NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่854 วิเคราะห์สถานการณ์

บทที่854 วิเคราะห์สถานการณ์

ต่อให้หลี่ฝางได้เตรียมความพร้อมมาอย่างดี เขาไม่กล้าพูดได้ว่าเมื่อตัวเองต้องเผชิญหน้ากับฮาโรลด์จะสามารถมีชีวิตรอดมาได้หรือไม่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาทั้งต้องคอยคุ้มครองความปลอดภัยของเกาเมิ่งฉี ทั้งยังต้องคอยป้องกันการลอบสังหารจากฮาโรลด์ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

เมื่อนึกถึงว่ามีนักฆ่าระดับโลกคนหนึ่งได้คอยซุ่มแอบมองตัวเองอยู่ในที่มืด หรือแม้กระทั่งได้ซุ่มมองตัวเองอยู่ในเงามืดตั้งแต่ตอนนี้แล้ว ดีฟังก็รู้สึกปวดสมองขึ้นมา เขากลัวจนตัวสั่น

“คุณยังไม่ได้ทานอะไรใช่ไหม?”

ในขณะที่หลี่ฝางกำลังจมอยู่ในพวังแห่งความคิดนั่นเอง เกาเมิ่งฉีก็ได้เดินเข้ามาแล้วยื่นอาหารให้กับหลี่ฝาง

ในใจของหลี่ฝางหนักอึ้งขึ้นมา เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม: “คุณออกไปซื้อมาตั้งแต่ตอนไหน?”

“เมื่อ……เมื่อกี้นี้เอง……”

ท่าทางจริงจังของหลี่ฝางทำให้เกาเมิ่งฉีรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เธอรีบตอบคำถามทันที

หลี่ฝางถอนหายใจเบา ๆ และไม่ได้กล่าวตำหนิอะไร เขาเพียงแค่กล่าวขึ้นมา: “เป็นความผิดของผมเอง”

“สถานะของคุณได้ถูกเปิดเผยไปแล้ว ตอนนี้ผู้คนมากมายได้แอบอยู่ในความมืดเตรียมที่จะลงมือกับคุณ ดังนั้นระยะนี้ห้ามไปไหนมาไหนตัวคนเดียวเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นละก็จะต้องอันตรายมากแน่”

เมื่อกี้เกาเมิ่งฉีได้บอกกับหลี่ฝางแล้วว่าเธอจะออกไป แต่ที่เธอบอกคือจะไปเข้าห้องน้ำ

แน่นอนว่าหลี่ฝางไม่อาจตามเธอไปเข้าห้องน้ำด้วย คิดไม่ถึงว่าเธอจะออกไปโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้

ไม่รู้ว่าในเมืองเป่ยไห่ในตอนนี้มีกองกำลังมากมายแค่ไหนที่คอยจับตามองเกาเมิ่งฉีอยู่ หลี่ฝางคิดว่าจะให้เกาเมิ่งฉีคลาดสายตาของตัวเองไปไม่ได้เด็ดขาด ใครจะไปรู้ล่ะว่าเพียงเพราะความประมาทแค่ครั้งเดียว บางทีพอพบกันครั้งนี้ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของหลี่ฝางอาจจะเป็นร่างไร้วิญญาณของเกาเมิ่งฉีก็เป็นได้

แน่นอน ว่านี่ก็เป็นเพราะว่าหลี่ฝางไม่เคยทำงานสายนี้มาก่อน เขาที่เกิดมาเป็นคนธรรมดา แม้แต่การปกป้องตัวเองก็ยังเป็นปัญหาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุ้มครองคนอื่น

แต่โชคยังดี ที่อันตรายยังไม่ได้เกิดขึ้น

“โอเค ฉันฟังคุณ ทานอะไรก่อนเถอะ” เกาเมิ่งฉีพยักหน้า เธอยื่นอาหารส่งมาอีกครั้ง

เมื่อเห็นดังนั้น หลี่ฝางก็ไม่ได้เกรงใจอีก ไม่นานเขาก็ทานอาหารจนหมดเกลี้ยง

พอทานเสร็จ จู่ ๆ หลี่ฝางก็ลุกยืนขึ้นมา

“ไปกัน ไปปรึกษากับพ่อของคุณ พวกเราจะอยู่ในสภาพจนตรอกแบบนี้ต่อไปไม่ได้”

“คุณหลี่!”

เพราะความเจ็บปวด เกาจื้อสิงนอนไม่ค่อยจะหลับตลอดทั้งคืน หลี่ฝางเพิ่งจะเดินเข้ามา เขาก็ตื่นขึ้นมาทันที

เหลือบมองเกาจื่อหมิงที่นั่งสะลึมสะลืออยู่ด้านข้าง หลี่ฝางหันไปทางเกาจื้อสิงที่ยังคงสีหน้าซีดเซียว แล้วกล่าวขึ้นมาอย่างจริงจัง: “ตอนนี้ปัญหาใหญ่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ผมไม่สามารถปกป้องพวกคุณได้ตลอดเวลา พวกคุณรีบตัดสินใจเถอะ”

พูดจบ หลี่ฝางก็พูดเสริมขึ้นมาอีกครั้ง: “ตอนนี้คนที่จับตามองพวกคุณเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้เป็นผมก็ไม่สามารถคุ้มครองพวกคุณได้ทุกด้าน”

หลังจากที่หลี่ฝางพูดจบ สีหน้าของเกาเมิ่งฉีก็เปลี่ยนเป็นไม่ค่อยจะดีนัก

ในตอนที่เธอออกไปซื้อของนั้นเธอก็ได้สัมผัสถึงสายตาที่แปลกประหลาดกำลังจับจ้องมองเธออยู่

“สถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นนี้แล้วเหรอ?”

สีหน้าของเกาจื้อสิงที่เดิมทีก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก ตอนนี้ยิ่งซีดเซียวไปหมด

เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ประเมินแรงดึงดูดของไพ่ในมือที่ตัวเองถืออยู่นั้นต่ำไป

“ไม่เพียงเท่านี้ เกรงว่าตอนนี้มีกองกำลังมากมายที่กำลังเดินทางมาที่นี่ หากล่าช้าไปกว่านี้ สถานการณ์ของคุณจะต้องยิ่งอันตรายขึ้นไปอีก”

หลี่ฝางพิจารณาสีหน้าของเกาจื้อสิงอย่างละเอียด รู้สึกว่าเขายังจะไม่ค่อยเข้าใจว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั้นรุนแรงแค่ไหน ทำได้เพียงทอดถอนใจและอธิบายต่อ

“ที่สำคัญที่สุดก็คือ ทุกคนต่างก็คิดว่าคุณมีเทคนิคในการผลิตยายาชนิดนี้ครั้งละจำนวนมากอยู่ในมือ ใครจับตัวคุณได้ คนนั้นก็จะได้ครอบครองกองกำลังทหารสุดยอดไว้ในมือ สำหรับคนที่มีความทะเยอทะยานอย่างคนพวกนั้น พวกเขาไม่อาจปฏิเสธแรงดึงดูดเช่นนี้ได้หรอก”

ถึงแม้หลี่ฝางจะรู้ว่ายาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งนั้นไม่สามารถผลิตครั้งละจำนวนมากได้ แต่นอกจากเขาแล้วกลับไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นถึงได้มีคนมากมายขนาดนี้บ้าคลั่งเสียสติเพราะมัน

จากที่หลี่ฝางดูแล้ว ถ้าให้คนข้างนอกพวกนั้นรู้ว่ายาชนิดนี้ไม่อาจผลิตได้ครั้งละจำนวนมากได้ อีกทั้งยังมีต้นทุนในการผลิตสูงลิบลิ่วถึงสองพันล้าน คิดว่าคงมีคนกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ล้มเลิกความคิดที่จะมาแย่งชิงมันไป

หลี่ฝางไม่รู้ว่าความหมายของข้างบนคือยังไงกันแน่ ตกลงแล้วพวกเขารู้ไหมว่ายาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งนี่สามารถผลิตครั้งละมาก ๆ ได้หรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าท่าทีของข้างบนไม่ค่อยแน่นอน เหมือนกับว่าจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งนี้สักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นละก็ต่อให้พนักงานขาดแคลนแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะให้คนภายนอกอย่างหลี่ฝางมาคุ้มครองเกาเมิ่งฉี

“งั้นคุณหลี่มีความคิดเห็นยังไง?”

เกาจื้อสิงขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าจะเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันขึ้นมาแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมาเบา ๆ

“ประกาศข่าวเรื่องนี้ออกไป?”

หลี่ฝางบอกความคิดเห็นของตัวเองออกมาอย่างเรียบ ๆ : “ทำแบบนี้ สามารถทำให้คนมากมายวางมือจากการแข่งขันในครั้งนี้ ความกดดันที่พวกเราต้องเผชิญหน้าก็จะลดลงไปมาก”

“แต่ว่า……”

เกาจื้อสิงเองก็เคยคิดถึงปัญหาเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้เขาได้ร่วมมือกับคนข้างบนแล้ว อีกอย่างเขาเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป จะทำให้คนข้างบนให้ความสำคัญกับเขาลดน้อยลงหรือเปล่า หรือแม้กระทั่งโยนพวกเขาทิ้งไป

อีกอย่างต่อให้เขากระจายข่าวเรื่องที่ยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งไม่สามารถผลิตทีละจำนวนมากได้ออกไป ก็ทำได้เพียงแค่ตัดทอนกองกำลังที่แข็งแกร่งส่วนหนึ่ง และพวกกองกำลังในระดับที่ต่ำลงมาไปได้เท่านั้นเอง

เพราะว่าทั้งสองฝ่ายนี้ฝ่ายหนึ่งไม่เห็นอยู่ในสายตา ส่วนอีกฝ่ายนั้นไม่มีเงินมาพอที

แต่พวกที่ทั้งมีเงิน และมีอำนาจไม่ถึงขั้นระดับสุดยอดพวกนั้น ก็ยังคงจะไม่ละมือ อย่างมากก็แค่ใช้ความพยายามมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง

ครอบครัวของเขายังคงไม่อาจหลุดพ้นจากอันตรายนี้ได้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท