NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่889 ผู้อาวุโสเรียกเข้าพบ

บทที่889 ผู้อาวุโสเรียกเข้าพบ

มองหลิวฮุยที่นั่งข้างคนขับด้านหน้าไม่พูดอะไรด้วยใบหน้าเย็นชา หลี่ฝางจึงทำลายความเงียบอย่างอึดอัด

“วางใจเถอะ จะต้องมีผลประโยชน์ต่อคุณแน่ ถึงตอนนั้นคุณก็แสดงออกมาดีๆหน่อยก็พอ”หลิวฮุยปิดปากแน่นมาก ไม่ปล่อยข้อมูลออกมาเลยสักนิด

“อย่าสิ ให้ข้อมูลผมนิดๆหน่อยๆ ก็ให้ผมได้เตรียมตัวหน่อยไม่ใช่เหรอไง?”หลี่ฝางลองหยั่งเชิงดูใหม่ แต่ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร หลิวฮุยก็ไม่ยอมปริปากบอกสักคำ

“ผมว่านะ ผมเพิ่งถึงบ้านยังไม่ทันได้กลับไปดู คุณก็รู้ว่าศัตรูตระกูลเราเยอะ ไม่ได้กลับไปดูผมอดห่วงไม่ได้จริงๆ”หลี่ฝางทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เปลี่ยนหัวข้อ

“คุณมีอะไรให้เป็นห่วง?”ฟังประโยคนี้ของหลี่ฝาง หลิวฮุยโมโหทันที “คุณไม่รู้ว่าหาไท่ซางนั่นมาจากไหน แค่คนเหลือบมองเขามากไปหน่อยบนถนน เขาก็ตีคนจนเกือบจะตาย ตอนนี้ทั้งเมืองเอกใครบ้างที่ไม่รู้จักหมัดเหล็กไท่ซางสุดโหดอันเลื่องชื่อลือนาม คุณยังกล้าบอกว่าคุณไม่วางใจ?”

“อ๋า?”หลี่ฝางตะลึง เขาให้ไท่ซางไปสถานตากอากาศก่อนน่ะใช่ และก็คิดไม่ถึงว่าไท่ซางจะหยิ่งผยองขนาดนี้ ได้ยินหลิวฮุยพูดแบบนี้ เขาก็รู้สึกกังวล

“คนนั้นที่ถูกตีเป็นอย่างไรบ้าง?ส่งไปโรงพยาบาลแล้วใช่ไหม?ครอบครัวพวกเราน่าจะชดเชยให้เขาแล้วสินะ?”หลี่ฝางกังวลหน่อยๆ ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็ไม่ได้หวังว่าคนบริสุทธิ์ที่เดินผ่านไปมาจะได้รับความหายนะ

“หึหึ ชดเชย?ตระกูลคนที่ถูกตีนั้นกลับอยากชดเชยให้พวกคุณต่างหากล่ะ ถูกทำร้ายคนอนาถ ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หน้า เรื่องนี้คุณต้องตามเช็ดขี้เอาเอง ผมไม่สน!”

“ตระกูล?”หลี่ฝางตะลึงหน่อยๆ ถามอย่างระมัดระวัง:“ผู้ชายที่ถูกตีชื่ออะไร?”

“เหมือนจะชื่อมู่หรงฉางเฟิงนะ”

หลี่ฝาง:“……”

จากสนามบินไปยันจุดหมายค่อนข้างไกล จากชานเมืองไปยังใจกลางเมือง รถก็ขับไปเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงจะไปถึง

และหลังจากที่รถจอดนิ่งอยู่ที่ลานจอดรถใต้อาคารแล้ว ก็ไม่รอให้หลี่ฝางพูด หลิวฮุยพูดก่อนว่า:“นี่คือสถานที่ที่ผู้ยิ่งใหญ่เมืองเอกอยู่ พวกเราสองคนขึ้นไปก็พอแล้ว”

หลี่ฝางมองราฟาเอล เข้าใจว่าหลิวฮุยมีความกังวลของความปลอดภัย พยักหน้า แล้วให้ราฟาเอลรอเขาอยู่ข้างล่าง แล้วขึ้นลิฟต์ไปด้วยกันกับหลิวฮุย

“ผมว่านะ ก็ถึงนี่แล้ว คุณน่าจะบอกผมได้แล้วนะว่าใครอยากเจอผม?”ในลิฟต์ หลี่ฝางจึงถามเพราะทนความอยากรู้ของตัวเองไม่ไหว

“โอเค ยังไงก็มาถึงที่นี่แล้ว”หลิวฮุยเห็นหลี่ฝางมีท่าทางร้อนใจ ได้แต่พูดว่า:“ชุมชนนี้ดูธรรมดามาก แต่จริงๆแล้วเป็นพื้นที่ระดับสูงที่ซ่อนเร้นไว้อย่างมาก เช่นลู่เฉิงอันเลื่องชื่อท่านนั้น!”

“ลู่เฉิง?……ตระกูลลู่?”หลี่ฝางกลืนน้ำลาย

“อือ ตระกูลลู่”หลิวฮุยพยักหน้าอย่างไร้สีหน้า

“ห่า เจ๋งขนาดนี้เลย?”ในใจหลี่ฝางตื่นเต้นเล็กน้อย

เหล่าตระกูลระดับใหญ่ในประเทศจีน หนึ่งในนั้นมีสองตระกูล ที่ยึดครองภายในเมืองเซี่ยงไฮ้ ตระกูลหนึ่งคือหวาง อีกตระกูลคือลู่

และตามด้วยการมากขึ้นของประสบการณ์ หลี่ฝางก็เคยได้ยินลูกชายคนที่สองแห่งตระกูลลู่นี้จากปากของคนอื่น ชื่อเสียงของลู่เฉิง

ผู้ชายที่สมองมีความคล่องแคล่วนี้ ประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจ สินทรัพย์อยู่ในระดับแสนล้าน เรียกได้ว่าสุดยอดเลย

“เหอะเหอะ แค่นี้ก็ตื่นเต้นแล้ว?งั้นอีกเดี๋ยวคุณจะไม่ตื่นเต้นกว่านี้เหรอ?”หลิวฮุยที่อยู่ข้างๆหัวเราะอย่างเย็นชา

“หมายความว่าไง ไม่ใช่ลู่เฉิงจะเจอผมเหรอ?”หลี่ฝางตะลึงงัน

“เหอะเหอะ แน่นอนว่าไม่ใช่ เดี๋ยวคุณก็รู้”หลิวฮุยปิดปากเงียบอีกครั้ง

“ผมว่า คุณพูดให้มันชัดเจนหน่อยได้ไหม?”ในใจหลี่ฝางเหมือนกับมีอุ้งเท้าแมวมาข่วน ทรมานมาก

“ถึงแล้ว”เสียงดังติ๊ง ประตูลิฟต์เปิดออก หลิวฮุยเดินออกไปก่อน หลี่ฝางทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เดินตามออกไปอยู่ด้านหลัง

จากนั้นหลิวฮุยก็เคาะประตู ประตูเปิดจากด้านใน ที่เปิดประตูก็คือลู่เฉิง

“คุณคือหลี่ฝางสินะ เหอะเหอะ สวัสดี!”

ลู่เฉิงทักทายอย่างเป็นมิตร

“พ่อหนุ่ม รู้จักผมใช่ไหม?ผมได้ยินเรื่องราวของคุณมานานมากแล้ว ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“คุณลุงลู่ชมเกินไปครับ เทียบกับธุรกิจที่คุณทำแล้ว อย่างมากผมก็ถือว่าทำงานได้แค่เล็กๆเลย”หลี่ฝางก็รีบพูดชมไป

“โอเคโอเค อย่ายืนพูดอยู่หน้าประตูเลย รีบเข้ามาเถอะ ผู้อาวุโสรออยู่ข้างในนานแล้ว รีบเข้ามาเถอะ!”

หลังจากพูดคุยไม่กี่คำ ลู่เฉิงก็ดึงหลี่ฝางเข้าไปอย่างแทบจะทนไม่ไหว

“ผู้ ผู้อาวุโส?”หลี่ฝางใจสั่นอย่างมาก มองหลิวฮุยอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก็เห็นหลิวฮุยกำลังทำเป็นนิ่ง ในสายตามีรอยยิ้มแอบแฝง

ผู้ชายคนนี้เตรียมพร้อมที่จะดูฉาดเด็ดๆของตัวเองไว้นานแล้วสินะ!ในใจหลี่ฝางคิดอย่างหดหู่

แต่ว่า นั่นเป็นถึงผู้อาวุโสนะ!เรียกได้ว่า ชีวิตของชายชราคนนี้เป็นตัวแทนจำลองของยุคสมัยหนึ่ง

หลี่ฝางตามลู่เฉิงเข้าไปในห้อง เข้าประตูมา ก็เห็นชายชรานั่งอยู่บนโซฟา

ชายชราท่านนั้น หลี่ฝางคุ้นมาก ไม่ ควรจะบอกว่าทั้งประเทศจีนคนส่วนมากนั้นคุ้นเคยดี แย่แค่ไหนก็เคยเจอที่โทรทัศน์

ถึงแม้ในใจเตรียมตัวไว้นานแล้ว แต่ตอนที่เห็นชายชรากับตาจริงๆ หัวใจของหลี่ฝางยังคงเต้นเร็ว“ตึกตัก”อย่างผิดหวัง

ชายชราที่ปีนี้อายุหกสิบแล้ว ดูเหมือนจิตใจจะไม่อ่อนแอมากนัก กลับกัน ชายชรานั่งตัวตรง มองไปแล้วจิตใจไม่แย่เลย รอยยิ้มบนใบหน้าทำให้ผู้คนรู้สึกความสนิทสนม ราวกับว่าไม่ได้เผชิญหน้ากับผู้อาวุโส แต่เป็นเพื่อนบ้านที่มีความเมตตาอ่อนโยน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท