NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 904 อยากเจอปรมาจารย์

บทที่ 904 อยากเจอปรมาจารย์

เพราะว่าการกระทำของไท่ซางมันดูน่าชัง เกี่ยวกับหลี่ฝาง จึงทำให้ชิวทิงหยุนไม่มีความรู้สึกที่ดีด้วยเลยสักนิด

ในตอนนี้ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หยูหลิงฮุ่ยไม่ต้องคิด รู้ว่าเป็นชิวเฉิงฝูที่มา

วินาทีต่อมา บนหน้าของหยูหลิงฮุ่ยก็มีรอยยิ้มขึ้น กลบท่าทีไม่พอใจเมื่อครู่หมดเกลี้ยง เปิดประตูและพูดด้วยเสียงหวานๆ : “พี่ฝู!”

“เหอๆ หลิงฮุ่ย ฉันพาเธอไปเดินเล่นนะ?” ชิวเฉิงฝูมองใบหน้าที่มีรอยยิ้มของหยูหลิงฮุ่ย ใจก็เต้นแรง แทบอดใจไม่ไหวที่อยากจะเอาเธอมาเป็นของตนเดี๋ยวนี้

แต่ว่าชิวเฉิงฝูก็รู้ว่าเรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่สามารถแสดงด้านน่าเกลียดออกมาที่นี่ได้ ดังนั้นเขาถึงพูดแบบนี้ ก็เพื่อพาหยูหลิงฮุ่ยออกไปจากที่นี่ จะได้ทำอะไรๆ สะดวกหน่อย

“เอาสิ ฉันก็อยากจะชมคฤหาสน์ตระกูลชิวเหมือนกัน!”

หยูหลิงฮุ่ยก็ฟังความหมายในคำพูดของชิวเฉิงฝูออก แต่กลับไม่ปฏิเสธ และตอบตกลงไป

“งั้นพวกเราไปกันตอนนี้เลยเถอะ!” ชิวเฉิงฝูตาเป็นประกาย พูดอย่างรีบแบบอดไม่ไหวแล้ว

หยูหลิงฮุ่ยคิดอยู่ครู่ จึงพูดกับหยูฉาย: “พ่อ คืนนี้……หนูอาจจะกลับมาดึกหน่อย ไม่ต้องรอหนูนะ”

“คุณอาวางใจเถอะครับ ผมจะพาหยูหลิงฮุ่ยกลับมาส่งอย่างปลอดภัยครับ!” ชิวเฉิงฝูได้ยินที่หยูหลิงฮุ่ยพูดใจก็เต้นรัว และตบหน้าอกพูดรับประกันอย่างเร็ว

หยูฉายได้ยินประโยคนี้ ขณะที่กำลังจะพูดอะไร ชิวเฉิงฝูกับหยูหลิงฮุ่ยสองคนนั้นกลับออกไปแล้ว

“ฮึ่ย!” หยูฉายเขวี้ยงไม้กวาดลงกับพื้น และถอนหายใจอย่างหมดแรง

เขาจะมองจุดประสงค์ของทั้งสองคนนี้ไม่ออกได้ยังไง? โลกนี้มันก็แบบนี้แหละ เขาอยู่ที่นี่ไม่มีทางเลือกอะไรเลย และอะไรก็ทำไม่ได้เลย

ตอนนี้ ชิวเฉิงฝูกำลังพาหยูหลิงฮุ่ยไปแนะนำสถาปัตยกรรมของบ้านตระกูลชิว ขณะที่กำลังพูดคุยหัวเราะขบขัน ในใจก็คิดแต่อีกครู่จะทำธุระกันที่ตรงไหนดี

ส่วนหยูหลิงฮุ่ยที่กำลังหงุดหงิดว่าเมื่อกี้ตนตัดสินใจอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังมากไปมั้ย แต่ไม่นาน หล่อนก็ถูกสถาปัตยกรรมโบราณที่สวยงามของคฤหาสน์ตระกูลชิวดึงดูดเข้าแล้ว

ดูไปดูมา หยูหลิงฮุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะพูดชมขึ้น: “พี่ฝู สถาปัตยกรรมของเรือนที่นี่สวยงามมากๆ เลย งดงามมากจริงๆ”

“เหอะๆ ที่นี่ได้รับการดูแลโดยตระกูลชิวของฉันมาหลายร้อยปีแล้ว แน่นอนว่าต้องดีที่สุด ก็เหมือนเวทีตรงนั้น นักร้องดังในปีนั้น ล้วนแต่รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ขึ้นไปร้องนะ” ชิวเฉิงฝูพูดอย่างภาคภูมิใจ อย่างกับตนได้เห็นมันด้วยตาของตัวเอง

ถึงยังไง เขาก็เป็นคนตระกูลชิว สำหรับประวัติศาสตร์อันมีเกียรติของตระกูลชิว เขาก็รู้สึกถึงความมีเกียรติมาเสมอ เมื่อพูดกับคนข้างๆ แน่นอนว่าจึงมีความภาคภูมิใจอยู่บ้าง

ฟังชิวเฉิงฝูพูดแบบนี้ หยูหลิงฮุ่ยก็อดไม่ได้ที่มองไปทางฝั่งนู้นด้วยความอิจฉา แล้วพูด: “ฝั่งนู้นยังมีห้องด้านข้างเรือนทิศเหนืออีกตั้งหลายห้องนะ? แค่มองก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามด้านนอก พักที่นั่นต้องดีกว่าแน่ๆ เลย”

ด้านข้างเรือนเหนือที่เธอพูด นั่นก็คือห้องที่พ่อบ้านเฒ่าพาหลี่ฝางกับไท่ซางเข้าไปพัก เป็นสถานที่จัดไว้ให้ปรมาจารย์พักโดยเฉพาะ แน่นอนว่าสภาพแวดล้อมจะแย่ไม่ได้

ทันใดนั้นชิวเฉิงฝูก็เลิ่กลั่กเล็กน้อย หยูหลิงฮุ่ยไม่รู้ แต่เขารู้ดีมากเลย คนที่สามารถพักที่เรือนด้านข้างเรือนเหนือได้ ล้วนแต่เป็นบุคคลแบบไหน

ไม่ต้องพูดถึงที่นั่น แม้แต่เรือนสถาปัตยกรรมบริเวณรอบๆ นี้ ล้วนแต่มีญาติคนสำคัญของตระกูลชิว ถึงจะมีสิทธิ์ยืนมือเข้ามา และจัดการให้คนเข้าไปพักได้

และญาติห่างๆ อย่างเขา ตัวเองยังพักไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะจัดการให้หยูหลิงฮุ่ยเข้าพักเลย

พลางคิดแบบนี้ ชิวเฉิงฝูก็ไม่ยอมกระอักกระอ่วนอยู่นี่ จึงพูดได้แค่ว่า: “คนที่พักในนั้นล้วนแต่เป็นปรมาจารย์ขั้นเยี่ยมยอดทั้งนั้น ไม่ใช่ที่ที่เราสามารถเข้าไปได้หรอก ป่ะ ฉันพาเธอไปดูที่อื่นนะ”

“ปรมาจารย์!” ไม่พูดยังดีกว่า ยิ่งพูดไป กลับทำให้หยูหลิงฮุ่ยยิ่งสนใจมากขึ้น

ถึงยังไงในหัวใจของจอมยุทธปรมาจารย์นั้นมีตำแหน่งที่สูงส่งและน่าเคารพ แม้จะเป็นการเจอกันครั้งนึง ก็รู้สึกว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ปกติแล้วจอมยุทธทุกคน ล้วนแต่เต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะแสวงหาปรมาจารย์

หยูหลิงฮุ่ยก็เหมือนกัน แต่ว่าพื้นเพตระกูลของเธอไม่โดดเด่น จึงไม่มีโอกาสที่จะได้พบกับปรมาจารย์ และการที่จะได้พูดคุยกับปรมาจารย์นั้นยิ่งเหมือนกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าด้านในมีปรมาจารย์พักอยู่ ทันใดนั้นในใจของเธอก็คาดหวังเล็กน้อย ถึงยังไงเธอก็มาร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพ ตนจึงหวังว่าที่จะได้พบกับปรมาจารย์แห่งยุทธภพ หรือแม้กระทั่งสามารถมีความสัมพันธ์กับปรมาจารย์แห่งยุทธภพ

“พี่ฝู พี่พาฉันไปดูหน่อยได้มั้ย?” ตาสองข้างของหยูหลิงฮุ่ยมองชิวเฉิงฝูอย่างอ้อนวอน

“ไปดู?” ชิวเฉิงฝูได้ยิน ก็ขมวดคิ้วทันที และเข้าสู่ความลำบากใจสุด

ปรมาจารย์เป็นบุคคลประเภทไหน ถึงสามารถให้คนอยากจะเจอก็เจอได้? แม้ว่าเขาจะเป็นญาติของตระกูลชิว ก็ไม่มีโอกาสได้เจอกับปรมาจารย์

มีแค่คุณท่านของตระกูลชิว ที่สามารถเข้าหาได้ ก่อนที่จะปลีกวิเวก ชิวเฉิงฝูรู้สึกเป็นเกียรติที่เคยพูดกับเขาสองสามคำ นี่ถือว่าเป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ของเขาแล้ว

ส่วนปรมาจารย์อีกม่านของตระกูลชิวชิวเฉิงหลี่ เขายิ่งไม่แม้แต่จะเห็นญาติห่างๆ อย่างพวกเขาอยู่ในสายตาเลย จะเจอกันสักครั้งสองครั้งนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าอยากจะคุยเพื่อให้ได้ใกล้ชิด นั่นก็เป็นได้แค่ความฝัน

“ฉันของแค่มองเขาจากที่ไกลๆ ไม่เข้าไปใกล้แน่ๆ” เห็นชิวเฉิงฝูขมวดคิ้ว หยูหลิงฮุ่ยจึงรีบพูดเสริม ขณะเดียวกันนัยน์ตาก็ยิ่งเพิ่มแสงประกายของความคาดหวังขึ้นไปอีก

“เฮ้อ งั้นก็ได้ ฉันจะพาเธอไปดู” สุดท้ายก็ปฏิเสธหยูหลิงฮุ่ยไม่ได้ ชิวเฉิงฝูจึงทำได้แค่ถอนหายใจและตอบตกลง แล้วพูด: “แต่ว่าฉันขอเตือนเธอไว้ก่อน ห้ามเข้าไปใกล้เด็ดขาด ถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเราสองคนจะมีปัญหาได้!

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท