“ไม่ต้องห่วง ผมจะไปคุยกับพวกเขา”หลี่ฝางยิ้มอย่างเรียบเฉย เขาหันไปพูดกับชิวทิงหยุน โดยไม่สนใจคนอื่นๆที่ทำหน้าสงสัยและตกใจกลัว
พูดจบหลี่ฝางก็จัดแจงเสื้อผ้าเล็กน้อย ลุกขึ้นจากแท่นหิน แล้วเดินไปด้านหน้าช้าๆ
พ่อลูกตระกูลหยูที่ยืนด้านหลังหลี่ฝางตกตะลึงสุดๆ รีบถอยห่างออกไปอย่างเร็ว เหมือนกำลังหลบภัยธรรมชาติอย่างไรอย่างนั้น
ในที่สุดพวกเขาสองคนก็เข้าใจ ว่าคนประเภทหลี่ฝางไม่ใช่คนที่พวกเขาสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ
และขณะหลี่ฝางยืนขึ้น ชิวจงเทียนที่อยู่บนเวทีสังเกตเห็นเขาและหรี่ตาลงทันใด
เขาพยายามสัมผัสถึงพลังของหลี่ฝาง กลับพบว่าเขามองไม่เห็นสภาพภายในที่แท้จริงของอีกฝ่ายเลย
ในความรู้สึกของชิวจงเทียน หลี่ฝางก้แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง และนี่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน
เพราะหากกล้าพูดออกมาในเวลานี้ ถ้าไม่มีพลังของปรมาจารย์กำลังภายใน จุดจบคือตายสถานเดียว
ดังนั้นชิวจงเทียนจึงรู้สึกเหลือเชื่อ แต่เขาก็เชื่อในความรู้สึกตัวเองมากๆ นอกซะจากว่าพลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขามาก แต่นี่มันเป็นไปได้งั้นเหรอ?
เขาเป็นถึงปรมาจารย์กำลังภายในนะ!
“ไม่ทราบว่าทำไมคุณถึงคัดค้าน?”ชิวจงเทียนเก็บความหวาดระแวงในใจเอาไว้ แล้วถามขึ้น
“ง่ายมาก ผมก็แค่มีความเห็นกับสิ่งที่พวกคุณพูดไง”หลี่ฝางพูดพลางยิ้มบางๆ
“มีความเห็นอะไร คุณบอกได้หรือไม่”ชิวจงเทียนพูดอย่างเรียบๆ
ตอนนี้เขากำลังหยั่งเชิงตัวตนของหลี่ฝาง ถ้าอีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน งั้นอาจต้องใช้สมองหน่อย แต่ถ้าไม่ใช่ ชิวจงเทียนรับประกันได้เลยว่าจะให้อีกฝ่ายตายอย่างเวทนาสุดๆ
“ผมขอถามคุณ ที่ชิวเฉิงหลี่พูดว่าต้าเซี่ยหลงเช่วปล้นทรัพยากร เป็นเรื่องจริงหรือไม่?ทรัพยากรของทุกตระกูล ตอนนี้โดยแย่งไปจริงๆแล้วหรือยัง?”
หลี่ฝางมองไปรอบๆ พลางถามขึ้น
คำถามนี้ทำให้ทุกคนเงียบไปทันที เพราะทรัพย์สินตระกูลของพวกเขาไม่ได้น้อยลงเลย
แม้ต้าเซี่ยหลงเช่วยับยั้งการพัฒนาของสำนัก แต่แค่ใช้ทางอื่นในการลดจำนวนผู้เข้าร่วมสำนักใหม่ก็เท่านั้น ไม่เคยยับยั้งธุรกิจธรรมดาต่างๆเลย
ดังนั้นหลี่ฝางเลยพูดปัญหานี้ขึ้นมา เพื่อให้ชิวจงเทียนและคนอื่นๆพูดไม่ออก
ทรัพย์สินตระกูลชิวเป็นยังไง แน่นอนว่าชิวจงเทียนรู้ดีสุดๆ หลายปีมานี้ทรัพย์สินตระกูลชิวของเขาไม่เพียงไม่ลดน้อยลง แถมยังเพิ่มขึ้นมาเยอะกว่าเดิมอีก จะว่าไปก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่
“ทุกคนคงรู้อยู่แก่ใจใช่ไหม?ว่าต้าเซี่ยหลงเช่วไม่เคยสนใจแหล่งทรัพยากรเลย แล้วที่ว่ากันว่าข่มขี่แย่งชิง เป็นแค่คำพูดที่ไม่มีมูลก็เท่านั้น”หลี่ฝางพูดอยู่คนเดียว ไม่สนใจสีหน้าที่ค่อยๆดูไม่ได้ของชิวจงเทียนแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นทุกคนค่อยๆคล้อยตามกับคำพูดของหลี่ฝาง ชิวเฉิงหลี่รีบกระโดดออกมาทันที
“หรือต้าเซี่ยหลงเช่วไม่ได้แย่งแหล่งทรัพยากรไป?คุณเห็นทุกคนตาบอดงั้นเหรอ?”
“คุณเป็นคนพูดเองนะ ผมไม่ได้พูด”หลี่ฝางพูดเย้ยหยันอย่างเฉยเมย และขณะชิวเฉิงหลี่กำลังเดือด เขาก็พูดขึ้นอีก
“ทรัพยากรที่ต้าเซี่ยหลงเช่วครอบครองนั้นล้วนไม่มีเจ้าของ แน่นอนว่าใครได้ใครก็เป็นเจ้าของ ทำไม หรือว่าแบบนี้ก็ไม่ได้?”
พูดถึงตรงนี้จู่ๆหลี่ฝางก็ทำสีหน้าเย้ยหยัน แล้วพูดอย่างหัวเราะเยาะ:“หรือว่าทรัพยากรของตระกูลชิวคุกเข่าขอบริจาคมาจากคนอื่น?พอคนอื่นไม่บริจาคให้ก็คือผิด?”
ชิวเฉิงหลี่หน้าเปลี่ยนสีครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาก็ยิ่งเดือดมากขึ้นเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูด ก็โดนหลี่ฝางสวนกลับไป:“อีกทั้งตระกูลชิวมีจุดประสงค์อะไรนั้น คนเขาดูออกว่าเป็นแผนร้ายทั้งหมดยังจะมาพูดอีกว่าร่วมสุขไปด้วยกัน?ถ้าร่วมสุขไปด้วยกัน เมื่อวานคงไม่มีบางคนได้นอนห้องดีๆ บางคนนอนห้องซอมซ่อหรอก บางคนแม้แต่ที่นอนก็ไม่มี!”
ประโยคนี้พูดตรงประเด็น ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านล่างดังขึ้นไปอีก และค่อยมีเสียงคัดค้านตระกูลชิวดังขึ้น
ชิวเฉิงหลี่เห็นสถานการณ์เริ่มควบคุมไม่อยู่ก็เริ่มร้อนใจ ทันใดนั้นจ้องหลี่ฝางเขม็งพลางพูดด้วยความโกรธ:“พูดร้อยแปดพันเก้า คุณขัดขวางไม่ให้ผมและคนอื่นๆรวมกำลังกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภัยคุกคามกับต้าเซี่ยหลงเช่ว แสดงว่าคุณเป็นคนของต้าเซี่ยหลงเช่ว!”
ตอนนี้ทั้งจัตุรัสวุ่นวายสุดๆ
หลายปีมานี้ต้าเซี่ยหลงเช่วโหดเหี้ยมกับการยึดครองแหล่งทรัพยากรจริงๆ ทำให้นักศิลปะการต่อสู้จำนวนมากสูญเสียผลกำไรไปมากมาย ดังนั้นจึงมีคนไม่พอใจต้าเซี่ยหลงเช่วอยู่มาก
และเมื่อผ่านการปลุกระดมก่อนหน้านี้ ทุกคนที่อยู่ที่นี่วันนี้ยิ่งไม่พอใจต้าเซี่ยหลงเช่วเข้าไปอีก ดังนั้นทิศทางการโจมตีจึงเบนมาหาหลี่ฝางทันที
เห็นสถานการณ์เลวร้ายกะทันหัน หลี่ฝางกลับไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย พูดขึ้น:“เหมือนไม่มีใครพูดว่านักศิลปะต่อสู้ของต้าเซี่ยหลงเช่ว เข้าร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพนี่?ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมเป็นหรือไม่เป็นคนของต้าเซี่ยหลงเช่วนั้นเกี่ยวอะไรกัน?”
นี่ทำเอาชิวเฉิงหลี่สำลักไม่น้อย เพราะศึกชิงจ้าวยุทธภพไม่เคยมีกฎแบบนี้จริงๆ ขอแค่เป็นนักศิลปะต่อสู้ก็เข้าร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพได้หมด
เพียงแต่การจัดศึกชิงจ้าวยุทธภพในเมื่อก่อน คนของต้าเซี่ยหลงเช่วไม่เข้าร่วมเพราะเลี่ยงความรังเกียจก็เท่านั้น
“คุณลงไปก่อนเถอะ!”เห็นชิวเฉิงหลี่พูดไม่ออก ชิวจงเทียนก็ยืนขึ้นอย่างอดไม่ได้
ชิวเฉิงหลี่เห็นชิวจงเทียนยืนขึ้น จึงทำได้เพียงลงไป และจ้องหลี่ฝางอย่างโหดๆไปทีหนึ่ง
ส่วนชิวจงเทียนพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย:“การก่อตั้งพันธมิตรนักศิลปะการต่อสู้ ไม่ได้เป็นความปรารถนาแค่ตระกูลชิวตระกูลเดียว แต่เป็นความปรารถนาของนักศิลปะการต่อสู้มากมายในโลก คุณต้องการขัดขวาง ก็ต้องถามความเห็นปรมาจารย์ และปรมาจารย์กำลังภายในที่อยู่ด้านหลังผมด้วย”