ด้านหลังของทั้งสองคน คนที่อยู่ในเรือตั้งแต่ต้นมองหลี่ฝางและส้าวส้วยจากที่ไกลๆ ด้วยความตกใจและหวาดกลัว
เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า จู่ๆทั้งสองคนก็บุกขึ้นมาบนเรือพาณิชย์ของตน ราวกับเป็นเจ้าของเรือ ยืนพูดคุยกันบนเรือโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ระหว่างนั้น พวกเขาคิดจะไล่แขกไม่ได้รับเชิญทั้งสองลงไป แต่กะลาสีล่ำบึกพวกนั้น กลับไม่แม้แต่จะจับชายเสื้อของทั้งสองได้ ก็ถูกทำร้ายจนล้มลงกับพื้น
หนึ่งในนั้น คือยอดฝีมือที่พวกเขาจ่ายเงินราคาแพงในการเชิญมา
ไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขาทำได้เพียงยอมรับความจริง ภายในใจเอาแต่อธิษฐานไม่หยุด หวังว่าทั้งสองจะเป็นแค่คนที่ขอขึ้นเรือเพื่อร่วมเดินทางเท่านั้น
“ปรมาจารย์หลิว ปรมาจารย์คิดว่าพวกเขาคือโจรที่เหี้ยมโหดที่เขาลือกันให้หนาหูในช่วงนี้หรือไม่?”
กัปตันเรือซุนจี้อเหวินถามปรมาจารย์ที่อยู่ข้างกาย
ปรมาจารย์หลิวส่ายหน้า ไม่พูดออกมา
เขาคือยอดฝีมือที่ซุนจี้อเหวินยอมจ่ายเงินมหาศาลเพื่อเชิญเขามา แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถทำอะไรสองคนนั้นได้ ก็ถูกทุ่มลงไปบนพื้นแล้ว
ในเวลานี้เองหญิงสาวน่ารักที่อยู่ข้างกายซุนจี้อเหวินและปรมาจารย์หลิวพูดขึ้น:“ลือกันว่าโจรอายุสามสิบกว่าไม่ใช่เหรอ”
“เหลวไหล ใครบอกให้แกออกมา รู้รึเปล่าว่าข้างนอกอันตรายแค่ไหน?” ซุนจี้อเหวินตำหนิสาวน้อย “ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรกไม่พาแกขึ้นมาบนเรือแล้ว!”
“พ่อคะ !หนูขอโทษ……”
หญิงสาวพูดขอโทษด้วยความน่าสงสาร จากนั้นพูดเสียงเบา:“แต่หนูรู้สึกว่าพวกเขาดูไม่เหมือนคนไม่ดี……”
ในเวลานี้เอง สตรีที่ยืนอยู่ข้างหญิงสาวพูดขึ้นอย่างมีเลศนัย :“รู้หน้าไม่รู้ใจ”
“รู้แล้วค่ะพี่” หญิงสาวตอบอย่างว่าง่าย
ซุนจี้อเหวินมองลูกสาวคนโตของตน ทว่ากลับไม่ได้ปฏิบัติด้วยความรักใคร่เหมือนลูกสาวคนเล็ก
บนเรือ หลี่ฝางไม่ได้สนใจเสียงสนทนาเล็กๆของคนด้านหลัง เอาแต่คุยกับส้าวส้วย
“ฉันไปแบบนี้ ทั้งยังพาเกาเมิ่งฉีไปด้วย ฉันกังวลว่าคนเบื้องบนของหลิวฮุยจะมีความคิดที่ไม่ดี ลุงเฉียนยังอยู่ในกำมือของพวกเขา?”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ลุงเฉียนไม่เป็นอะไร”
สำหรับความกังวลของหลี่ฝาง ส้าวส้วยพูดเสียงเรียบ ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มองดูรอยยิ้มบางๆของส้าวส้วย ทำให้หลี่ฝางรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“นายเอาอะไรให้ไท่ซางกิน แน่ใจนะว่าจะทำให้เขาเชื่อฟังได้?”
ก่อนจะจากกันที่ประเทศพม่า ส้าวส้วยเอายาเม็ดสีขาวให้ไท่ซางกินหนึ่งเม็ด ทั้งยังบอกกับเขาตรงๆว่ายานั้นมีพิษต่อประสาท ไม่ว่าปรมาจารย์กำลังภายในหรือคนธรรมดา ถ้าเกิดออกฤทธิ์ขึ้นมาจะเป็นอัมพาตทันที
นี่เป็นวิธีการควบคุมอย่างหนาแน่น เผชิญหน้ากับหลี่ฝางและส้าวส้วยปรมาจารย์กำลังภายในทั้งสองคนที่มือชื่อเสียง สุดท้ายไท่ซางเลือกที่จะยอมจำนน
“สามารถควบคุมเขาได้อยู่แล้ว ยานั้นไม่ธรรมดา มาจากโบราณสถานที่แอฟริกาที่พวกเราพบพืชชนิดหนึ่งซึ่งสามารถสกัดออกมาเป็นยา การผลิตนั้นแพงมาก แค่ต้นทุนของยาหนึ่งเม็ดก็หนึ่งล้านดอลลาห์แล้ว”
หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้น ก่อนหน้านี้มียาเพิ่มพลังที่ผลิตด้วยเงินสูงถึงสองร้อยล้าน ในตอนหลังมียาเม็ดละหนึ่งล้าน ทำให้เขารู้สึกฉงนกับราคายาบนโลกใบนี้
ในเวลานี้เอง ด้านหลังมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
พนักงานชั่วคราวบนเรือคว้ามีดเล่มยาวออกมา จากนั้นฟันพนักงานบนเรืออีกสองคน เดินมาตรงหน้าทุกคนด้วยใบหน้าเหี้ยมโหด
ซุนจี้อเหวินมองเขาด้วยใบหน้าหวาดกลัว พูดตำหนิ:“แกคิดจะทำอะไร!”
ปรมาจารย์หลิวยืนอยู่ตรงหน้าซุนจี้อเหวิน มองพนักงานบนเรืออย่างพิจารณาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พูดเสียงทุ้มต่ำ:“ดูท่านายต่างหากที่เป็นโจรตัวจริง”
“ถูกต้อง ฉันเอง ฮ่าๆ คิดไม่ถึงละสิ?”
โจรหัวเราะเสียงดัง พูดคำหยาบคาย ถือมีดที่เปื้อนเลือดแล้วเดินเข้ามาใกล้
ตามด้วยการเข้ามาใกล้ของโจร สีหน้าของทุกคนหวาดกลัวและพยายามหนีห่าง ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
“ปรมาจารย์หลิว ขอร้องล่ะ”
ซุนจี้อเหวินพูด
เป็นเพราะเขากังวลว่าครั้งนี้จะเจอโจร ดังนั้นจึงทำทุกอย่างเพื่อเชิญปรมาจารย์หลิวมา
ปรมาจารย์หลิวพยักหน้า ก้าวเดินออกมา มองไปที่โจรคนนั้น
“คุณ หากว่า……”
“ไม่ต้องพูดพล่าม จะสู้ก็สู้ ไม่สู้ก็ไสหัวไป” ปรมาจารย์หลิวเพิ่งพูด ก็ถูกโจรตอกกลับด้วยสีหน้าหงุดหงิด ทันใดนั้นเอง ปรมาจารย์หลิวที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วก็โมโหทันที
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”มือและเท้าของปรมาจารย์หลิวแยกจากกัน มือทั้งสองทำเป็นกรงเล็บ ร้องตะโกนเสียงเหี้ยม แล้วพุ่งไปหาโจร
น้ำหนักของเขา ทำให้เกิดรอยเท้าบนพื้นถึงสองรอย
“หึๆ พอใช้ได้เหมือนกัน!”
โจรหัวเราะเยือกเย็น ยกมีดขึ้นแล้วฟันไปที่ปรมาจารย์หลิว
ทั้งสองต่อสู้กัน ปรมาจารย์หลิวรู้ตัวทันทีว่า ตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อย่างรวดเร็ว ตัวของเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผล
ในที่สุด ปรมาจารย์หลิวก็ทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถูกโจรเตะเข้าที่ท้อง ปลิวออกไปไกล ล้มลงบนกระดานเรือ กระอักเลือดออกมา
“ปรมาจารย์หลิว!ปรมาจารย์หลิว!”
ซุนจี้อเหวินร้องตะโกนสองครั้งด้วยความกระวนกระวาย
เขาคิดไม่ถึงว่าที่พึ่งพิงสำคัญของเขาจะไร้ความสามารถแบบนี้ ตอนนี้ปรมาจารย์หลิวล้มลงแล้ว พวกเขาควรจะทำยังไง?
“เฮ้อ ผมขอโทษ……” ปรมาจารย์หลิวพูดด้วยความรู้สึกผิดอย่างเปี่ยมล้น
ลูกสาวคนโตของซุนจื้เหวินรีบกดแผลให้ปรมาจารย์หลิว พูดเสียงเบา:“ปรมาจารย์หลิว นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ บาดแผลของคุณจำเป็นต้องรีบรักษา”