NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 912 แหวนหยกมหัศจรรย์

บทที่ 912 แหวนหยกมหัศจรรย์

ฟังหลี่ฝางและไท่ซางทั้งสองคนนี้พูดคุยกัน ในตอนนั้นความคิดของชิวทิงหยุนก็ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว

เธอถึงขั้นสงสัยอยู่ ว่าตัวเองได้ยินเสียงหลอนหรือเปล่า

ไท่ซางถึงกับเคยสู้กับกู่เฟยจาง แถมยังบอกว่าตนแพ้แค่กระบวนท่าเดียว?

กู่เฟยจางเป็นถึงปรมาจารย์กำลังภายในเลยนะ!

ระหว่างปรมาจารย์กับปรมาจารย์กำลังภายในมีความสามารถที่แตกต่างกันมากๆ เลยไม่ใช่เหรอ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึง กู่เฟยจางที่ขึ้นชื่อว่ามีกำลังภายในมาหลายปี

นอกจากว่า ไท่ซางก็เก็บซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตนไว้เหมือนกัน

เมื่อเดาแบบนี้ ชิวทิงหยุนก็ยิ่งช็อกเข้าไปใหญ่ ถ้าหากไท่ซางเป็นปรมาจารย์กำลังภายในที่ซ่อนความสามารถของตัวเองไว้ งั้นหลี่ฝางที่ถูกเขาเรียกว่าลูกพี่ นั้นจะเป็นใครกัน?

เธอถึงขั้นเริ่มสงสัยว่าเพราะตัวเองถูกตระกูลชิวรังแกมาเป็นเวลานาน ทำให้สติสตังมีปัญหา เป็นบ้าไปแล้ว

หรือไม่ก็พวกหลี่ฝางสองคนนั้นบ้าไปแล้ว……

หลี่ฝางกับไม่สนใจว่าชิวทิงหยุนได้ยินทั้งสองคนพูดคุยกันแล้วจะคิดยังไง เขายืนยันได้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่สายที่ชิวเฉิงหลี่ส่งมา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรเธอ

และเรื่องที่ชิวทิงหยุนจะหลุดปากพูดเรื่องนี้ออกไปหรือไม่ หลี่ฝางที่ตัดสินใจจะให้ชิวทิงหยุนอยู่ข้างกาย จึงไม่กังวลถึงปัญหานี้

พวกเขาก็เดินเตร็ดเตร่ต่อไป และเลือกดูของขายรอบๆ ไปทั่ว

หลี่ฝางไม่ได้สนใจของมั่วซั่วพวกนี้หรอก ถึงระดับเขาแล้ว ของพวกนี้ใช้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

ไท่ซางยิ่งไม่มองของพวกนี้เลย ความสนุกของเขาเคยอยู่ที่ของพวกนี้ แต่อยู่บนตัวสาวสวย

ยังไงก็เป็นถึงจอมยุทธ ร่างกายก็ต้องดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป รูปร่างไม่ต้องพูดถึง ถ้าหากดูแลอย่างตั้งใจล่ะ จอมยุทธผู้หญิงมีไม่กี่คนที่หน้าตาดูไม่ได้หรอก

นับประสาอะไรกับสาวสวยอย่างชิวทิงหยุน มันช่างน่ามองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ถึงแม้ที่นี่จะมีคนที่สวยระดับชิวทิงหยุนไม่มาก แต่ก็ยังพอมีอยู่

และไท่ซาง ก็ได้เริ่มทำการค้นหาเป้าหมายตั้งแต่มาถึงที่นี่แล้ว

“ลูกพี่ ฉันไม่อยู่เป็นก้างขวางคอของพวกนายสองคนแล้ว” ไท่ซางยิ้มฮี่ๆ “เอางี้ พวกเราแยกกันเดินมั้ย?”

ความหมายของเขา โดยพื้นฐานแล้วแสดงว่าเขาได้ค้นพบเป้าหมายแล้ว

หลี่ฝางคิดอยู่ครู่ แล้วพูด: “ระวังฐานะของตัวเองด้วย อย่าไปทำเรื่องอะไรมั่วซั่ว” ถึงแม้เขาจะไม่อยากให้ไท่ซางไป แต่ว่าการให้ไท่ซางอยู่ข้างๆ ก็น่ารำคาญมากๆ จริงๆ

คิดว่าแค่แป๊บเดียวไม่น่ามีปัญหาอะไร หลี่ฝางจึงพยักหน้าตอบรับ

“ลูกพี่วางใจได้ ฉันรับประกันว่าจะไม่ไปหาเรื่องใครก่อน!” ไท่ซางพูดตกลง และหันหลังวิ่งออกไปอย่างไว

หลี่ฝางถอนหายใจ พลางมองไท่ซางขวางสาวสวยคนนึงไว้ ทำได้แค่ทำเป็นมองไม่เห็น และเดินไปที่แผงลอยด้านข้าง

ส่วนชิวทิงหยุนที่แน่ใจแล้วว่าหลี่ฝางถึงเป็นผู้นำตัวจริง ไท่ซางเป็นลูกน้องของหลี่ฝาง แต่แค่เธอไม่กล้าเอ่ยปากถาม จึงคอยตามหลี่ฝางอยู่ด้านหลังอย่างหนักแน่น ตามหลี่ฝางเดินเตร็ดเตร่ไปทั่ว และทำหน้าที่ช่วยหลี่ฝางแนะนำตระกูลชิว

หลังจากนั้นไม่กี่นาที หลี่ฝางก็สนใจแผงลอยนึงที่ขายแหวนหยก คิ้วก็ขมวดเล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้

แหวนหยกอันนี้ดูแล้วค่อนข้างโบราณ เหมือนกับว่าจะมีประวัติมาเป็นร้อยปี สามารถพูดได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าทางวัฒนธรรมชิ้นนึง

แต่ว่าเดินไปรอบๆ นี้ ไม่น้อยที่จะเจอกับโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมที่มีอายุหลายร้อยปี เพราะว่าพวกจอมยุทธนั้นความสามารถแข็งแกร่ง ได้ของดีมาก็ไม่ถือว่าแปลก

“เหอๆ พี่ชาย มีของที่ชอบมั้ย? ลองเลือกดูได้ ชอบก็ซื้อกลับไป” เจ้าของแผงลอยเห็นหลี่ฝางยืนนิ่ง จึงรีบยิ้มพูดทักทาย

หลี่ฝางในตอนนี้แสร้งทำเป็นชายวัยกลางคน ดังนั้นเจ้าของแผงลอยถึงได้เรียกหลี่ฝางแบบนั้น

“ของของนายก็ไม่น้อยเลย” หลี่ฝางแกล้งทำเป็นเลือกดู แล้วประเมินค่าอย่างคลุมเครือ แล้วพูดขึ้น: “จะให้เรียกว่าอะไรดี เถ้าแก่?”

“พี่ชายเรียกผมจ้าวเหล่าลิ่วก็ได้ครับ” เจ้าของแผงลอยยิ้มฮี่ๆ พลางพูด “ของพวกนี้ได้มาไม่ง่ายเลย ของแท้ราคาสมน้ำสมเนื้อ พี่ชายเลือกได้ตามใจชอบเลยครับ”

หลี่ฝางพยักหน้า และดูของไม่กี่ชิ้นอย่างเงียบๆ จากนั้นก็แสร้งทำเป็นหยิบแหวนนิ้วโป้งขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ

วินาทีนั้น ในใจของหลี่ฝางก็สั่นเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ธรรมดา

ก่อนหน้านี้ ความรู้สึกแบบนี้มีแค่ตอนที่เห็นกะโหลกคริสตัลของตระกูลซู ที่เกิดความรู้สึกแบบนี้

แว๊บแรกที่ได้เห็นของชิ้นนี้หลี่ฝางก็รู้สึกว่ามันไม่ธรรมดา ตอนนี้ถืออยู่ในมือแล้วถึงได้เข้าใจ

ว่าแหวนนิ้วโป้งหยกชิ้นนี้มีออร่าที่น่ามหัศจรรย์อยู่ แต่ว่าให้ความรู้สึกหลี่ฝาง ไม่เหมือนกันกะโหลกคริสตัลนั่น

ความรู้สึกประหลาดนี้ ทำให้หลี่ฝางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นในใจขึ้นมาทันที

“ของชิ้นนี้เอามาจากไหนเหรอ?” หลี่ฝางถามอย่างอยากรู้

“อ๋อๆ เอามาจากสุสานโบราณแห่งนึง” จ้าวเหล่าลิ่วยิ้มอย่างเกรงใจ “เจ้าของสุสานเป็นใครก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ผมคิดว่า สุสานแห่งนั่นอย่างน้อยก็ต้องมีประวัติมามากกว่าสี่ร้อยปี”

หลี่ฝางพยักหน้า และไม่ได้ใส่ใจว่าแหวนนิ้วโป้งหยกชิ้นนี้มาได้ยังไง

พวกคนที่นี่วันนี้ เรียกได้ว่าผสมปะปนกันมั่วไปหมด ใครก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเคยทำอะไรมาบ้าง โจรกรรมของในสุสาน ก็พูดได้ว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว

อย่างน้อยที่สุดก็ดีกว่าของที่ได้มาจากการฆ่าคน ไม่ใช่เหรอ?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท