดูแลอยู่ไม่กี่ร้านเท่านั้นเอง ยังไม่ค่อยจะได้กำไรอะไรเท่าไหร่เลย อีกอย่างตอนนี้การค้าขายก็ทำยากมากขึ้นด้วย”

หลิวหย่งรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณชายหลี่พูดเล่นใช่เปล่า มีใครไม่รู้บ้างว่าตระกูลหลี่ของพวกคุณเงินไม่เคยขาดมือเลย แค่กระดิกนิ้วก็สามารถเอาเงินหลายร้อยล้านออกมาได้แล้ว

ฉันรู้ว่าคุณชายหลี่ท่านไม่ใส่ใจเรื่องเงินทองเท่าไหร่นัก อาจจะไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ แต่ว่าคุณชายหลี่ท่านลองคิดดูสิ เวลาที่คนอย่างพวกเราเดินทางไปไหนมาไหน มีสถานที่ไหนที่สะดวกที่สุดล่ะ ไม่ใช่โรงแรมหรอกเหรอ? โรงแรมแห่งหนึ่ง ก็เหมือนตะปูตัวหนึ่ง หากโรงแรมแต่ละแห่งตอกลงไปเหมือนกับตะปู นั่นก็เป็นเหมือนตาข่ายผืนใหญ่ที่ครอบคลุมลงมา

ขอเพียงให้คุณชายหลี่ท่านเอ่ยปากมา ฉันก็ยินดีที่จะถักทอตาข่ายผืนหนึ่งออกมาให้กับท่านได้”(ความหมายแฝมก็คือสร้างเครือข่ายสัมพันธ์)

“อ๋อ? คุณจะช่วยทักทอตาข่ายผืนหนึ่งให้ฉันเหรอ?” หลี่ฝางรู้สึกเกินความคาดหมายเล็กน้อย คำพูดของหลิวหย่งนั้น ไม่เพียงแต่แค่ร่วมทุนกันง่ายดายเช่นนั้น ยังมีความหมายยอมสวามิภักดิ์แอบแฝงอยู่ด้วย

“ถ้าได้รับความกรุณาจากคุณชายหลี่แล้ว ฉันจะต้องช่วยคุณชายหลี่สานตาข่ายผืนนี้ให้อย่างดีเลย!” หลิวหย่งเทเหล้าเต็มแก้ว ยกขึ้นมาแล้วพูดอย่างเสียงดังฟังชัด

หยิ่นเจิ้งและแมงป่องต่างก็มองไปยังหลิวหย่งด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกับมีความกล้าเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ได้ เมื่อได้ลั่นวาจานี้ออกมาแล้ว ก็พูดได้ว่าเป็นการยอมศิโรราบให้กับหลี่ฝางอย่างชัดเจนแล้ว ถึงเวลาก็จะเอาสมบัติพัสถานทั้งหมดของตัวเองไปผูกติดกับเรือลำใหญ่ของหลี่ฝาง เขาก็ไม่กลัวหรือว่าหากวันใดวันหนึ่งเรือของหลี่ฝางเกิดอับปางลงแล้วจะพาเขาจมดิ่งลงสู่ใต้ท้องทะเลลึกด้วยกันเลยเหรอ?

หยิ่นเจิ้งและแมงป่องต่างก็ไม่กล้าที่จะมีความคิดเช่นนี้เลย เดิมทีหยิ่นเจิ้งยอมติดตามหลี่ฝาง เป็นเพียงเพราะว่าหลี่ฝางให้ประโยชน์กับเขาได้ ตอนที่แมงป่องต่อสู้กับหลี่ฝางนั้น เขาก็คิดจะหนีเอาตัวรอดเหมือนกัน แต่ก็ลองเสี่ยงดูสักตั้งหนึ่งจนในสุดท้ายก็มาถูกทางแล้ว

แมงป่องนั้นถูกหลี่ฝางกดหัวบังคับให้หันหน้ากลับเข้ามา พูดตามความจริงแล้วหากไม่ใช่เพราะว่าแมงป่องอยู่ในอำเภอหลินมีรากเหง้าที่ฝังลึกอยู่ละก็ เขาคงถูกหลี่ฝางฆ่าตายไปนานแล้ว

ทั้งสองคนนี้ต่างก็ไม่ใช่ “คนกันเอง”ของหลี่ฝางทั้งนั้น

ส่วนตอนนี้หลิวหย่งคนนี้เพิ่งจะพบหน้าหลี่ฝางเป็นครั้งแรก กลับคิดจะเป็น “คนกันเอง”ของหลี่ฝางแล้ว คนที่มาทีหลังย่อมดังกว่า เช่นนี้แล้วทั้งสองคนจะไม่ประหลาดใจได้อย่างไรกัน คิดยังไงก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดหลิวหย่งจึงทำเช่นนี้

ทั้งสามคนต่างก็มองไปยังหลี่ฝาง รอคอยการตัดสินใจของเขา

หลี่ฝางหรี่ตาแล้วยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมา

“ได้เลย งั้นฉันก็จะคอยดูว่าคุณจะช่วยฉันสานตาข่ายผืนใหญ่นี้ขึ้นมาได้ยังไง!”

เป๊ง! แก้วเหล้าสองใบกระทบกันเกิดเสียงดังใสกังวานขึ้น หลิวหย่งดื่มเหล้าในแก้วของตัวเองจนหมด ใบหน้าแสดงความปลาบปลื้มยินดีออกมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่ได้

หลี่ฝางกลับไม่ค่อยได้คิดอะไรมากมาย เพียงแต่รู้สึกว่าอยากจะให้โอกาสกับหลิวหย่งสักครั้งหนึ่งเท่านั้น อาจไม่แน่จะมีสิ่งดีๆที่คาดคิดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ได้

“ดี ดีๆ วันนี้ได้ดื่มเหล้าที่ดีจัง มาเร็วมา ทุกคนยกแก้วขึ้นมา ดื่มหมดแก้วเลย!” หยิ่นเจิ้งเป็นคนที่ลื่นไหลกว่าคนอื่น หลังจากตั้งสติคืนจากการตกตะลึงแล้ว ก็รีบรินเหล้า ทำให้บรรยากาศครึกครื้นมากยิ่งขึ้น

ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นเกิดเสียงดัง“ปั้ง”ประตูของห้องจองพิเศษถูกพังออก มีสิ่งของก้อนกลมๆลูกหนึ่งลอยมาจากอากาศด้วยวิถีโค้งตกลงบนโต๊ะอาหาร

หลังจากที่ได้ฝึกฝนกำลังภายในแล้ว ประสาทสัมผัสทั้งห้าของหลี่ฝางนั้นรับรู้ได้ไวมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ขณะที่สิ่งของกลมกลิ้งที่เพิ่งลอยผ่านเข้ามานั้น เขาก็เห็นชัดเจนแล้วว่าสิ่งนั้นคืออะไร สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นโกรธแค้นอย่างรุนแรง

นั่นมันเป็นศีรษะของฉินเสี่ยวหู่!

ใบหน้าของฉินเสี่ยวหู่ยังคงมีล่องลอยความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่ ดวงตาที่เบิ่งโตทั้งสองข้างราวกับเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ

หลี่ฝางกระโดดตัวขึ้นมา ยื่นมือออกไป คว้าศีรษะของฉินเสี่ยวหู่เอาไว้ในมือ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปตกกระแทกจานชามกับข้าวบนโต๊ะอาหารนั้นได้

“โคตรแม้งไอ้ฉิบหาย ไอ้เวรตะไลคนไหนที่ไม่รู้จักแหกตาดู!” หลี่ฝางลงมายืนบนพื้น ที่เหลืออีกสามคนนั้น ก็ได้เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่โยนเข้ามาคืออะไร แมงป่องรีบตะโกนด่าด้วยคำหยาบทันที นึกไม่ถึงเลยว่าเขตอิทธิพลของตัวเองเวลากินข้าวยังเจอปัญหาเรื่องเช่นแบบนี้ได้

“แมงป่อง ไม่เห็นหน้าหลายวัน แกใจกล้ามากขึ้นไม่เบาเลยนะ?” น้ำเสียงประชดดังแว่วมาจากข้างนอก เมื่อได้ยินเสียงนี้แล้ว แมงป่องถึงกับตัวสั่นขึ้นมาทันที

คือตงฟางจัวนี่เอง!

ไม่ผิดเลย เป็นตงฟางจัวจริงๆ นอกจากเขาแล้ว ยังมีตงฟางเย่นอีกด้วย เธอนั่งอยู่บนรถเข็น ตงฟางจัวเข็นเธอเข้ามา เพราะว่าเมื่อคราวที่แล้วเธอประมือกับหลี่ฝางถูกทำร้ายจนขาหักไปข้างหนึ่ง ตอนนี้ขาข้างที่หักนั้นยังเข้าเฝือกแข็งอยู่เลย

ไม่เพียงแต่ตงฟางเย่นเท่านั้น คราวที่แล้วตงฟางจัวก็บาดเจ็บไม่เบาเหมือนกัน สีหน้ายังขาวซีดอยู่เลย สีเลือดไม่มีแม้แต่หยดเดียว

นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ข้างหลังยังติดตามด้วยเงาร่างห้าคน ล้วนเป็นชาวต่างชาติทั้งนั้น สี่คนในนั้นรูปร่างกำยำแข็งแรง เป็นชายหนุ่มกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ยังมีอีกคนหนึ่ง เป็นหญิงสาวที่จมูกงุ้มเหมือนเหยี่ยว รูปร่างผอมเพรียว สายตาของแต่ละคนนั้นล้วนแต่ เคร่งขรึมและเฉียบคม

ตงฟางจัวเดินเข้ามามองไปยังหลี่ฝางด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “หลี่ฝางหัวคนที่อยู่ในมือของแกเป็นใครแกน่าจะรู้จักใช่ไหม?”

หลี่ฝาก้มหน้ามองฉินเสี่ยวหู่ที่อยู่ในมือมาตลอด จ้องมองสีหน้าที่หวาดกลัวของเขา ถามอย่างไม่เงยหน้าขึ้นมามอง “พวกแกฆ่าเขาใช่ไหม?”

“คนทรยศอย่างนี้ กล้าหักหลังพวกเราแอบส่งข่าวให้แก เขาก็สมควรตายแล้ว! ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับแกล้วนสมควรตายทั้งนั้น!” น้ำเสียงของตงฟางจัวเยือกเย็นมาก ราวกับลมหนาวทางขั้วโลกเหนือก็ไม่ปาน

“ตระกูลตงฟางของพวกแกไปเกี่ยวดองกับมู่หรงฉางเฟิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ยังมีพวกคนที่อยู่ข้างหลังแกไม่กี่คนนั้น เป็นคนของสำนักหยิ่งซา หรือว่าราชวงศ์ล่ะ? หือ?”

นึกไม่ถึงว่าคำพูดเรียบง่ายของหลี่ฝางก็เปิดโปงฐานะของคนกลุ่มนั้นออกมาแล้ว สีหน้าตงฟางจัวเริ่มเปลี่ยนลดน้อย “แกก็รู้จักสององค์กรนี้ด้วยเหรอ?”

เขาเข้าใจขึ้นมาทันที ยิ้มอย่างเย้ยหยันแล้วพูดว่า “พ่อแกสร้างความโกรธแค้นให้กับสององค์กรใหญ่นี้ แกรู้เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกสินะ”

หลี่ฝางไม่ได้สนใจเขา ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมา สายตาหยุดอยู่ตรงหน้าตงฟางเย่นที่นั่งอยู่ในรถเข็นนั้น “คราวที่แล้วคุณพูดเองว่าถ้าคุณแพ้แล้ว จะทำงานให้ฉัน ดูเหมือนว่าคุณยัง ไม่ยอมแพ้เลยนะ”

สีหน้าตงฟางเย่นขาวซีด อดกลั้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “หลี่ฝาง คุณยอมแพ้เถอะ ฉันจะห้ามพวกเขาไม่ให้ฆ่าคุณได้”

“ฆ่าฉันเหรอ?” หลี่ฝางราวกับได้ยินเรื่องขำที่สุดในโลก หัวเราะดังลั่นขึ้นมา “อาศัยพวกหมูหมากาไก่ไม่กี่ตัวนี้เหรอ ก็คิดจะมาฆ่าฉัน?”

เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่ฝางก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาทั้งคู่ของเขาส่องประกายความปรารถนาอยากดื่มเลือดขึ้นมาทันที

ภายในร่างกายของเขา เกิดกระแสพลังแข็งกล้ามหาศาลอย่างไร้เทียมทาน แล้วระเบิดพุ่งขึ้นมา

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของเขาเช่นนี้ ทำให้ทุกคนหน้าถอดสีทันที พวกห้าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตงฟางจัวนั้นแววตาล้วนแสดงความเหลือเชื่อออกมา!

พวกเขาทั้งห้าคนนั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงโด่งดังทางโลกตะวันตก แต่เมื่อก่อนก็เคยประมือกับหลอซ่ามาแล้ว เคยสัมผัสกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นในตัวหลอซ่ามาแล้ว ส่วนตอนนี้กระแสพลังในตัวของหลี่ฝางนั้น ช่างใกล้เคียงกับหลอซ่าได้ถึงเพียงนี้เชียว!

หรือว่าหลี่ฝางสามารถที่จะเทียบเท่ากับหลอซ่าแล้ว?

วินาทีนี้เองในใจของทั้งห้าคนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก อีกทั้งยังสงสัยว่าผู้ชายที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคนนี้หรือจะเป็นหลอซ่าแปลงโฉมมาเอง

ไม่เช่นนั้นแล้วก็ยากที่จะอธิบายได้ว่า ทำไมในร่างกายเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งถึงมีพลังมหาศาลที่น่ากลัวเช่นนี้ได้!

“ลุย! ลุย! พวกแกกลัวอะไร เขาก็แค่ทำท่าข่มขู่เท่านั้นเอง ลุยพร้อมกันเลย ฆ่าเขาให้ได้!”

ในเวลานี้เอง หลังจากที่ตงฟางจัวตั้งสติคืนมาได้จากการเห็นพลังของหลี่ฝางแล้ว ก็รีบตะโกนร้องขึ้นมาทันที

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท