NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 873 ทำไมฉันถึงทำไม่ได้

บทที่ 873 ทำไมฉันถึงทำไม่ได้

ส้าวส้วยชะงักเล็กน้อย ระหว่างคิ้วของเขาแสดงความลำบากใจ คล้ายว่ากำลังคิดว่าจะตอบหลี่ฝางอย่างไร

สีหน้าของเขา ทำให้หลี่ฝางที่เมื่อกี้เพิ่งวางใจลงเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง

“เธอยังไม่พ้นขีดอันตราย หมอบอกว่า……มีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว”

คนที่คลายข้อสงสัยให้หลี่ฝาง คือเกาจื้อสิง

“ไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว?”

หลี่ฝางพูดพึมพำเสียงเบา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เข้าใจคำพูดนี้สักเท่าไหร่

“ไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วหมายความว่าอะไร? ห๊า!หมายความว่าอะไร!”

“ก็คือ หมายความว่าเธอจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว” สุดท้าย ส้าวส้วยขมวดคิ้วเป็นปมพูดในสิ่งที่ทำให้เขาลำบากใจอย่างมาก

“หึ……เจ้าหญิงนิทรา……ไม่ฟื้นขึ้นอีกตลอดชีวิต?”

นานครู่หนึ่ง เสียงหัวเราะราวกับคนบ้าของหลี่ฝาง เริ่มดังขึ้นภายในห้อง สวีคางที่เข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว มองหลี่ฝางที่มีสภาพเหมือนคนบ้าน แต่กลับไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแต่อย่างดี ความรู้สึกที่มี คือความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความเสียใจ

“ฮาโรลด์ล่ะ?”

นานครู่หนึ่ง หลี่ฝางหยุดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สิ่งที่มาแทนที่ คือใบหน้าเยือกเย็น

“ตายไปแล้ว”

ส้าวส้วยถอนหายใจ พูดเสียงเบา:“ขอโทษ”

“ไม่ใช่ความผิดของนาย”

หลี่ฝายส่ายหน้า

ฮาโรลด์ไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อเทียบกับพวกเทิร์นเนอร์ ไท่ซางแล้ว ฮาโรลด์ก็ยังถือว่ามีฝีมือไม่ธรรมดา

อยากจะฆ่าฮาโรลด์ทิ้ง ต้องเลือกโอกาสที่เหมาะสมที่สุด ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาด มีโอกาสที่จะทำให้ฮาโรลด์หนีไปได้

ถ้าผลลัพธ์เป็นแบบนั้นละก็ หลี่ฝางจะเจอกับปัญหาไม่จบสิ้น

ดังนั้นหลี่ฝางและส้าวส้วยวางแผน คนหนึ่งถ่วงเวลา คนหนึ่งจู่โจม ขอเพียงหลี่ฝางสามารถกันเอาไว้ ถ้าอย่างนั้นส้าวส้วยก็จะจัดการฮาโรลด์ได้สำเร็จ

ดังนั้นทั้งหมดที่เกิดขึ้น อยู่ในแผนการ แต่สิ่งที่ทุกคนคาดคิดไม่ถึงก็คือ เกาเมิ่งฉีกลับยอมปกป้องหลี่ฝาง

“ทำไมฮาโรลด์ถึงเล่นงานฉัน รู้สาเหตุรึยัง?”

ความแค้นเข้ากระดูก ทำให้หลี่ฝางบีบตัวเองให้มีสติ ความเจ็บปวดไม่สามารถแก้ปัญหาได้ มีแค่การแก้แค้นเท่านั้นที่จะบรรเทาความเจ็บปวด

“สืบทราบแล้ว”

ขณะพูด ส้าวส้วยก็ยื่นแท็บเล็ตให้กับหลี่ฝาง

อย่างรวดเร็ว ข้อมูลบนแท็บเล็ตทำให้ภายในใจของหลี่ฝางมีแรงอาฆาตปะทุขึ้นมา

สำนักหยิ่งซาให้รางวัลห้าร้อยล้านสำหรับคนที่ฆ่าหลี่ฝาง มีเพียงเงินรางวัลที่สูงลิ่วขนาดนี้เท่านั้น ถึงจะดึงดูดนักฆ่าระดับโลกอย่างฮาโรลด์ได้

“สำนักหยิ่งซา ได้ ดีมาก!”

หลี่ฝางกัดฟันแน่น คล้ายสลักความแค้นนี้เอาไว้ในกระดูก ถูกตัดสินให้ไม่ตายไม่มีจุดจบกับสำนักหยิ่งซา

……

สวีคางและพวกข้ามชายแดน กลับเข้ามาในประเทศ

หลังจากผ่านการตรวจสอบ ทุกคนถูกปล่อยตัวเข้ามา ด้านหน้า หลิวฮุยรอนานแล้ว

ยังไม่ทันได้เข้าไปใกล้ หลิวฮุยเห็นใบหน้าของคนแปลกหน้า มองอย่างละเอียด เขาเบิกตากว้างทันที

“นาย นายคือ ไท่ซาง?”

บนโลกใบนี้มีปรมาจารย์กำลังภายในไม่มากเท่าไหร่ ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ในตำนาน แน่นอนว่าทุกอำนาจกลางและใหญ่ต้องถูกบันทึกเอาไว้

หลิวฮุยเป็นคนที่มีประวัติของปรมาจารย์กำลังภายในทุกคน ดังนั้นมองแค่แวบหนึ่งก็รู้ทันทีว่าคือไท่ซาง

เสี้ยวขณะหนึ่ง หน้าผากของหลิวฮุยมีเหงื่อเย็นไหลออกมา

ทำไมไท่ซางถึงกลับมาพร้อมพวกสวีคาง?

“เอ่อ……” สวีคางเห็นสีหน้าแข็งทื่อของหลิวฮุย แล้วมองไปที่ไท่ซาง ทันใดนั้นเองเขาเพิ่งรู้ว่าตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไท่ซางชื่อว่าอะไร

ด้วยเหตุนี้สวีคางจึงพูดแนะนำ:“เอ่อ เขาบอกว่าหัวหน้าเป็นลูกพี่ของเขาครับ”

“ห๊า?”

หลิวฮุยตกตะลึงอย่างมาก

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมหลี่ฝางออกไปแค่ครั้งเดียว แม้แต่ปรมาจารย์กำลังภายในก็นับถือเขาเป็นลูกพี่แล้ว? โลกใบนี้บ้าไปแล้วเหรอ?

“จริงด้วย หลี่ฝางล่ะ? ทำไมถึงไม่กลับมาพร้อมกับพวกนาย?”

หลิวฮุยกวาดมองไปรอบๆ แต่กลับไม่เห็นเงาของหลี่ฝาง

“เอ่อ หัวหน้าเขา……ออกไปคนเดียวครับ……”

สวีคางพูดอธิบายเสียงเบา

“ออกไปคนเดียว? ไปไหน?”

หลิวฮุยมองไปยังพ่อลูกตระกูลเกาที่อยู่ด้านหลังของทีม แล้วพูดต่อ:“ทำไมดร.เกาก็ไม่อยู่ด้วยล่ะ?”

“ดร.เกาเธอ……ถูกหลี่ฝางพาตัวไปแล้วครับ”

ครั้งนี้ สวีคางเงียบไปพักหนึ่ง พูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

“ถูกหลี่ฝางพาตัวไปแล้ว?”

ครั้งนี้หลิวฮุยเวียนหัวแล้วจริงๆ

เป้าหมายใหญ่ที่สุดในภารกิจครั้งนี้ของพวกเขาคือพาตัวเกาเมิ่งฉีกลับมา แต่สุดท้ายเกาเมิ่งฉีกลับถูกหลี่ฝางพาตัวไปแล้ว?

หลิวฮุยอดไม่ได้ที่จะคว้าตัวสวีคาง ถามเสียงเหี้ยมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ สวีคางรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังหนึ่งรอบ มองหลิวฮุยด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

หลิวฮุยปล่อยคอเสื้อสวีคาง รู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดไปหมด

“นี่มันกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ถ้าจัดการได้ไม่ดี ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรมากน้อยแค่ไหน!”

……

“นายแน่ใจนะว่ามีวิธีปลุกเกาเมิ่งฉีให้ฟื้นขึ้นมาได้?”

เรือพาณิชย์ลำหนึ่งลอยอยู่บนทะเล หลี่ฝางและส้าวส้วยยืนอยู่บนหัวเรือ มองไปยังเส้นขอบฟ้า

“ฉันไม่แน่ใจ หมัดของปรมาจารย์กำลังภายใน สำหรับคนทั่วไปสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ก็ถือเป็นปาฏิหาริย์แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฉันพกยาพิเศษที่ห้องวิจัยเพิ่งวิจัยออกมา บางทีนายตื่นขึ้นมาอาจจะเจอแค่ศพของเกาเมิ่งฉีก็ได้”

ส้าวส้วยอธิบายให้หลี่ฝางฟังด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ:“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตอนนี้ถือเป็นผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะทำยังไงก็ห้ามแย่ไปกว่านี้ ฉันเองก็เชื่อว่านายไม่วางใจที่จะยกเกาเมิ่งฉีให้หลิวฮุย ถ้าอย่างนั้นพวกเราพาเธอไปกันเองเถอะ”

“ได้” หลี่ฝางถอนหายใจ อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าส้าวส้วยพูดถูก

วินาทีที่หมัดของฮาโรลด์พุ่งเข้ามาแล้วถูกเกาเมิ่งฉีขวางเอาไว้นั้น รอยยิ้มเปื้อนเลือดตราตรึงอยู่ในหัวใจของหลี่ฝาง

หลี่ฝางยอมรับว่าตนเองสารเลว ที่หัวใจของเขามีผู้หญิงมากมาย เป็นผู้ชายเหี้ยม แต่เขาไม่ยอมรับไม่ได้จริงๆ ตอนนี้เขาไม่สามารถยกเกาเมิ่งฉีให้คนอื่นรักษา

ดังนั้นตอนที่ส้าวส้วยเสนอให้พาตัวเกาเมิ่งฉีไปด้วย ใช้บุคลากรทางการแพทย์ที่พวกเขาบ่มเพาะมารักษา หลี่ฝางตอบตกลงโดยไม่แม้แต่จะคิด

ด้วยเหตุนี้เกาเมิ่งฉีจึงถูกคนที่ส้าวส้วยพามารับตัวไปอย่างรวดเร็ว นั่งเรือออกไปอย่างลับๆ ส่วนหลี่ฝางกลับถูกส้าวส้วยพาไป สกัดกั้นเรือพาณิชย์ลำหนึ่ง แล้วนั่งเรือออกทะเล

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท