NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่852 ต้นทุนราคาสูง

บทที่852 ต้นทุนราคาสูง

สถานะของเกาเมิ่งฉีได้ถูกเปิดเผยไปนานแล้ว ผู้คนส่วนมากต่างก็รู้ว่าเธอเป็นคนที่คิดค้นวิจัยยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งตัวนี้สำเร็จ

อีกหลี่ฝางเองก็ได้มาเพื่อปกป้องเธอ มันไม่มีความหมายอะไรเลยที่จะปิดบัง ในทางกลับกันอาจจะทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นก็ได้

“คุณเหรอ?”

ครั้งนี้ถึงทีที่หลี่ฝางต้องเป็นฝ่ายตกตะลึง เขาใช้สายตาที่ไม่ค่อยอยากอยากจะเชื่อพิจารณาเกาเมิ่งฉี

“ถูกต้อง เป็นฉันเอง ไม่เชื่อเหรอ?”

เกาเมิ่งฉียิ้มขึ้นมาอย่างได้ใจ ความเคร่งเครียดภายในจิตใจที่เกิดขึ้นจากการโจมตีในครั้งนี้ก็ได้บางเบาลงไปบ้างแล้ว

“ไม่ไม่ไม่ ผมเชื่อ” รีฟังเอ่ยชื่นชมอยู่ไม่หยุด

ยาเพียงแค่หลอดเดียวก็สามารถทำให้สมรรถภาพทางร่างกายของคนธรรมดาก้าวกระโดดขึ้นมา ความสำคัญของยาชนิดนี้นั้นยิ่งใหญ่มาก ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสามารถผลิตได้จำนวนมาก เกือบจะพูดได้เลยว่า สามารถทำให้มวลมนุษย์มีวิวัฒนาการไปอีกขั้น เกาเมิ่งฉีที่สามารถค้นคว้าวิจัยตัวยาชนิดนี้ออกมาได้นั้น สามารถพูดได้แม้กระทั่งว่าได้เปิดยุคสมัยใหม่เลยทีเดียว

นึกถึงเมี๋ยวชุ่ยที่ได้ลงทุนหลายพันล้านในต่างประเทศ ก็เพิ่งเห็นผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง ภายในใจของหลี่ฝางได้รู้สึกชื่นชมหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างจริงจัง

“ดร. เกา ในเมื่อคนที่ผมต้องปกป้องก็คือคุณ งั้นพวกเราก็สามารถคุยเรื่องค่าตอบแทนได้แล้วสินะ”

จู่ ๆ หลี่ฝางก็ได้เอ่ยปาก ทำให้เกาเมิ่งฉีพลันเกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย ตกลงแล้วคนคนนี้ใช่คนที่ข้างบนส่งมาจริงหรือเปล่านะ

“คุณต้องการอะไร?” เกาเมิ่งฉีรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีทันใด เธอรู้สึกว่ารอยยิ้มของหลี่ฝางมีเจตนาไม่ค่อยดีนัก

หลี่ฝางหัวเราะฮ่า ๆ พลางกล่าว: “ผมคนนี้ไม่ค่อยใส่ใจกับเงินสักเท่าไหร่ คุณแค่ให้ยาชนิดนั้นกับผมสักร้อยหลอดก็พอแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง เกาเมิ่งฉีแทบจะเป็นลมล้มลงไป

“นี่นายกำลังฝันอยู่หรือเปล่า? ฉันใช้เวลามากมายขนาดนี้พึ่งทำสำเร็จเพียงแค่สองหลอด แล้วจะไปหาจากที่ไหนมาให้นายเป็นร้อยหลอด?”

เกาเมิ่งฉีตวาดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ก็ได้” หลี่ฝางทำท่าทางผิดหวัง: “สองหลอดให้ผมหลอดหนึ่งแบบนี้ได้ไหมล่ะ?”

ยังไงซะเอากลับไปด้วยหนึ่งหลอด ให้ห้องทดลองที่เมี๋ยวชุ่ยลงทุนวิเคราะห์ส่วนผสม จะสำเร็จหรือไม่นั้นก็คงต้องแล้วแต่สวรรค์ ถ้าหากมีผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมายิ่งดีไปใหญ่

แต่แล้วคำตอบของเกาเมิ่งฉี กลับทำให้หลี่ฝางต้องผิดหวังอีกครั้ง: “ต้องขอโทษด้วย ตอนนี้เหลือเพียงแค่หลอดเดียวแล้ว”

“ฮ๊ะ? แล้วอีกอันล่ะ?”

“แน่นอนว่าได้ถูกฉันใช้ไปก่อนแล้ว” เกาเมิ่งฉีมองดูหลี่ฝางที่กำลังตกใจ แล้วกล่าวขึ้นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น: “ฉันหาคนที่ยินยอมให้ความร่วมมือในการทดลองไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงใช้ตัวเองเป็นหนูทดลอง”

“ลองใช้กับหนูขาวดูก่อนไม่ได้หรือไง?”

หลี่ฝางคิดว่าของแบบนี้ควรที่จะทดลองใช้บนตัวของสัตว์ก่อน จะใช้คนมาทดลองเลย สาวน้อย นี่เธอไม่รักชีวิตแล้วหรือยังไง

“” ระยะการทดลองกับสัตว์ได้ผ่านไปแล้ว ตัวยาที่วิจัยสำเร็จนี้มีต้นทุนที่สูงมากเกินไป เป็นการฟุ่มเฟือยถ้าจะใช้ทดลองบนตัวของสัตว์”

เกาเมิ่งฉีทอดถอนใจกล่าว: “มูลค่าโดยรวมของวัสดุที่หายากเหล่านั้นเกินสองร้อยล้าน ฉันไม่สามารถที่จะวิจัยค้นคว้าตามอำเภอใจได้เลย”

หลี่ฝางเองก็รู้สึกตกใจขึ้นมา ถึงแม้เมื่อก่อนเขาจะให้เงินฟุ่มเฟือยอย่างเคยชิน ใช้เงินเหมือนน้ำ แต่ยาเพียงแค่หลอดเดียวมูลค่าสองรอยล้านยังคงทำให้เขายั้งสติไม่อยู่

เขายังคิดว่ายาชนิดนี้ยากมากก็แค่ไม่กี่ล้าน!

“สองพันล้านแลกกับร่างกายที่ดีเยี่ยม! แข็งแกร่ง!” หลังจากที่หลี่ฝางถอนหายใจ เขาก็พลันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะไม่มีคุณสมบัติไปว่าคนอื่น เพราะว่าเขาเองก็เหมือนกับเกาเมิ่งฉี ต่างก็เป็นนักสู้ที่เกิดจากฝีมือคน ดังนั้นหลี่ฝางก็เลยเอ่ยถาม: “งั้นหลังจากที่คุณดื่มยานั่นแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?”

เกาเมิ่งฉีไม่ได้ใส่ใจการทอดถอนใจของหลี่ฝาง เธอใช้การเคลื่อนไหวมาเป็นเครื่องพิสูจน์

เห็นเธอยื่นมือออกมาบีบเข้าไปบนเก้าอี้ที่นั่งอยู่ จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นเบา ๆ เก้าอี้โลหะที่เธอนั่งอยู่ก็ได้ถูกกดลงไปทันที

“มันน่าทึ่งมากจริง ๆ” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจขึ้นมา ถ้าหากไม่ใช่เพราะราคาต้นทุนของการผลิตยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งสูงเกินไป เมื่อเห็นผลลัพธ์เช่นนี้ เกรงว่าเขาคงอดไม่ได้ที่จะอุ้มตัวเกาเมิ่งฉีไป

ถ้าหากยาชนิดนี้สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก เช่นนั้นในมือของเขาก็จะมีกองกำลังทหารสุดยอดเพิ่มขึ้นมาทันที สี่ตระกูลใหญ่อะไรนั่น ท่านจวนอะไรนั่น สำนักหยิ่งซาDynasty (ราชวงศ์) อะไรนั่น ต่างก็สามารถกวาดให้เรียบ

แต่ต้นทุนการผลิตสองพันล้าน สำหรับคนส่วนมากแล้ว นี่เป็นราคาที่ไม่สามารถรับได้

ต่อให้เป็นตระกูลหลี่ ที่มีผู้อาวุโสหลี่เจียเฉินคอยสนับสนุนจาก ก็ไม่อาจแบกรับไหวเช่นเดียวกัน

“ยังพอจะมีวิธีปรับปรุงแก้ไขไหม?” หลี่ฝางเอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ไม่มี” เกาเมิ่งฉีถอนหายใจกล่าว: “ฉันได้ทำการทดลองมามากมายขนาดนี้ ต่างก็ไม่สำเร็จ”

“งั้นมันช่างน่าเสียดายจริง ๆ เลย” หลี่ฝางเองก็ทอดถอนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ในขณะที่ทั้งคู่ไม่มีอะไรจะพูดนั่นเอง ประตูห้องผ่าตัดก็ส่งเสียงเบา ๆ จากนั้นหมอกลุ่มหนึ่งก็เดินออกมาจากข้างใน

เกาเมิ่งฉีที่เป็นห่วงความปลอดภัยพ่อของตัวเอง ไม่มีกระจิดกะใจที่จะพูดคุยกับหลี่ฝางต่อในตอนนี้ เธอลุกขึ้นมาแล้วเดินตามไปทางห้องพักผู้ป่วย

ภายในห้องพักผู้ป่วย เกาจื้อสิงลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาอย่างช้า ๆ ก็ได้พบกับลูกสาวของตัวเองและชายหนุ่มที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

“พ่อคะ! รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ?”

เกาเมิ่งฉีรีบเอ่ยถามขึ้นมา

“พ่อรู้สึกไม่เป็นอะไรมาก” เกาจื้อสิงเอ่ยตอบ จากนั้นก็หันหน้าไปทางหลี่ฝาง: “เมิ่งฉี ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครเหรอ?”

ในตอนที่หลี่ฝางปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อช่วยพวกเขา เขาก็ได้สลบไปแล้ว และไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“คุณเกา สวัสดีครับ ผมชื่อหลี่ฝาง ข้างบนได้ส่งผมมาคุ้มครองคุณ” หลี่ฝางแนะนำตัว และได้นำเอกสารรับรองออกมาให้เกาจื้อสิงดู

“คุณหลี่เป็นคุณที่ช่วยพวกเราเอาไว้ใช่ไหม? ต้องขอบคุณคุณมากจริง ๆ !”

การปฏิบัติต่อหลี่ฝางนั้น เกาจื้อสิงได้มีทำทางที่เคารพนอบน้อมมาก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท