ทั้งสองหันไปมอง เห็นชิวกวางหมิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเย็นชา จ้องมองจ้าวเหล่าลิ่วด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสุดๆ
และหลังจากเขากวาดตามองแหวนหยกที่หัวแม่มือของหลี่ฝาง ท่าทีก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้นอีก
ตั้งแต่เล็กจนโต ขอแค่เป็นของที่เขาต้องการ ก็ไม่มีที่จะไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อวานเขาจะโดนเจ้าไร้ประโยชน์ จัดการซะเหมือนนักศิลปะต่อสู้กระจอกๆ แน่นอนว่ารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
และตอนนี้หลังจากเห็นหลี่ฝาง ความไม่พอใจของชิวกวางหมิงก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปอีก
แล้วได้ยินจ้าวเหล่าลิ่วกำลังว่าตระกูลชิวอยู่พอดี ทันใดนั้นก็เดือดขึ้นมา ถามจ้าวเหล่าลิ่วทันที
“เมื่อกี้ได้ยินอะไรมา คุณพูดให้ฟังหน่อยสิ”
จ้าวเหล่าลิ่วเจื่อนๆ แล้วรีบพูด:“คุณชายชิว เมื่อกี้ผมพูดมั่วไปงั้นแหละ อย่าถือสาเลย”
“พูดมั่วซั่ว?”ชิวกวางหมิงพูดอย่างเย็นชา:“ผมตระกูลชิวให้คนอย่างคุณพูดมั่วซั่วได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คุณเชื่อไหมผมจะแจ้งคุณข้อหาหมิ่นประมาทกับพ่อผม ?”
ได้ยินเช่นนั้น จ้าวเหล่าลิ่วหน้าถอดสีทันที
ชิวเฉิงหลี่พ่อของชิวกวางหมิงก็ดังเรื่องความน่ากลัวอยู่แล้ว คนกระจอกๆอย่างจ้าวเหล่าลิ่วกล้ามีเรื่องด้วยซะที่ไหน ถ้าทำให้ตระกูลชิวขุ่นเคือง เกรงว่าต่อให้จ้าวเหล่าลิ่วมี10ชีวิตก็ไม่พอให้เขาตาย
“คะคุณชายชิว”จ้าวเหล่าลิ่วหน้าถอดสี พูดยิ้มๆ“คุณชายชิว เมื่อกี้ผมพูดไร้สาระไปแล้วจริงๆ ผะผมฟั่นเฟือน ผมมันโง่ สมองผมไม่ค่อยดี……”
“หึ คราวหลังระวังหน่อยก็แล้วกัน”ชิวกวางหมิงเหลือบมองจ้าวเหล่าลิ่วอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง พูดเตือนเสร็จก็ไม่พูดอะไรต่อ
แต่เขายังไม่ค่อยพอใจนัก หันไปมองหลี่ฝางอีกที
“ไม่รู้ว่าคุณกู่ศึกษาแหวนหยกนี้ออกมาได้หรือไม่ ว่าตกลงแล้วมันมีความมหัศจรรย์อะไร?”
จ้าวเหล่าลิ่วเห็นชิวกวางหมิงไม่สนใจตนแล้ว จึงรีบเดินออกไป ไม่กล้าอยู่ตรงนี้ต่อ
ไม่มีใครสนใจที่จ้าวเหล่าลิ่วเดินออกไป หลี่ฝางเห็นชิวกวางหมิงมองอย่างดุๆ ก็หัวเราะเย้ยหยันออกมา:“ฮ่าๆ นี่เป็นของล้ำค่า พึ่งพาสิ่งนี้ความสามารถผมเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย!”
ขณะพูดหลี่ฝางก็จงใจแสดงความแข็งแกร่ง ให้คนรู้สึกว่าแข็งแกร่งกว่าตอนแรกมากจริงๆ
ชิวกวางหมิงหน้าเสียทันที ทำเสียงหึๆ ไม่อยู่ต่อ เดินออกไปอย่างโกรธๆ
“คุณกู่ ชิวกวางหมิงโมโหง่ายแบบนี้แหละ ใจแคบด้วย ครั้งนี้คงโกรธคุณไม่น้อย”ชิวทิงหยุนมองแผ่นหลังชิวกวางหมิงที่เดินดุ่มๆออกไป ก็อดพูดยิ้มๆออกมาไม่ได้
พลังที่หลี่ฝางแสดงออกมาเมื่อครู่ เธอรู้สึกได้ว่าไม่ใช่เพิ่งสำเร็จแน่นอน ยิ่งบวกกับการคาดเดาก่อนหน้านี้ ชิวทิงหยุนมั่นใจว่าเขาเสแสร้งแน่ๆ เพื่อแกล้งชิวกวางหมิงเล่นก็เท่านั้น
แต่ในความเป็นจริง พลังของหลี่ฝางต้องสูงมากแน่ๆ ชิวทิงหยุนกล้าเดาแม้กระทั่งว่า เยอะกว่าปรมาจารย์กำลังภายในได้เลย
ม่ว่าจะเป็นชิวทิงหยุนหรือหยูหลิงฮุ่ยก็ล้วนคิดแบบนี้
แต่หลี่ฝางไม่ได้โกหก พลังของเขาสูงกว่าปรมาจารย์กำลังภายในธรรมดาขั้นหนึ่งจริงๆ
อย่างมากก็แค่ปกปิดระดับพลังไว้
เวลาต่อมา ทั้งสามคนยังคงนิ่งเงียบ เห็นคนในจัตุรัสเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีคนของตระกูลชิวออกมาพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
คนในจัตุรัสยิ่งทนไม่ไหว พากันส่งเสียงโวยวาย ถามว่าคนของตระกูลชิวอยู่ไหนกันแน่
ตอนนี้ไม่ได้ข่าวอะไรจากคนชั้นสูงตระกูลชิวเลย ไม่เพียงเท่านั้น เหล่าปรมาจารย์ที่เข้าร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพก็ไม่เห็นแม้แต่เงา สถานการณ์แบบนี้ทำให้หลี่ฝางรู้สึกแปลกไม่น้อย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”หลี่ฝางพึมพำในใจ เมื่อนึกถึงไท่ซางที่โดนพ่อบ้านชราเชิญตัวไป ก็คาดเดาขึ้นมาทันที ว่าเป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้ตระกูลชิวกำลังวางแผนร้ายอะไรกับปรมาจารย์เหล่านั้น
เพราะบนโลกนี้มีปรมาจารย์กำลังภายในน้อยมาก ปรมาจารย์เป็นผู้มีพลังยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังมีบารมีชื่อเสียงมากมาย
ถ้าตระกูลชิวมีแผนร้ายจริงๆ งั้นแค่พูดให้ปรมาจารย์เหล่านั้นยอม เรื่องของตระกูลชิวก็สำเร็จไปมากกว่าครึ่งแล้ว
“ตระกูลชิวเล่นตุกติกอะไรกับเหล่าปรมาจารย์หรือเปล่า?”ขณะนั้นเองชิวทิงหยุนก็เดินไปข้างๆหลี่ฝางพลางพูดเบาๆ
“สาวน้อย อย่าวิจารณ์เหลวไหลเกี่ยวกับปรมาจารย์ ต้องรู้จักเคารพยำเกรง คุณวิจารณ์มั่วซั่วแบบนี้ ไม่เคารพปรมาจารย์เกินไปแล้ว”จู่ๆชายชราด้านหน้าหันมาตำหนิชิวทิงหยุน
“คุณดิ้นทำไมขนาดนั้น คุณไม่ใช่ปรมาจารย์สักหน่อย”ชิวทิงหยุนถูกชายชรากล่าวหาลอยๆ จึงรู้สึกไม่เป็นธรรมและตอบกลับไป
“หือ?”ชายชราเบิกตาโพลง ทันใดนั้นก็ปล่อยพลังแดนสุดกำลังภายนอกออกมา
ผู้คนรอบข้างต่างตกใจกลับพลังนี้ พากันหันมามอง
“เอ๋ นั่นมันหมัดเจ็ดพิการของเจ้าสำนักเจิ้งนี่”มีคนพูดถึงตัวตนของชายชราขึ้นมาทันที
“เจ้าสำนักเจิ้งเกลียดคนที่พูดว่าเขาไม่ใช่ปรมาจารย์ที่สุด สาวน้อยผู้นี้ซวยแล้ว”
“พูดอะไรไม่คิด หล่อนควรได้รับโทษจึงจะได้เข้าว่าเรื่องบางอย่างไม่ควรพูดมั่วซั่ว”
ชิวทิงหยุนได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบๆ ถึงได้รู้ว่าตัวเองปากพาซวยซะแล้ว รู้สึกอยู่ไม่สุขขึ้นมาทันที