NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 922 คุณไม่ใช่ปรมาจารย์สักหน่อย

บทที่ 922 คุณไม่ใช่ปรมาจารย์สักหน่อย

ทั้งสองหันไปมอง เห็นชิวกวางหมิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเย็นชา จ้องมองจ้าวเหล่าลิ่วด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสุดๆ

และหลังจากเขากวาดตามองแหวนหยกที่หัวแม่มือของหลี่ฝาง ท่าทีก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้นอีก

ตั้งแต่เล็กจนโต ขอแค่เป็นของที่เขาต้องการ ก็ไม่มีที่จะไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อวานเขาจะโดนเจ้าไร้ประโยชน์ จัดการซะเหมือนนักศิลปะต่อสู้กระจอกๆ แน่นอนว่ารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

และตอนนี้หลังจากเห็นหลี่ฝาง ความไม่พอใจของชิวกวางหมิงก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปอีก

แล้วได้ยินจ้าวเหล่าลิ่วกำลังว่าตระกูลชิวอยู่พอดี ทันใดนั้นก็เดือดขึ้นมา ถามจ้าวเหล่าลิ่วทันที

“เมื่อกี้ได้ยินอะไรมา คุณพูดให้ฟังหน่อยสิ”

จ้าวเหล่าลิ่วเจื่อนๆ แล้วรีบพูด:“คุณชายชิว เมื่อกี้ผมพูดมั่วไปงั้นแหละ อย่าถือสาเลย”

“พูดมั่วซั่ว?”ชิวกวางหมิงพูดอย่างเย็นชา:“ผมตระกูลชิวให้คนอย่างคุณพูดมั่วซั่วได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คุณเชื่อไหมผมจะแจ้งคุณข้อหาหมิ่นประมาทกับพ่อผม ?”

ได้ยินเช่นนั้น จ้าวเหล่าลิ่วหน้าถอดสีทันที

ชิวเฉิงหลี่พ่อของชิวกวางหมิงก็ดังเรื่องความน่ากลัวอยู่แล้ว คนกระจอกๆอย่างจ้าวเหล่าลิ่วกล้ามีเรื่องด้วยซะที่ไหน ถ้าทำให้ตระกูลชิวขุ่นเคือง เกรงว่าต่อให้จ้าวเหล่าลิ่วมี10ชีวิตก็ไม่พอให้เขาตาย

“คะคุณชายชิว”จ้าวเหล่าลิ่วหน้าถอดสี พูดยิ้มๆ“คุณชายชิว เมื่อกี้ผมพูดไร้สาระไปแล้วจริงๆ ผะผมฟั่นเฟือน ผมมันโง่ สมองผมไม่ค่อยดี……”

“หึ คราวหลังระวังหน่อยก็แล้วกัน”ชิวกวางหมิงเหลือบมองจ้าวเหล่าลิ่วอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง พูดเตือนเสร็จก็ไม่พูดอะไรต่อ

แต่เขายังไม่ค่อยพอใจนัก หันไปมองหลี่ฝางอีกที

“ไม่รู้ว่าคุณกู่ศึกษาแหวนหยกนี้ออกมาได้หรือไม่ ว่าตกลงแล้วมันมีความมหัศจรรย์อะไร?”

จ้าวเหล่าลิ่วเห็นชิวกวางหมิงไม่สนใจตนแล้ว จึงรีบเดินออกไป ไม่กล้าอยู่ตรงนี้ต่อ

ไม่มีใครสนใจที่จ้าวเหล่าลิ่วเดินออกไป หลี่ฝางเห็นชิวกวางหมิงมองอย่างดุๆ ก็หัวเราะเย้ยหยันออกมา:“ฮ่าๆ นี่เป็นของล้ำค่า พึ่งพาสิ่งนี้ความสามารถผมเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย!”

ขณะพูดหลี่ฝางก็จงใจแสดงความแข็งแกร่ง ให้คนรู้สึกว่าแข็งแกร่งกว่าตอนแรกมากจริงๆ

ชิวกวางหมิงหน้าเสียทันที ทำเสียงหึๆ ไม่อยู่ต่อ เดินออกไปอย่างโกรธๆ

“คุณกู่ ชิวกวางหมิงโมโหง่ายแบบนี้แหละ ใจแคบด้วย ครั้งนี้คงโกรธคุณไม่น้อย”ชิวทิงหยุนมองแผ่นหลังชิวกวางหมิงที่เดินดุ่มๆออกไป ก็อดพูดยิ้มๆออกมาไม่ได้

พลังที่หลี่ฝางแสดงออกมาเมื่อครู่ เธอรู้สึกได้ว่าไม่ใช่เพิ่งสำเร็จแน่นอน ยิ่งบวกกับการคาดเดาก่อนหน้านี้ ชิวทิงหยุนมั่นใจว่าเขาเสแสร้งแน่ๆ เพื่อแกล้งชิวกวางหมิงเล่นก็เท่านั้น

แต่ในความเป็นจริง พลังของหลี่ฝางต้องสูงมากแน่ๆ ชิวทิงหยุนกล้าเดาแม้กระทั่งว่า เยอะกว่าปรมาจารย์กำลังภายในได้เลย

ม่ว่าจะเป็นชิวทิงหยุนหรือหยูหลิงฮุ่ยก็ล้วนคิดแบบนี้

แต่หลี่ฝางไม่ได้โกหก พลังของเขาสูงกว่าปรมาจารย์กำลังภายในธรรมดาขั้นหนึ่งจริงๆ

อย่างมากก็แค่ปกปิดระดับพลังไว้

เวลาต่อมา ทั้งสามคนยังคงนิ่งเงียบ เห็นคนในจัตุรัสเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีคนของตระกูลชิวออกมาพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

คนในจัตุรัสยิ่งทนไม่ไหว พากันส่งเสียงโวยวาย ถามว่าคนของตระกูลชิวอยู่ไหนกันแน่

ตอนนี้ไม่ได้ข่าวอะไรจากคนชั้นสูงตระกูลชิวเลย ไม่เพียงเท่านั้น เหล่าปรมาจารย์ที่เข้าร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพก็ไม่เห็นแม้แต่เงา สถานการณ์แบบนี้ทำให้หลี่ฝางรู้สึกแปลกไม่น้อย

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”หลี่ฝางพึมพำในใจ เมื่อนึกถึงไท่ซางที่โดนพ่อบ้านชราเชิญตัวไป ก็คาดเดาขึ้นมาทันที ว่าเป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้ตระกูลชิวกำลังวางแผนร้ายอะไรกับปรมาจารย์เหล่านั้น

เพราะบนโลกนี้มีปรมาจารย์กำลังภายในน้อยมาก ปรมาจารย์เป็นผู้มีพลังยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังมีบารมีชื่อเสียงมากมาย

ถ้าตระกูลชิวมีแผนร้ายจริงๆ งั้นแค่พูดให้ปรมาจารย์เหล่านั้นยอม เรื่องของตระกูลชิวก็สำเร็จไปมากกว่าครึ่งแล้ว

“ตระกูลชิวเล่นตุกติกอะไรกับเหล่าปรมาจารย์หรือเปล่า?”ขณะนั้นเองชิวทิงหยุนก็เดินไปข้างๆหลี่ฝางพลางพูดเบาๆ

“สาวน้อย อย่าวิจารณ์เหลวไหลเกี่ยวกับปรมาจารย์ ต้องรู้จักเคารพยำเกรง คุณวิจารณ์มั่วซั่วแบบนี้ ไม่เคารพปรมาจารย์เกินไปแล้ว”จู่ๆชายชราด้านหน้าหันมาตำหนิชิวทิงหยุน

“คุณดิ้นทำไมขนาดนั้น คุณไม่ใช่ปรมาจารย์สักหน่อย”ชิวทิงหยุนถูกชายชรากล่าวหาลอยๆ จึงรู้สึกไม่เป็นธรรมและตอบกลับไป

“หือ?”ชายชราเบิกตาโพลง ทันใดนั้นก็ปล่อยพลังแดนสุดกำลังภายนอกออกมา

ผู้คนรอบข้างต่างตกใจกลับพลังนี้ พากันหันมามอง

“เอ๋ นั่นมันหมัดเจ็ดพิการของเจ้าสำนักเจิ้งนี่”มีคนพูดถึงตัวตนของชายชราขึ้นมาทันที

“เจ้าสำนักเจิ้งเกลียดคนที่พูดว่าเขาไม่ใช่ปรมาจารย์ที่สุด สาวน้อยผู้นี้ซวยแล้ว”

“พูดอะไรไม่คิด หล่อนควรได้รับโทษจึงจะได้เข้าว่าเรื่องบางอย่างไม่ควรพูดมั่วซั่ว”

ชิวทิงหยุนได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบๆ ถึงได้รู้ว่าตัวเองปากพาซวยซะแล้ว รู้สึกอยู่ไม่สุขขึ้นมาทันที

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท