NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 929 คำอภิปายของหลี่ฝาง

บทที่ 929 คำอภิปายของหลี่ฝาง

“ไม่ต้องห่วง ผมจะไปคุยกับพวกเขา”หลี่ฝางยิ้มอย่างเรียบเฉย เขาหันไปพูดกับชิวทิงหยุน โดยไม่สนใจคนอื่นๆที่ทำหน้าสงสัยและตกใจกลัว

พูดจบหลี่ฝางก็จัดแจงเสื้อผ้าเล็กน้อย ลุกขึ้นจากแท่นหิน แล้วเดินไปด้านหน้าช้าๆ

พ่อลูกตระกูลหยูที่ยืนด้านหลังหลี่ฝางตกตะลึงสุดๆ รีบถอยห่างออกไปอย่างเร็ว เหมือนกำลังหลบภัยธรรมชาติอย่างไรอย่างนั้น

ในที่สุดพวกเขาสองคนก็เข้าใจ ว่าคนประเภทหลี่ฝางไม่ใช่คนที่พวกเขาสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ

และขณะหลี่ฝางยืนขึ้น ชิวจงเทียนที่อยู่บนเวทีสังเกตเห็นเขาและหรี่ตาลงทันใด

เขาพยายามสัมผัสถึงพลังของหลี่ฝาง กลับพบว่าเขามองไม่เห็นสภาพภายในที่แท้จริงของอีกฝ่ายเลย

ในความรู้สึกของชิวจงเทียน หลี่ฝางก้แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง และนี่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน

เพราะหากกล้าพูดออกมาในเวลานี้ ถ้าไม่มีพลังของปรมาจารย์กำลังภายใน จุดจบคือตายสถานเดียว

ดังนั้นชิวจงเทียนจึงรู้สึกเหลือเชื่อ แต่เขาก็เชื่อในความรู้สึกตัวเองมากๆ นอกซะจากว่าพลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขามาก แต่นี่มันเป็นไปได้งั้นเหรอ?

เขาเป็นถึงปรมาจารย์กำลังภายในนะ!

“ไม่ทราบว่าทำไมคุณถึงคัดค้าน?”ชิวจงเทียนเก็บความหวาดระแวงในใจเอาไว้ แล้วถามขึ้น

“ง่ายมาก ผมก็แค่มีความเห็นกับสิ่งที่พวกคุณพูดไง”หลี่ฝางพูดพลางยิ้มบางๆ

“มีความเห็นอะไร คุณบอกได้หรือไม่”ชิวจงเทียนพูดอย่างเรียบๆ

ตอนนี้เขากำลังหยั่งเชิงตัวตนของหลี่ฝาง ถ้าอีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน งั้นอาจต้องใช้สมองหน่อย แต่ถ้าไม่ใช่ ชิวจงเทียนรับประกันได้เลยว่าจะให้อีกฝ่ายตายอย่างเวทนาสุดๆ

“ผมขอถามคุณ ที่ชิวเฉิงหลี่พูดว่าต้าเซี่ยหลงเช่วปล้นทรัพยากร เป็นเรื่องจริงหรือไม่?ทรัพยากรของทุกตระกูล ตอนนี้โดยแย่งไปจริงๆแล้วหรือยัง?”

หลี่ฝางมองไปรอบๆ พลางถามขึ้น

คำถามนี้ทำให้ทุกคนเงียบไปทันที เพราะทรัพย์สินตระกูลของพวกเขาไม่ได้น้อยลงเลย

แม้ต้าเซี่ยหลงเช่วยับยั้งการพัฒนาของสำนัก แต่แค่ใช้ทางอื่นในการลดจำนวนผู้เข้าร่วมสำนักใหม่ก็เท่านั้น ไม่เคยยับยั้งธุรกิจธรรมดาต่างๆเลย

ดังนั้นหลี่ฝางเลยพูดปัญหานี้ขึ้นมา เพื่อให้ชิวจงเทียนและคนอื่นๆพูดไม่ออก

ทรัพย์สินตระกูลชิวเป็นยังไง แน่นอนว่าชิวจงเทียนรู้ดีสุดๆ หลายปีมานี้ทรัพย์สินตระกูลชิวของเขาไม่เพียงไม่ลดน้อยลง แถมยังเพิ่มขึ้นมาเยอะกว่าเดิมอีก จะว่าไปก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่

“ทุกคนคงรู้อยู่แก่ใจใช่ไหม?ว่าต้าเซี่ยหลงเช่วไม่เคยสนใจแหล่งทรัพยากรเลย แล้วที่ว่ากันว่าข่มขี่แย่งชิง เป็นแค่คำพูดที่ไม่มีมูลก็เท่านั้น”หลี่ฝางพูดอยู่คนเดียว ไม่สนใจสีหน้าที่ค่อยๆดูไม่ได้ของชิวจงเทียนแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นทุกคนค่อยๆคล้อยตามกับคำพูดของหลี่ฝาง ชิวเฉิงหลี่รีบกระโดดออกมาทันที

“หรือต้าเซี่ยหลงเช่วไม่ได้แย่งแหล่งทรัพยากรไป?คุณเห็นทุกคนตาบอดงั้นเหรอ?”

“คุณเป็นคนพูดเองนะ ผมไม่ได้พูด”หลี่ฝางพูดเย้ยหยันอย่างเฉยเมย และขณะชิวเฉิงหลี่กำลังเดือด เขาก็พูดขึ้นอีก

“ทรัพยากรที่ต้าเซี่ยหลงเช่วครอบครองนั้นล้วนไม่มีเจ้าของ แน่นอนว่าใครได้ใครก็เป็นเจ้าของ ทำไม หรือว่าแบบนี้ก็ไม่ได้?”

พูดถึงตรงนี้จู่ๆหลี่ฝางก็ทำสีหน้าเย้ยหยัน แล้วพูดอย่างหัวเราะเยาะ:“หรือว่าทรัพยากรของตระกูลชิวคุกเข่าขอบริจาคมาจากคนอื่น?พอคนอื่นไม่บริจาคให้ก็คือผิด?”

ชิวเฉิงหลี่หน้าเปลี่ยนสีครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาก็ยิ่งเดือดมากขึ้นเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูด ก็โดนหลี่ฝางสวนกลับไป:“อีกทั้งตระกูลชิวมีจุดประสงค์อะไรนั้น คนเขาดูออกว่าเป็นแผนร้ายทั้งหมดยังจะมาพูดอีกว่าร่วมสุขไปด้วยกัน?ถ้าร่วมสุขไปด้วยกัน เมื่อวานคงไม่มีบางคนได้นอนห้องดีๆ บางคนนอนห้องซอมซ่อหรอก บางคนแม้แต่ที่นอนก็ไม่มี!”

ประโยคนี้พูดตรงประเด็น ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านล่างดังขึ้นไปอีก และค่อยมีเสียงคัดค้านตระกูลชิวดังขึ้น

ชิวเฉิงหลี่เห็นสถานการณ์เริ่มควบคุมไม่อยู่ก็เริ่มร้อนใจ ทันใดนั้นจ้องหลี่ฝางเขม็งพลางพูดด้วยความโกรธ:“พูดร้อยแปดพันเก้า คุณขัดขวางไม่ให้ผมและคนอื่นๆรวมกำลังกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภัยคุกคามกับต้าเซี่ยหลงเช่ว แสดงว่าคุณเป็นคนของต้าเซี่ยหลงเช่ว!”

ตอนนี้ทั้งจัตุรัสวุ่นวายสุดๆ

หลายปีมานี้ต้าเซี่ยหลงเช่วโหดเหี้ยมกับการยึดครองแหล่งทรัพยากรจริงๆ ทำให้นักศิลปะการต่อสู้จำนวนมากสูญเสียผลกำไรไปมากมาย ดังนั้นจึงมีคนไม่พอใจต้าเซี่ยหลงเช่วอยู่มาก

และเมื่อผ่านการปลุกระดมก่อนหน้านี้ ทุกคนที่อยู่ที่นี่วันนี้ยิ่งไม่พอใจต้าเซี่ยหลงเช่วเข้าไปอีก ดังนั้นทิศทางการโจมตีจึงเบนมาหาหลี่ฝางทันที

เห็นสถานการณ์เลวร้ายกะทันหัน หลี่ฝางกลับไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย พูดขึ้น:“เหมือนไม่มีใครพูดว่านักศิลปะต่อสู้ของต้าเซี่ยหลงเช่ว เข้าร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพนี่?ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมเป็นหรือไม่เป็นคนของต้าเซี่ยหลงเช่วนั้นเกี่ยวอะไรกัน?”

นี่ทำเอาชิวเฉิงหลี่สำลักไม่น้อย เพราะศึกชิงจ้าวยุทธภพไม่เคยมีกฎแบบนี้จริงๆ ขอแค่เป็นนักศิลปะต่อสู้ก็เข้าร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพได้หมด

เพียงแต่การจัดศึกชิงจ้าวยุทธภพในเมื่อก่อน คนของต้าเซี่ยหลงเช่วไม่เข้าร่วมเพราะเลี่ยงความรังเกียจก็เท่านั้น

“คุณลงไปก่อนเถอะ!”เห็นชิวเฉิงหลี่พูดไม่ออก ชิวจงเทียนก็ยืนขึ้นอย่างอดไม่ได้

ชิวเฉิงหลี่เห็นชิวจงเทียนยืนขึ้น จึงทำได้เพียงลงไป และจ้องหลี่ฝางอย่างโหดๆไปทีหนึ่ง

ส่วนชิวจงเทียนพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย:“การก่อตั้งพันธมิตรนักศิลปะการต่อสู้ ไม่ได้เป็นความปรารถนาแค่ตระกูลชิวตระกูลเดียว แต่เป็นความปรารถนาของนักศิลปะการต่อสู้มากมายในโลก คุณต้องการขัดขวาง ก็ต้องถามความเห็นปรมาจารย์ และปรมาจารย์กำลังภายในที่อยู่ด้านหลังผมด้วย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท