NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 877 ตื่นตะลึง

บทที่ 877 ตื่นตะลึง

ซุนเฟยชะงักเล็กน้อย รีบมองไปที่ทะเล ทว่าเห็นเรือสปีดโบ๊ทลำหนึ่งขับไกลออกไปอย่างรวดเร็ว คนที่ยืนอยู่บนเรือคือหลี่ฝางและส้าวส้วย

ถึงขั้นที่ว่าไม่มีใครรู้ว่าเรือสปีดโบ๊ทลำนี้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ และไม่มีใครรู้ว่าส้าวส้วยเอาเรือสปีดโบ๊ทลำนี้มาจากที่ไหน แล้วหลี่ฝางขึ้นไปอยู่บนเรือสปีดโบ๊ทในชั่วพริบตาได้ยังไง

……

บนเรือสปีดโบ๊ท มองดูท่าเรือที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งใกล้เข้ามา ส้าวส้วยพูดขึ้น:“รอไปถึงบนฝั่งแล้วเจอคนๆนั้น ฉันก็จะไป ถึงเวลานั้นนายต้องทำทั้งหมดด้วยตนเอง”

หลี่ฝางพยักหน้า ลังเลครู่หนึ่งแล้วถามขึ้น:“เมื่อไหร่พ่อของฉันถึงจะกลับมา?”

ส้าวส้วยยิ้ม:“ถ้าทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย จะกลับมาได้ภายในครึ่งเดือน ดังนั้นสิ่งที่ฉันจะทำต่อจากนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่สามารถอยู่รอนายที่นี่ได้”

“วางใจเถอะ ฉันทำคนเดียวได้” หลี่ฝางกำหมัด อยากจะบอกกับคำว่า ‘ฉันไม่ใช่เด็กแล้ว พวกนายไม่จำเป็นต้องคอยดูแลตลอดเวลาแล้ว’ แต่ก็รู้สึกว่าพูดแบบนี้มันตอแหลเกินไป ดังนั้นจึงพูดแค่สั้นๆ

ส้าวส้วยพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร

อย่างรวดเร็ว เรือสปีดโบ๊ทจอดที่ท่าเรือ

เห็นรถหรูจอดอยู่ไกลจากท่าเรือ มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลายืนพิงบนรถ กำลังมองมายังท่าเรือที่มีคนเดินไปเดินมา

ตอนที่ส้าวส้วยและหลี่ฝางเดินออกมาจากท่าเรือ ชายหนุ่มรีบมาต้อนรับทันที

“พระเจ้า ในที่สุดนายก้มาแล้ว!” ซูโน่อ้าแขนกว้างแล้วกอดส้าวส้วยเอาไว้ “นายเกือบจะลืมฉันไปแล้วใช่ไหม?”

“ฮ่าๆๆ เป็นไปได้ยังไง เป็นเพราะไม่มีเวลาต่างหาก” ส้าวส้วยหัวเราะ

“ฉันจะไม่รู้จักนายอีกเหรอ?” ซูโน่มองส้าวส้วยด้วยความเย้ยหยัน จากนั้นมองไปที่หลี่ฝาง “คนนี้คือ?”

“หลี่ฝาง” ไม่รอให้ส้าวส้วยแนะนำตัว หลี่ฝางพูดขึ้นก่อน “ส้าวส้วยเป็นพี่ใหญ่ของฉัน”

“ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่เราสนิทกันมาก” ส้าวส้วยยิ้มแล้วพูดเสริม

“น้องชาย ในเมื่อนายเป็นน้องชายของส้าวส้วย ถ้าอย่างนั้นก็เป็นน้องชายของฉัน” ซูโน่ยิ้มแล้วตบหัวไหล่หลี่ฝาง “อย่ายืนอยู่ที่นี่เลย ไป ขึ้นรถกันเถอะ ให้เจ้าถิ่นคนนี้ทำหน้าที่สุดความสามารถ!”

ทั้งสามขึ้นไปบนรถ ไปจากท่าเรืออย่างรวดเร็ว

มาถึงโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง ซูโน่พาทั้งสองเข้าไปยังห้องที่จองเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ

พนักงานยกอาหารมาเสริฟอย่างรวดเร็ว ซูโน่สั่งให้พวกเขาออกไปให้หมด แล้วตรวจดูภายในห้อง จากนั้นจึงพยักหน้าให้ส้าวส้วย

“ปลอดภัย ไม่มีเครื่องดักฟัง”

เขาถอนหายใจ:“รบกวนนายแล้ว”

“ไม่ต้องพูดแบบนี้” ส้าวส้วยตอบ:“เล่าให้ฉันฟังหน่อยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

ซูโน่เงียบไปพักหนึ่ง ยิ้มเศร้า:“พูดตามตรงจนถึงตอนนี้ฉันยังไม่รู้ว่าใครที่หมายตาตระกูลของฉัน แต่ฉันเดาว่าอีกฝ่ายคงอยากจะใช้ฉันและน้องสาวมาข่มขู่พ่อ แต่ไม่รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือะไร

ตอนแรกฉันคิดจะใช้ไพ่ตายของตนออกมาสู้ ตอนนี้นายมาแล้ว ฉันเองก็วางใจ”

หลี่ฝางฟังครู่หนึ่ง พอจะเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ

ที่แท้ก็มีขั้วอำนาจนิรนามหมายตาตระกูลซู ทั้งยังปฏิบัติการลอบสังหาร ก่อนหน้านี้ไม่รุนแรงเท่าไหร่ล้วนถูกขวางเอาไว้แล้ว แต่ตระกูลซูอาศัยสายสืบของตนทำให้รู้ว่า หลังจากนี้เกรงว่าจะมีการลอบฆ่าที่รุนแรงกว่าเดิม

“ท่าทีของอีกฝ่ายเหิมเกริมมาก แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือซูโน่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่หมายตาพวกเขาคือขั้วอำนาจไหน

“ทำไมนายไม่บอกคนในตระกูลให้เข้าใจ?” ส้าวส้วยถาม

ซูโน่ถอนหายใจเศร้าๆ ใบหน้าแสดงความลำบากใจ

“เฮ้อ ตอนนี้ในสายตาคนในตระกูลฉันยังคงเป็นแค่คุณชายที่รักสนุก ถึงแม้จะพูดออกไปตรงๆ คิดว่าคงไม่มีผลอะไร สู้ลอบจัดการเรื่องนี้ลับๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดผลก็ได้”

“ฮ่าๆๆ ฉันเข้าใจแล้ว” ส้าวส้วยยิ้ม “นายไม่กลัวว่าฉันจะหลอกนานยเหรอ?”

ซูโน่ยิ้มเศร้าแล้วพูด:“นายไม่มีความจำเป็นในการหลอกฉัน พวกเราทำงานด้วยกันหลายครั้ง ฉันก็ไม่ได้ไม่รู้จักอะไรพวกนายสักหน่อย รวมถึงลูกพี่ใหญ่ผู้ลึกลับของนายด้วย……”

เห็นซูโน่อยากจะพูดแต่ก็หยุดพูด ส้าวส้วยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“พูดตามจริง ฉันมาในครั้งนี้ไม่ได้เพื่อนายเท่านั้น แต่เพื่อพาเขามา ให้พวกนายสองคนรู้จักกัน ส่วนฉันไม่อยู่ที่นี่”

“เขา?” ซูโน่มองหลี่ฝางด้วยความตกตะลึง

ส้าวส้วยพยักหน้า:“ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกนิดหน่อย ความสามารถของเขาไม่น้อยไปกว่าฉัน วางใจเถอะ”

ซูโน่อดไม่ได้ที่จะมองหลี่ฝางอย่างพิจารณา ส้าวส้วยส่งสายตามาให้ หลี่ฝางให้ความร่วมมือยื่นนิ้วออกมาแล้วกดบนโต๊ะ เสียงดังขึ้นเบาๆ โต๊ะไม้ที่แข็งแกร่งแบ่งเป็นสองท่อนด้วยนิ้วมือของเขาอย่างง่ายดาย คล้ายกับว่ากำลังหักเต้าหู้นุ่มๆ

ตอนที่หลี่ฝางเอานิ้วออกมา ใบหน้าของซูโน่เหลือเพียงความตกตะลึง

“นี่นาย หรือว่านายจะเป็นกำลังภายในที่อยู่ในตำนาน?” ซูโน่รู้สึกดีใจขึ้นมา

หลี่ฝางพยักหน้าแสร้งทำเป็นล้ำลึก โอกาสในการตอแหลแบบนี้เขาไม่มีวันพลาดแน่นอน

“ได้! น้องชาย มีนายฉันก็วางใจแล้ว” ซูโน่ร้องตะโกน หัวเราะเสียงดังแล้วพูด:“มา ฉันดื่มให้นายก่อนแก้วหนึ่ง!”

ซูโน่ยกแก้วเหล้าขึ้นมา สีหน้าเคร่งขรึมหายไป เขาดูผ่อนคลายลงมาก

……

หลังจากแนะนำหลี่ฝางให้ซูโน่รู้จักแล้วนั้น ส้าวส้วยก็รีบออกไป ไม่ได้บอกหลี่ฝางว่าเขาจะไปไหน หลังจากกินข้าวเสร็จ ซูโน่ขับรถพาหลี่ฝางไปอยู่ในคฤหาสน์ของเขา

คฤหาสน์ตระกูลซูสร้างติดกับริมทะเลสาบ ตัวอาคารนั้นหรูหรา สิ่งปลูกสร้างแสดงถึงฐานะของเจ้าของอย่างชัดเจน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท