NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 913 สามล้าน

บทที่ 913 สามล้าน

“เถ้าแก่ บอกราคามาเลย” หลี่ฝางไม่พูดพร่ำทำเพลง ท่าทีแสดงความต้องการของตนอย่างชัดเจน

“ชิ้นนี้ผมเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตกว่าจะได้มาก ดังนั้น……” จ้าวเหล่าลิ่วกลอกตาไปมา และรีบพูดขึ้น

“เอาล่ะ บอกราคามาเลย ไม่ต้องพูดพร่ำแล้ว” หลี่ฝางรีบหยุดไม่ให้จ้าวเหล่าลิ่วพูดต่อ

เขาไม่อยากพูดต่อราคาไปมาเสียเวลา ขอแค่จ้าวเหล่าลิ่วไม่โลภไปจนน่าเกลียด หลี่ฝางใช่ว่าจะรับราคาสูงไม่ได้

จ้าวเหล่าลิ่วเห็นหลี่ฝางพูดแบบนี้ กลับเกิดความลังเลกับตัวเอง

เขาก็ไม่รู้ราคาที่แท้จริงของของชิ้นนี้ จึงทำได้แค่บอกราคาตามที่ตัวเองคาดเดาไป

เดิมทีในใจของเขาตั้งราคาของชิ้นนี้แค่ไม่กี่แสน แต่พอเห็นหลี่ฝางเหมือนกับคนที่ไม่ขาดเงินอย่างนั้น เขาจึงอยากจะตั้งราคาสูงๆ ดู

จ้าวเหล่าลิ่วจึงลองชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วและส่ายไปมา

“สามแสน?” หลี่ฝางถาม

ทันใดนั้นจ้าวเหล่าลิ่วก็หมดคำพูดทันที ของราคาสามแสน ไม่เคยมีปรากฏในที่แห่งนี้ ของที่นี่ไม่ว่าชิ้นไหนราคาต่ำสุดก็ต้องเจ็ดแปดแสน? ราคาหลักล้านถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่พบได้

“สามล้าน” จ้าวเหล่าลิ่วเอ่ยปากบอกราคา

แต่หลี่ฝางหลังจากที่ได้ยินราคานี้กลับขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าจะไม่พอใจกับราคานี้มากๆ

จ้าวเหล่าลิ่วที่มองอยู่ ก็รีบพูดขึ้น: “สามล้านไม่แพงเลยครับ พี่ชาย ผมเสี่ยงชีวิตถึงจะได้ของชิ้นนี้มา สามล้านเหรียญ ไม่เสียเปรียบเลย”

ที่จริงตอนที่จ้าวเหล่าลิ่วเริ่มจะบอกราคาหลี่ฝางก็เดาออกว่าเป็นสามล้าน แต่แค่เขาจะตอบตกลงเร็วไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจ้าวเหล่าลิ่วก็จะโลภมากอย่างไม่จบไม่สิ้น

ดังนั้นหลี่ฝางจึงจงใจแสดงละครฉากนี้ เพื่อจะให้จ้าวเหล่าลิ่วตกใจ และก็จริง หลังจากที่เขาเงียบอยู่สักพัก จ้าวเหล่าลิ่วก็เลิ่กลั่กขึ้นมา

หลี่ฝางรู้ว่ากำลังได้ที่แล้ว จึงพยักหน้าแล้วพูด: “ก็ได้ งั้นก็สามล้าน……”

แต่แค่ในตอนนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงอีกเสียงขัดคำพูดของหลี่ฝาง ดังขึ้นมาจากด้านหลัง: “ชิ้นนี้ฉันเอา!”

ตาสองข้างของหลี่ฝางหรี่ลง หันกลับไปมอง กลับเห็นชายหนุ่มคนนึง ใบหน้าของเขามีความเย่อหยิ่งรางๆ กำลังมองแหวนนิ้วโป้งในมือของหลี่ฝาง

“นั่นคือลูกชายคนเดียวของชิวเฉิงหลี่ ชิวกวางหมิง?” รอบข้างมีเสียงนินทาดังขึ้น

“นั้นคือคนที่ว่ากันว่าจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับหุบเขาราชายาคนนั้น?”

“ใช่ ทำไมเขาถึงกลับมาที่นี่?”

หลี่ฝางได้ยินชื่อชิวกวางหมิง ทันใดนั้นในหัวก็มีข้อมูลของเขาลอยขึ้นมา จึงอดไม่ได้ที่จะมองชิวกวางหมิงนานหน่อย

ชิวกวางหมิงกลับไม่ได้ใส่ใจสายตาของหลี่ฝางเลยสักนิด พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแบบไม่ให้ใครแย่งพูด: “สามล้านใช่มั้ย ชิ้นนี้ฉันเอาแล้ว”

พูดจบ ชิวกวางหมิงก็โยนบัตรใบนึง ยื่นไปทางจ้าวเหล่าลิ่ว

แต่ว่าจ้าวเหล่าลิ่วไม่ได้ตอบรับด้วยสีหน้ายินดี แต่กลัวพูดอย่างลำบากใจ: “ขออภัยด้วยครับ คุณชายชิว แหวนนิ้วโป้งหยกชิ้นนี้ขายไปแล้วครับ”

หลี่ฝางคิดไม่ถึงว่าจ้าวเหล่าลิ่วจะพูดจริงใจได้ขนาดนี้ อดไม่ได้ที่จะยกย่องจ้าวเหล่าลิ่วเล็กน้อย

ชิวกวางหมิงกลับแคร์แต่อย่างใด: “แล้วยังไง เขาจ่ายเงินแล้วเหรอ?”

“เอ่อ……” เมื่อจ้าวเหล่าลิ่วกำลังจะเอ่ยปาก จู่ๆ ในขณะนั้นก็รู้สึกบรรยากาศที่กดดัน จึงตกใจและเงียบลงไปทันที

“คุณชายบอกว่าจะเอาของชิ้นนี้ของนาย นายก็รีบเอาของมา ยังไงก็จ่ายเงินแล้ว นายอย่ามาพูดมาก!”

ผู้เฒ่าคนนึงเดินมาจากข้างหลังของชิวกวางหมิง ออร่าที่น่ากลัวนั่นมันแผ่ระเบิดออกมาจากตัวของเขา

ความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าคนนี้คือจุดสูงสุดของกำลังภายนอก หลี่ฝางรู้สึกอยู่ครู่ ระยะห่างจากปรมาจารย์ก็ไม่ไกลแล้ว

ความแข็งแกร่งแบบนี้ อยู่ที่นี่ก็ถือได้ว่าอันดับสูงสุดๆแล้ว ถึงยังไงปรมาจารย์ก็ไม่ได้เจอกันง่ายๆ

แล้วก็เบื้องหลังของผู้เฒ่าคนนี้ยังเป็นตระกูลชิว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีคนกล้าพูดอะไร

จ้าวเหล่าลิ่วในตอนนั้น ถูกออร่าของผู้เฒ่าทำให้ตกใจไปหมดแล้ว แต่ก็ยังคงไม่ได้ยอม พูดขึ้นอย่างเสียงเบา: “ทำธุรกิจใครมาก่อนก็ได้ก่อนไม่ใช่หรือ……”

ท่าทีแบบนี้ ทำให้คนชื่นชมขึ้นมาทันที

ผู้เฒ่าได้ยินแบบนี้ก็โมโหขึ้นมาทันที: “ไม่รู้จักดีชั่ว!”

ผู้เฒ่าพูด พลางจะลงไม้ลงมือสั่งสอนจ้าวเหล่าลิ่ว แต่ว่าขณะที่ง้างมือ ก็ถูกชิวกวางหมิงห้ามไว้

ที่นี่คนเยอะขนาดนี้ ถ้าหากชิวกวางหมิงให้ผู้เฒ่าลงมือจริงๆละก็ งั้นก็เหมือนสร้างภาพลักษณ์ว่าตระกูลชิวเป็นพวกรังแกคน เกรงว่าจะติดตัวเขาไปอย่างแน่นจะสลัดออกก็ไม่ได้

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของตระกูลชิว ชิวกวางหมิงจะก่อปัญหาขึ้นมากไม่ได้

ดังนั้นชิวกวางหมิงจึงยื่นข้อเสนอให้กับหลี่ฝาง พูดว่า: “คุณชายกู่ แหวนนิ้วโป้งหยกชิ้นนี้ ฉันเพิ่มให้อีกหนึ่งล้าน ยกให้ฉันเถอะ”

“นายรู้จักฉัน?” หลี่ฝางประหลาดใจเล็กน้อย

ชิวกวางหมิงพูดพลางยิ้มเบาๆ : “ถึงแม้ฉันจะไม่รู้จักนาย แต่ก็รู้ว่าท่านพ่อส่งชิวทิงหยุนไปปรนนิบัติปรมาจารย์ยุทธภพ และปรมาจารย์ท่านนั้นมีเพื่อนที่แซ่กู่คนนึง แถมปรมาจารย์ท่านนั้นยังเป็นคนต่างชาติ แน่นอนว่าต้องแยกออกได้ง่ายมากๆ”

หลี่ฝางพยักหน้า ชิวกวางหมิงวิเคราะห์ได้ไม่เลว

เห็นหลี่ฝางพยักหน้า ชิวกวางหมิงก็ถามขึ้นอีก: “คุณชายกู่ ไม่ทราบว่าคุณจะตัดใจมามันได้มั้ย?”

“ขอโทษด้วย” หลี่ฝางส่ายหน้า และตอบปฏิเสธ “ฉันชอบแหวนนิ้วโป้งหยกชิ้นนี้มากๆ ”

ในแหวนนิ้วโป้งหยกชิ้นนี้ ซ่อนพลังที่น่าอัศจรรย์บางอย่างเอาไว้ บางทีอาจจะทำให้พลังของหลี่ฝางก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น หลี่ฝางจะยอมปล่อยไปได้ยังไง

ทันใดนั้นชิวกวางหมิงก็ขมวดคิ้ว ในใจก็มีความโมโหขึ้นมาจริงๆ แล้ว

ที่จริงเขาคิดว่าถ้าพูดอย่างเกรงใจ หลี่ฝางก็จะยอมปล่อยของชิ้นนี้ให้เขา คิดไม่ถึงว่าหลี่ฝางจะไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท