NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่932 เสียแขนไปข้างหนึ่ง

บทที่932 เสียแขนไปข้างหนึ่ง

“หรือเขาฝึกวิชาอะไรที่สามารถดูดซับพลังกำลังภายในคนอื่นได้?”หลังจากทั้งสามคนเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ๆชิวจงเทียนก็พูดขึ้น:“พวกเรารีบลงมือดีกว่า บางทีเราอาจค้นพบความจริงของอีกฝ่ายก็เป็นได้ ”

ได้ยินเช่นนั้น ข่งจิ่งยู่จึงพูดขึ้น:“งั้นผมจะไปลองกับเขาหน่อย”

พูดจบข่งจิ่งยู่ก็เดินออกมา แล้วตะโกนไปยังหลี่ฝาง:“ข้าจะประลองกับเจ้าสักสองสามกระบวนท่าเป็นไง?”

เขากำลังหยั่งเชิงหลี่ฝาง อยากดูว่าหลี่ฝางมีความสามารถจริงๆ หรือแค่วางมาดใหญ่โต

แต่ทว่าหลี่ฝางยังคงไม่มีท่าทีที่เปลี่ยนไป พูดขึ้นอย่างเฉยเมย:“เชิญครับ”

ขณะพูดหลี่ฝางก็ยังคงไม่ขยับไปไหน เหมือนไม่สนใจคำท้าของข่งจิ่งยู่แม้แต่น้อย

เห็นภาพนี้ ผู้คนโดยรอบก็ด่ากราดออกมาอย่างอดไม่ได้

“บ้าเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสส้งปล่อยเขาไปเพราะไว้หน้าเขานั่นแล้วไป แต่นี่ยังกล้าทำแบบนี้กับเจ้าสำนักข่งอีกงั้นเหรอ?”

“เขาไม่กลัวเจ้าสำนักข่งเอาถึงตายรึไง?”

“ไม่รู้จริงๆว่าทำไม่คนแบบนี้ ถึงมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ โดยที่ไม่โดนคนทุบตาย”

ผู้คนคิดว่าหลี่ฝางกำลังโกหกอยู่ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างส่งเสียงให้มอบบทเรียนแก่หลี่ฝาง

ในที่สุดข่งจิ่งยู่ก็ทนไม่ไหวเช่นกัน เท้ากระแทกพื้น ร่างงดงามพุ่งไปหาหลี่ฝางอย่างรวดเร็ว

“เร็วมาก!”ผู้คนเกิดความตกตะลึงกับความเร็วอันน่ากลัวของเจ้าสำนักข่ง

นักศิลปะการต่อสู้ธรรมดาๆมองไม่ทันแม้แต่เงาของข่งจิ่งยู่ ทว่าพวกเขาก็คิดว่าครั้งนี้หลี่ฝางซวยแล้วล่ะ

แต่ทว่าร่างที่พวกเขาคิดว่าจะถูกซัดจนกระเด็น กลับยกแค่แขนซ้ายขึ้น คว้าหมัดที่ข่งจิ่งยู่ซัดมาในทันที

สีหน้าข่งจิ่งยู่เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้สุดๆ

เดิมทีเขาคิดว่าการโจมตีที่ทรงพลังจะได้ผล คิดไม่ถึงว่ามันจะไม่มีผลอะไรกับหลี่ฝางแม้แต่น้อย ถูกหลี่ฝางรับได้อย่างง่ายดายเหมือนเป็นเรื่องตลก

เขาจะโจมตีต่อ ทว่าพลังที่มือของหลี่ฝางกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้

พลังค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ทำให้เขารู้สึกว่ารับไม่ได้แล้ว

ส่วนผู้คนรอบๆก็ค่อยๆเงียบลง มองหลี่ฝางอย่างทั้งตกใจทั้งกลัว เหมือนกำลังมองเรื่องมหัศจรรย์ก็ไม่ปาน

“นี่มัน เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่นึกเลยว่าจะรับหมัดของเจ้าสำนักข่งได้?”

“คงไม่ใช่การแสดงหรอกใช่ไหม?”

“คุณโง่หรือไง คุณดูสีหน้าเจ้าสำนักข่งสิว่าเหมือนแสดงหรือเปล่า?หรือคุณคิดว่าปรมาจารย์กำลังภายในผู้น่าเกรงขาม จะร่วมมือกับเขาคนนั้นแสดงละครให้คุณดู?”

ส่วนข่งจิ่งยู่ ขณะนี้ก็เต็มไปด้วยความฉงนเช่นกัน ไม่รู้เลยจริงๆว่าเป็นแบบนี้ได้ยังไง

เพราะส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาคือร่างกาย แม้ให้ต่อสู้กับส้งหมิงแล้วใช้แค่พลังของร่างกาย เขาก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย เห็นได้ว่าร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งแค่ไหน

แต่ทว่าพลังที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นที่มือ แม้แต่เส้นเลือดที่แตกออกไปแล้ว กลับกำลังบอกเขาว่าความแข็งแกร่งทางร่างกาย ของชายหนุ่มตรงหน้านั้นเหนือกว่าเขามาก

และในขณะนั้นเอง หลี่ฝางถีบออกมาเบาๆ แล้วปล่อยมือออก

จากนั้นร่างของข่งจิ่งยู่ก็ลอยกระเด็นออกไปทันที ความเร็วนั้นเมื่อเทียบกันทั้งเร็วและโหดร้ายกว่า

ข่งจิ่งยู่พยายามที่จะหยุดร่างกายตัวเอง แต่ทุกครั้งที่เขากดเท้าลงไป จะทิ้งรอยเท้าลึกไว้บนพื้น แต่ร่างกายกลับลอยกระเด็นไป ความเร็วไม่มีท่าทีว่าจะลดลงเลย

ชิวจงเทียนรีบพุ่งเข้าไปคว้าตัวข่งจิ่งยู่ แรงมหาศาลกระทบแขนทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที ต้องยื่นแขนออกไปสองข้างถึงจะคว้าข่งจิ่งยู่ไว้ได้

ถึงกระนั้น ทั้งสองก็ถอยหลังออกไปอย่างต่อเนื่อง พื้นไม้แตกเป็นเสี่ยงๆ เศษไม้ลอยกระเด็น

ทันใดนั้น ทั้งจัตุรัสก็เงียบสงบลง

ภาพเช่นนี้ น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ทุกคนถึงกับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

“พี่ข่ง พี่เป็นไงบ้าง?”ชิวจงเทียนเห็นแขนของข่งจิ่งยู่ห้อยลง ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ข่งจิ่งยู่ส่ายหน้าไปมา แต่ยังคงจ้องหลี่ฝางเขม็ง

แขนเขาเลือดไหล่พลั่ก ปริมาณเลือดออกขนาดนั้นถ้าเป็นคนธรรมดา คงต้องส่งโรงพยาบาลไปนานแล้ว

“รีบไปเอายามา!”ชิวจงเทียนออกคำสั่งทันใด

หลี่ฝางมองคนที่รีบวิ่งมาจัดการแผลให้ข่งจิ่งยู่อย่างน่าตกใจอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไร

เขาแค่มาเพื่อขัดขวางศึกชิงจ้าวยุทธภพ ไม่ได้อยากมาสู้รบปรบมือกับคนเหล่านี้

ในที่สุด หลังจากพันแขนข่งจิ่งยู่เสร็จ กำลังภายในทั้งสามก็เข้ามาพร้อมกัน มองหลี่ฝางด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“ท่านเป็นใครกันแน่?”

ตอนนี้ทุกคนในจัตุรัสสงสัยเป็นอย่างมาก รีบร้อนอยากรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของหลี่ฝางเป็นใครกันแน่

ในที่สุด ภายใต้การจับจ้องของฝูงชน หลี่ฝางก็ไม่ได้อยากปลอมตัวต่อแล้ว ยื่นมือไปถอดหน้ากากบนหน้าตัวเองออก

เมื่อโฉมหน้าที่แท้จริงของหลี่ฝางปรากฏต่อหน้าทุกคน ความตกตะลึงของทุกคนก็ยิ่งเพิ่มเข้าไปไม่ได้อีกแล้ว

“นี่ นี่ยังหนุ่มเกินไปแล้ว?”

“เขาไม่ใช่ปรมาจารย์กำลังภายในเหรอ?ถ้าไม่ใช่ปรมาจารย์กำลังภายใน แล้วชนะเจ้าสำนักข่งได้ยังไง?”

“เป็นไปไม่ได้ ปรมาจารย์กำลังภายในที่อายุน้อยขนาดนี้ พวกเราเคยได้ยินมาก่อนงั้นเหรอ?”

“ไม่เคยได้ยินมาก่อน ขนาดคิดก็ไม่เคยคิดถึงมาก่อน”

ทุกคนต่างไม่อยากจะเชื่อ ว่าหลี่ฝางจะอายุน้อยขนาดนี้

ชิวทิงหยุนที่อยู่ไม่ไกลตาเป็นประกาย มองหน้าที่อายุน้อยของหลี่ฝาง หน้าก็แดงขึ้นเล็กน้อย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท