“พ่อหนุ่ม ยืนทำอะไรน่ะ เข้ามาสิ”
เห็นหลี่ฝางยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ชายชราก็อดไม่ได้ที่จะโบกมือยิ้มแย้ม
หลี่ฝางเหมือนกับเพิ่งตื่นจากฝัน มือเท้านิ่งแข็งจากประตูเข้าไปในห้อง
“เข้ามานั่งสิ!”
ชายชราตบที่นั่งว่างที่อยู่ข้างๆ สื่อว่าให้หลี่ฝางนั่ง
ตอนนี้หลี่ฝางจึงสังเกตเห็นว่า ในห้องยังมีวัยรุ่นอีกคน กำลังนั่งข้างขวาของผู้อาวุโส ตอนนี้ก็ยืนขึ้นมาก่อน
ลู่เฉิงกลับยืนอยู่หน้าประตูพูดอย่างนับถือว่า:“พวกเราสองคนพ่อลูกไม่รบกวนผู้อาวุโสกับหลี่ฝางคุยธุระละกันครับ”
ต่อหน้าชายชราที่ดูธรรมดาๆนี้ ถึงเป็นลู่เฉิง ก็รู้สึกเก้ๆกังๆ
ภายใต้การให้สัญญาณของลู่เฉิง วัยรุ่นคนนั้นที่หน้าตาหล่อเหลา หลังจากบอกลาผู้อาวุโส ก็เดินมาอยู่ข้างๆลู่เฉิง
ตอนนี้ ลู่เฉิงก็เหมือนกับคิดอะไรขึ้นได้ แนะนำตัวให้หลี่ฝาง:“ลืมแนะนำตัวเลย นี่คือลูกชายผมลู่เผิงเฟย อายุพอๆกับหลี่ฝาง พวกคุณสองคนว่างก็ไปเดินเล่นได้”
“แน่นอนครับ”หลี่ฝางยิ้มแล้วพยักหน้าให้วัยรุ่นคนนั้น
นี่ก็เป็นการที่ลู่เฉิงจงใจให้ลูกชายตัวเองสนิทสนมกับตัวเอง
อีกฝ่ายคงจะเห็นว่าเขาได้มีผู้อาวุโสเรียกเข้าพบได้ ถึงได้แสดงพฤติกรรมออกมาอย่างดี หลี่ฝางเลยปฏิเสธไม่ได้
“งั้นพวกเราไปก่อนนะครับ”
ประตูห้องปิดเบาๆ สองคนพ่อลูกลู่เฉิงกับหลิวฮุยเป็นสามคน ถูกประตูบานนั้นกั้นไว้อยู่นอกห้อง
“คุณกับพ่อคุณ เหมือนกันมากจริงๆ”
ตอนนี้ท่าทีของชายชราก็สบายมากขึ้น สายตาที่มองหลี่ฝาง เหมือนกับมองรุ่นน้องของตัวเอง
และประโยคแรกของเขา ก็ทำให้หลี่ฝางอึ้งไปอีกครั้ง
“ท่าน ท่านรู้จักพ่อผม?”
“ฮ่าฮ่า พ่อคุณน่ะ ตอนนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มที่หัวแข็งดื้อรั้น”
ชายชรายิ้มอย่างร่าเริง:“หลายปีมานี้เขาอยู่ข้างนอก ประสบเรื่องราวมากมาย เลยกลายเป็นคนเงียบขรึม กลับเป็นคุณ ที่เหมือนเขาตอนที่ยังหนุ่ม”
ได้ยินชายชราพูดแบบนี้ หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่าทำไมในใจถึงได้นิ่งสงบลง อาจจะเพราะว่าชายชรารู้จักพ่อตัวเองนานแล้ว หรือเพราะว่าท่าทีที่อบอุ่นของชายชรา สรุปคือ เดิมทีร่างกายที่แข็งทื่อของหลี่ฝางก็ผ่อนคลายลงมาอย่างไม่รู้ตัว พูดจาก็ลื่นไหลมากขึ้น
ทั้งสองคนพูดคุยสนทนากัน ก็ใช้เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ในระหว่างนี้หลี่ฝางกับชายชรารู้จักกันมาก และก็ค่อยๆเรียนรู้เรื่องราวในอดีตของพ่อตัวเองมากขึ้น
“คิดไม่ถึงว่าตอนนั้นพ่อผมจะมีประสบการณ์แบบนี้ด้วย ผมกลับไม่เคยได้ยินเขาพูดเลย”หลี่ฝางหัวเราะ:“บางครั้งพ่อก็ยอดเยี่ยมเกินไปดี ความกดดันของผมที่เป็นลูกชายก็มากด้วย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เสี่ยวฝาง คุณก็อย่าโทษพ่อคุณเลย ที่เขาจากไปเมื่อตอนนั้นก็เพราะจำเป็นต้องทำ ผมว่าถ้าเขามีหนทางหน่อย เขาไม่มีทางทิ้งคุณไว้นี่โดยไม่สนใจแน่”
“ท่านพูดเรื่องพวกนี้ผมเข้าใจดีครับ ผมไม่เคยโทษพ่อแม่ผมเลย คุณรู้ไหมว่า ตอนนั้นที่รู้ว่าพ่อผมกลับมาแล้ว ผมดีใจสุดๆ คิดว่าแค่ถึงแม้ต้องเอาอะไรมาแลกกับผมมากแค่ไหน ผมก็จะไม่ปล่อยให้พ่อแม่จากไปจากผมอีกแล้ว”
“เด็กดี เด็กดี”
ชายชราตบไหล่ของหลี่ฝางเบาๆ หลังจากพูดจบ ก็หยิบขวดเหล้าข้างตู้มาขวดหนึ่ง ยื่นให้หลี่ฝาง พูดว่า:“มา ดื่มกับผมสักสองแก้ว”
หลี่ฝางรับเหล้าไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น กลับไม่กล้าเปิด
ดื่มเหล้าทำลายสุขภาพ ชายชราก็อายุมากแล้ว หลี่ฝางคิดว่าโน้มน้าวเขาดีกว่า
“ช่างมันเถอะ พวกเราสองคนคุยกันก็พอ”
หลี่ฝางกำลังจะเอาขวดเหล้าวางกลับไป ชายชรากลับพูดห้าม:“ทำไม?ผมดื่มสักแก้วไม่ได้เหรอ?”
“รีบเปิดสิ”
หมดหนทาง หลี่ฝางได้แต่หาขวดเล็กๆ เทใส่ครึ่งแก้วเล็กๆ
ชายชราไม่ได้พูดอะไรอีก
เขารู้ดีว่าร่างกายของตัวเองเป็นอย่างไร ถ้าวันนี้ไม่ได้พูดคุยกับหลี่ฝางอย่างมีความสุข เขาก็ไม่ปล่อยให้หลงระเริงแบบนี้
โชคดีที่เป็นเหล้าที่เตรียมให้เขาพิเศษ ไม่อย่างนั้นชายชราก็ไม่กล้าดื่มจริงๆ
ค่อยๆชิมเหล้าแก้วเล็กๆ บทสนทนาของชายชราก็เริ่มขึ้น
พริบตาเดียว ก็ผ่านไปคืนหนึ่ง
ลู่เฉิงและคนอื่นๆที่อยู่ด้านนอก ได้แต่รู้สึกทรมานอย่างมาก
พวกเขาไม่รู้ว่าหลี่ฝางกับชายชรากำลังคุยอะไรกัน และก็ไม่กล้าเข้าไปตัดบทการสนทนา แต่ก็ยิ่งไม่อยากออกไป
ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่อยู่เฝ้าหน้าประตูทั้งคืนอย่างลำบาก จนเช้าวันที่สอง ถึงได้ยินเสียงเปิดประตู
ทุกคนรีบเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหลี่ฝางพยุงผู้อาวุโสเดินออกมาจากห้อง
“ผู้อาวุโส ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หลิวฮุยรีบเข้าไปพยุงผู้อาวุโสไว้
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร นานแล้วที่ไม่ได้นอนกลับอย่างสนิทแบบนี้”
ส่ายหน้าเบาๆ ใบหน้าผู้อาวุโสปรากฏรอยยิ้มอันอบอุ่น หลังจากที่เมื่อคืนดื่มเหล้าไปแก้วหนึ่ง ชายชราที่ดื่มไปนิดหน่อยก็เมาและผล็อยหลับไป หลี่ฝางจึงเฝ้าอยู่ข้างๆทั้งคืน
บางทีอาจจะเป็นเพราะแอลกอฮอล์ ชายชราที่ไม่ได้ไปคิดเรื่องกังวลใจเลยหลับสนิท ตอนนี้ตื่นแล้วจิตใจก็ดีขึ้นมาก
“โอเค ไม่มีอะไรแล้ว ผมไปก่อนล่ะ ที่คุยกับคุณเมื่อคืนคุณต้องจำไว้ให้ขึ้นใจนะ ค่อยเป็นค่อยไป ทำอะไรอย่าใจร้อน”
สุดท้ายหลังจากกำชับกับหลี่ฝางเสร็จ ชายชราก็ออกไปภายใต้การคุ้มกันของบอดี้การ์ด
มองแผ่นหลังของชายชรา ไม่รู้ทำไม จู่ๆหลี่ฝางกลับถอนหายใจเบาๆ