NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่849 ยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง

บทที่849 ยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง

ยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง เป็นตัวยาชนิดหนึ่งที่บริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด ผลิตขึ้นสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย เพิ่มผลังมหาศาลให้กับคนธรรมดาได้

ถ้าจะให้เปรียบเทียบ นี่เป็นตัวยาของทีมสหรัฐฯ เวอร์ชันที่อ่อนลง

“จากที่ฉันรู้มา ตระกูลหลี่ของนายก็มีตัวยาที่คล้ายกันอยู่ในมือ ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมกว่ายาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งชนิดนี้เสียอีก สามารถทำให้คนที่ไม่เคยฝึกวิทยายุทธมาก่อนอย่างนายเปลี่ยนเป็นคนละคนภายในเวลาไม่กี่วัน จนกลายเป็นยอดฝีมือกำลังภายในที่พบเจอได้ยาก”

หลิวฮุยกล่าวอย่างช้า ๆ อยู่ที่ข้างหูของหลี่ฝาง: “บอกความจริงกับนาย จริง ๆ แล้วตัวยาที่คล้ายกันนี้ทุกคนต่างก็ได้มีการศึกษาค้นคว้า เพียงแต่ว่ามีบางคนที่ทำแล้วสำเร็จ บางคนทำแล้วไม่สำเร็จ บางคนทำสำเร็จแล้วแต่เก็บเป็นความลับ

นายคิดว่าทำไมหลอซ่าพ่อของนายถึงได้ถูกกองกำลังต่าง ๆ จับตามอง เพียงแค่เพราะฝีมือความสามารถของพ่อของนายเหรอ? ยอดฝีมือกำลังภายในถึงจะมีเพียงน้อยนิด แต่ถ้าใช้พลังจากเบื้องบนค้นหาก็สามารถหาเจอได้ ทุกคนต่างก็โหยหายาปรับปรุงยีนที่อยู่ในมือตระกูลของนายพวกนั้น แต่เพียงเพราะว่าฝีมือพ่อของนายแข็งแกร่งพอ ถึงยังคงสามารถรักษาเอาไว้ได้จนถึงทุกวันนี้”

“แล้วคุณยังจะให้ผมเข้าไปสัมผัสกับบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัดอีกเหรอ? คุณคงจะไม่เอาผมไปผ่าพิสูจน์หรอกนะ?” หลี่ฝางยิ้มอย่างขมขื่น

“เรื่องนี้แล้วแต่นายจะคิด จะไม่หรือไม่นายเป็นคนตัดสินใจเอง” หลิวฮุยยักไหล่เล็กน้อย สีหน้าที่ทางที่ไม่แยแสนั่นของเขาทำให้หลี่ฝางมองแล้วอยากจะต่อยเข้าไปที่หน้าของเขาสักหมัด

“บริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัดอยู่ที่เมืองเป่ยไห่ ที่นี่ถูกโจมตีหลังจากที่ผมจากไปจะทำยังไง?”

“นายวางใจได้ ในช่วงเวลาก่อนที่นายจะกลับมา ฉันรับรองว่าที่นี่จะปลอดภัย” เมื่อได้ยินเอ่ยปาก หลิวฮุยก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฝางทอดถอนใจ: “ดูเหมือนว่าจะไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมปฏิเสธ”

……

บริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด ในเวลานี้กำลังถูกกองกำลังต่าง ๆ ซุ่มมองอยู่

สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายได้มาก ทำให้คนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกวิทยายุทธมาก่อนมีพลังของคนที่ฝึกวิทยายุทธ ยาชนิดนี้เดิมทีก็เป็นตัวแทนของปาฏิหาริย์ ถ้าหากสามารถได้รับการยืนยันและนำไปผลิตได้ วงการหมอทหารจะต้องเกิดความปั่นป่วนโกลาหลแน่นอน

พอถึงตอนนั้น บริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด ก็สามารถใช้โอกาสนี้เพิ่มขนาดให้กับบริษัทได้ หรือแม้กระทั่งงัดข้อกับบริษัทผลิตยาที่ยิ่งใหญ่จนไม่อาจเทียบได้พวกนั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

แต่หลี่ฝางคิดว่าความเป็นไปได้ชนิดนี้ค่อนข้างต่ำ เพราะจะว่ายังไงบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด ในตอนนี้ก็มีขนาดเพียงแค่เท่านั้นเอง ไม่มีที่พึ่งและความสามารถที่มากพอ การที่สามารถพัฒนาค้นคว้ายาชนิดนี้ออกมาได้ ถ้าหากจัดการได้ไม่ดีพอ อาจจะเป็นการนำภัยพิบัติมาให้ก็ได้

เช่นเดียวกับมันเผาที่ร้อนมือ คิดจะถือมันไว้ในมืออย่างน้อยจะต้องไม่กลัวร้อนถึงจะได้

ถ้าหากยอมให้กองกำลังเหล่านั้นแข่งขันกันตามอำเภอใจ บางที HT อาจจะถูกบีบออกและสูญเสียอำนาจ กลายเป็นหุ่นเชิด อาจจะได้เงินเป็นค่าตอบแทนบ้าง แต่ก็เพียงแค่นี้เท่านั้นเอง

นี่ยังถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ค่อนข้างจะดี

ผู้มีอำนาจแห่งบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัดเองก็ได้ตระหนักถึงปัญหานี้ ดังนั้นพวกเขาก็เลยเลือกที่จะเข้าพึ่งพากองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ถ้าหากโชคดี ผู้มีนำนาจของบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด เกาจื้อสิง กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลกเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าทำให้สถานะทางสังคมของตัวเองสูงขึ้นกว่าเดิมหลายขั้น และได้รับสิ่งที่สำคัญกว่าสถานะทางสังคม ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

บริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัดไม่ได้ส่งผลอะไรมากต่อโลกใบนี้ แต่กลับมีขนาดใหญ่พอสมควรที่เมืองเป่ยไห่ ครอบครองตึกขนาดใหญ่ทั้งตึก อีกทั้งยังมีห้องทดลองที่สมบูรณ์แบบ

ภายในห้องทดลองของบริษัทในเวลานี้ ชายสูงวัยที่อายุใกล้เคียงกันสองสามคน กำลังยืนล้มรอบหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ และมองดูอะไรบางอย่างอย่างตั้งอกตั้งใจ

ดูจากชุดคลุมสีขาวที่พวกเขาสวมอยู่แล้ว คนพวกนั้นน่าจะเป็นพนักงานในห้องทดลองแห่งนี้

“เฮ้อ! ล้มเหลวอีกแล้ว”

ที่ด้านข้างของคนเหล่านั้น ยังมีชายวัยกลางคนสวมชุดสูทอยู่คนหนึ่งอยู่ เมื่อได้เห็นควันสีขาวลอยออกมาจากหลอดทดลองในมือของหญิงสาว ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจติดต่อกัน

“ทดลองมาตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จสักที เกรงว่าพวกเราคงหาสิ่งที่ใช้ทดแทนวัตถุดิบหลักไม่ได้แล้ว” หญิงสาวที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลางขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นที่ประจักษ์ว่าเธอไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้เป็นอย่างมาก

“ถ้าหากยังหาวัตถุดิบที่ใช้ทดแทนไม่ได้ล่ะก็ ต้นทุนที่สูงแบบนั้นเป็นตัวกำหนดแล้วว่าไม่สามารถผลิตยาชนิดนี้จำนวนมากได้ การลงทุนทุกอย่างของพวกเราก็จะเสียเปล่าทันที”

“เมิ่งฉี แบบนี้ถือว่าดีมากแล้ว ต่อให้ไม่สามารถผลิตจำนวนมากได้ ก็ยังมีคนที่ยอมควักเงินในกระเป๋าอยู่ดี ในเวลานี้เธอไม่จำเป็นต้องใจร้อน ค่อยเป็นค่อยไป สำเร็จก็ดี ไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร”

ชายวัยกลางคนเอ่ยปลอบโยน แต่ทว่าหญิงสาวคนนั้นกลับทอดถอนใจ เป็นที่ประจักษ์ว่าคำพูดของชายวัยกลางคนไม่สามารถโน้มน้าวเธอได้

เธอเข้าใจดี ถ้าหากยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งตัวนี้ไม่สามารถผลิตจำนวนมากได้ ประโยชน์ที่สามารถนำมาให้นั้นก็จะลดลงไปมาก

เพราะถึงยังไงราคาต้นทุนที่สูงของมันนั้น แม้แต่พวกมหาเศรษฐีเหล่านั้น ก็ไม่เห็นว่าจะทำออกมาได้มากสักเท่าไหร่ สำหรับบริษัทของพวกเขา ทดลองค้นคว้ามานานขนาดนั้น ได้สูญเสียผลกำไรของบริษัทในหลายปีที่ผ่านมาไปเกือบทั้งหมด ก็ทำออกมาได้เพียงแค่หนึ่งชิ้นเท่านั้นเอง

“โครม!”

ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีเสียงดังโครมครามมาจากด้านนอกของห้องทดลอง ทำให้ทุกคนตื่นตกใจขึ้นมาพร้อมกัน

“เกิดอะไรขึ้น?”

ชายวัยกลางคนพลันรู้สึกตัวขึ้นมา เขารีบร้องตะโกนไปทางยามรักษาการณ์ของที่นี่ทันที

“อ๊าก!”

เสียงตอบรับที่คาดการณ์ไว้ไม่ได้ดังขึ้นอย่างที่คิด มีเพียงแต่เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดลอยมา ดังกึกก้องอยู่ในหูของทุกคน

จากนั้นไม่นาน กลุ่มชายฉกรรจ์ที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ ก็ได้บุกเข้ามาจากด้านนอก

คนพวกนี้ต่างก็สวมชุดดำเหมือนกันหมด ในมือถืออาวุธอยู่ บนร่างกายของแต่ละคน ต่างก็มีรอยเลือดปรากฏอยู่ไม่มากก็น้อย

พวกมันเดินอย่างอาจหาญ เข้ามาจากทางหน้าประตูของห้องทดลอง ราวกับว่ายามรักษาการณ์ราวสิบคนคนที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอกนั้น ไม่มีตัวตนอยู่

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการบอกพวกเขา ว่ายามรักษาการณ์ที่อยู่ด้านหน้านั้นได้ถูกพวกมันจัดการไปหมดแล้ว ต่อให้ยังไม่ตาย แต่ก็ได้สูญเสียพลังในการตอบโต้ไปหมดแล้ว ไม่มีทางที่จะขัดขวางคนพวกนั้นเอาไว้ได้อีก

“พบกันครั้งแรก กรุณาชี้แนะด้วย”

คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของกลุ่มคนเหล่านั้น เป็นชายที่ใส่หน้ากากกุ่ยเมี่ยนคนหนึ่ง

มีความสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร เขาพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว ผมของเขาถูกวีอย่างพิถีพิถัน ไม่เหมือนกับคนที่พึ่งบุกเข้ามาจากด้านนอกเลยสักนิด

หัวใจของชายวัยกลางคนค่อย ๆ จมดิ่งลง เขารู้ว่า ในที่สุดผลิตภัณฑ์ของตัวเองก็ได้ดึงดูดการคุกคามเข้ามาจนได้ และเขาในตอนนี้ไม่มีกำลังที่จะต่อต้านเลยสักนิด

“พวกแกเป็นใคร?”

กลับเป็นหญิงสาวที่สวมชุดคุมสีขาวคนนั้นเดินขึ้นไปด้านหน้า แล้วเอ่ยถามกุ่ยเมี่ยน

“พวกเราเป็นเพียงแค่นักธุรกิจที่เดินทางไปทั่วทุกที่ ถ้าทำให้พวกคุณตกใจ ต้องขออภัยด้วย”

กุ่ยเมี่ยนท่าทางสุภาพ เขาแสดงมารยาทที่เป็นสุภาพบุรุษมากต่อทุกคน

“นักธุรกิจเหรอ?”

หญิงสาวท่าทางตกตะลึง

นักธุรกิจแบบไหนถึงได้มีท่าทางแบบนี้? ทำธุรกิจเกี่ยวกับชีวิตคนหรือยังไงนะ?

“ไป เฝ้าหน้าประตูไว้ อย่าให้คนอื่นเข้ามา”

ไม่ได้สนใจอาการตกตะลึงของหญิงสาว หลังจากที่กุ่ยเมี่ยนได้ออกคำสั่งกับสองคนที่อยู่ด้านหลังโดยไม่หันหลังกลับแล้ว ก็เดินตรงเข้ามาทางทุกคน

หญิงสาวสังเกตเห็น สายตาของกุ่ยเมี่ยนจ้องมองไปที่มุมมุมหนึ่งของโต๊ะทดลองอยู่ตลอดเวลา และได้เดินตรงเข้าไปที่นั่น

หญิงสาวข่มความกลัวภายในใจเอาไว้ ก่อนที่กุ่ยเมี่ยนจะเดินไปถึงตรงนั้น เธอก็ได้พุ่งตัวเข้าไปถึงก่อน และคว้าเอาหลอดยาที่วางอยู่ข้างบนมาทันที

“อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นละก็ฉันจะทำลายมันทิ้งซะ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท