พูดจบชิวจงเทียนก็ผายมือแนะนำชายชราทางด้านซ้าย
“ท่านนี้คือปรมาจารย์ข่ง ข่งจิ่งยู่ เป็นปรมาจารย์กำลังภายในลำดับที่86บนรายชื่อ”
พูดจบชิวจงเทียนก็แนะนำคนทางด้านขวา
“ท่านนี้คือปรมาจารย์ส้ง ส้งหมิง เป็นปรมาจารย์กำลังภายในลำดับที่21บนรายชื่อ”
“คุณไม่เห็นผมและปรมาจารย์กำลังภายในอยู่ในสายตาเลยรึไง?”
ตอนนี้ชิวจงเทียนเห็นตัวเองไม่ได้การแล้ว จึงจะใช้ชื่อของปรมาจารย์กำลังภายในมากดขี่
อย่างที่คิดไว้ หลังจากชิวจงเทียนแนะนำปรมาจารย์อีก2คน ทุกคนในจัตุรัสต่างหน้าเปลี่ยนสี นี่คือการกดขี่โดยปริยาย ที่เกิดขึ้นหลังจากยืนยันสถานะของปรมาจารย์กำลังภายใน
แต่หลี่ฝางกลับยังคงไม่แสดงท่าทีอะไร ท่าทีแบบนี้เหมือนปรมาจารย์กำลังภายใน เป็นดั่งคนธรรมดาๆอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ชิวจงเทียนแปลกใจขึ้นมาทันใด
ไม่ใช่แค่ชิวจงเทียน กำลังภายในอีกสองคนก็เช่นกัน พากันจ้องหลี่ฝางเขม็ง ราวกับจะมองผ่านความคิดที่แท้จริงของเขา
คนที่ปริปากพูดขึ้นก่อน คือส้งหมิง ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุด
“พวกเราสามคนเห็นตรงกันว่าจะสร้างพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ แต่คุณกลับขัดขวาง ไม่พอใจอะไรพวกเราทั้งสามรึเปล่า หรือว่า……ดูถูกพวกเรา?”
พูดจบ เขาปล่อยพลังขู่อันมหึมาออกมาทันที จนแทบจะปกคลุมไปทั้งจัตุรัส
พลังอันมหึมาเช่นนี้ แกร่งกล้ากว่าพลังของชิวจงเทียน ที่ทำให้ผู้คนตกใจเมื่อครู่ไม่รู้ตั้งเท่าไร่
ทันใดนั้น ทุกคนก็รู้สึกสับสนวุ่นวาย ร้อนรนในใจลึกๆขึ้นมา โดยไม่คำนึงถึงการหายใจ
แต่หลี่ฝางก็ยังไม่รู้สึกอะไร ยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเหมือน……กำลังดูการแสดงตลก
เห็นภาพเช่นนี้ ส้งหมิงก็อยู่ไม่สุขอีกต่อไป
คนธรรมดาๆที่เผชิญกับพลังของเขา ไม่มีทางสงบเหมือนหลี่ฝางแบบนี้ ข้อนี้เห็นได้จากท่าทีของผู้คนในจัตุรัส
ชิวจงเทียนและอีกคนก็ตกตะลึงเช่นกัน
พวกเขาล้วนเคยประสบกับแรงพลังของส้งหมิงมากับตัว รู้ว่ามันทรงพลังขนาดไหน
แม้แต่ชิวจงเทียนที่เป็นกำลังภายในเช่นเดียวกัน ก็ยังได้รับผลกระทบ ยากที่จะเอาพลังออกมาได้หมด
“ก็แค่อยู่ในรายชื่อกำลังภายในลำดับที่21 ต่อให้ดูถูกคุณ แล้วจะทำไม?”ภายใต้การจับจ้องของทุกคน ในที่สุดหลี่ฝางก็ปริปากพูด
แต่ทันทีที่พูด คำพูดที่แสนจะเย่อหยิ่งทำเอาทุกคนตกตะลึง
“มะหมอนี่บ้าไปแล้วรึไง?”
“พูดกำลังภายในลำดับที่21อะไรกัน เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร?กู่ยี่เทียนเหรอ?”
ทุกคนใรจัตุรัสคิดว่าบางทีหลี่ฝางอาจเป็นคนบ้า ขึ้นเวทีมาพูดจาบ้าๆบอๆก็แค่นั้น
ไม่งั้นเผชิญกับปรมาจารย์กำลังภายในถึง3คน ใครมันมีสิทธิ์พูดจาดูถูกแบบนี้กัน?
ตอนนี้ชิวทิงหยุนที่อยู่ด้านล่างตื่นตระหนกจนเหงื่อไหลพลั่ก
แม้เธอเดาว่าหลี่ฝางเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน แต่ให้3ต่อ1 หลี่ฝางจะไปเป็นคู่ต่อสู้ได้ยังไง?
คิดเช่นนั้น เอรีบหันไปมองไท่ซางทันที อยากรู้สถานการณ์ของหลี่ฝางว่าเป็นไงบ้าง ผ่านปฏิกิริยาของเขา
แต่คิดไม่ถึงว่าไท่ซางกลับมีท่าทีเหมือนกำลังดูละคร ไม่เป็นห่วงหลี่ฝางแม้แต่น้อย
ท่าทีแบบนี้ทำเอาชิวทิงหยุนชะงักงันไปทันใด
ส่วนสองพ่อลูกตระกูลหยูออกห่างชิวทิงหยุนไปไกลแล้ว หลบไปที่ที่ไม่เตะตา มองดูสถานการณ์บนเวทีด้วยความกลัวสุดขีด
“เจ้ากู่เทียนนี่บ้าไปแล้ว!คิดไม่ถึงว่ากล้ายั่วยุปรมาจารย์กำลังภายใน3ท่านด้วยตัวคนเดียว แย่แล้วๆ อีกเดี๋ยวพวกเราต้องติดร่างแห่ไปด้วยแน่ๆ ทำยังไงดี”
ตอนนี้หยูหลิงฮุ่ยกลับดีใจ ที่ตนไม่ได้ไปเกาะแกะหลี่ฝางอย่างที่คิดก่อนหน้านี้ ไม่งั้นตอนนี้ตนคงยิ่งลำบากเข้าไปอีก
แล้วหันไปมองชิวทิงหยุน ที่ยืนอยู่คนเดียวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจ หยูหลิงฮุ่ยก็กลับรู้สึกพึงพอใจ……
บนเวทีสูง หลี่ฝางทำเอาส้งหมิงโมโหจริงๆ มองหลี่ฝาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพลางพูด:“คุณรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”
“รู้สิ”หลี่ฝางหัวเราะเบาๆ“แต่ ผมว่าพวกคุณน่าจะไม่ค่อยเข้าใจ”
“ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคุณถึงรนหาที่ตาย”ส้งหมิงยิ้มเยาะ“ถึงจะรนหาที่ตาย แต่ก็ควรหาวิธีตายที่มันดีๆหน่อยสิ คุณทำตัวแบบนี้ช่างโง่เง่าจริงๆ!”
“ดูเหมือนพวกคุณยังไม่เข้าใจ”หลี่ฝางส่ายหน้าไปมา
ในที่สุดไฟโกรธในใจส้งหมิงก็ถูกลี่ฝางจุดขึ้น ไม่ออมมืออีกต่อไป พลังทั้งตัวเพิ่มขึ้นหลายเท่า พุ่งใส่หลี่ฝางอย่างมืดฟ้ามัวดิน
เห็นเช่นนี้ ผู้คนทั้งจัตุรัสก็ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ละครฉากนี้กันออกมาอย่างอดไม่ได้
“หมอนี้จบเห่แล้วล่ะ จุดจบของความโง่คือความตายไง!”
“ตอนแรกยังหวังรอดูว่าพวกเขาจะพูดความเห็นที่ยอดเยี่ยมอะไร ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น เห้อ เสียเวลาฉันจริงๆ”
“แค่พลังกำลังภายนอกช่วงหลังก็กล้าอวดดีซะขนาดนี้ ไม่แปลกที่ปรมาจารย์ส้งจะโกรธ เจ้าหมอนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาซะเลย”
ขณะนี้คนที่อยู่ข้างๆหลี่ฝางหน้าถอดสีสุดๆ สัมผัสได้ถึงแรงกดอันน่าสะพรึงกลัวนั่น ต่างพากันถอยออกไปห่างๆหลี่ฝาง หนีช้าไปเดี๋ยวตัวเองได้รับผลกระทบ
เพียงชั่วพริบตา รอบๆหลี่ฝางว่างเปล่า
และขณะนั้นเองส้งหมิงก็ระเบิดออกมา หลังจากตะโกนเสียงดัง พลังอันน่าสะพรึงกลัวนั่นก็พุ่งมาทางหลี่ฝาง