NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 923 เกรงกลัวเจ้าสำนักเจิ้ง

บทที่ 923 เกรงกลัวเจ้าสำนักเจิ้ง

ขณะชิวทิงหยุนกำลังตกใจกลัว ทันใดนั้นหลี่ฝางก็ยื่นมือออกมาวางบนไหล่เธอ

ชิวทิงหยุนรู้สึกสงบลงทันที

สำหรับเธอหลี่ฝางเป็นยอดฝีมือที่ยากจะคาดเดา มีหลี่ฝางคอยช่วย เธอมีอะไรต้องกลัวอีก?

ทันใดนั้น ชิวทิงหยุนพูดอย่างมั่นใจสุดๆ:“ฉันพูดผิดงั้นเหรอ?คุณไม่ใช่ปรมาจารย์นี่”

เมื่อได้ยินชิวทิงหยุนยังกล้าพูด เจ้าสำนักเจิ้งจึงโกรธขึ้นมา

หมัดเจ็ดพิการสืบทอดมาถึงทุกวันนี้ เจ้าสำนักทุกรุ่นล้วนได้ไปถึงปรมาจารย์ มีแต่เขาที่ติดอยู่ที่แดนสุดกำลังภายนอก หาทางก้าวเป็นปรมาจารย์ไม่เจอ

เจ้าสำนักเจิ้งถึงขนาดมีลางสังหรณ์บางอย่าง ว่ากำลังแฝงของตนหมดไปแล้ว ชาตินี้ไม่อาจไปถึงระดับปรมาจารย์ได้

ดังนั้งเขาจึงเกลียดคนที่พูดเรื่องนี้มากมาตลอด คนรอบข้างส่วนมาก็รู้เรื่องนี้ ไม่ไปทำให้เขาไม่พอใจ แต่กลับเจอคนที่ไม่รู้จักเขาแม้แต่น้อยในศึกชิงจ้าวยุทธภพแห่งนี้มาพูดแทงใจดำเขา

“สาวน้อย เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร?บอกฉันหน่อย”เจ้าสำนักเจิ้งทำหน้าเคร่งขรึม เป็นการตักเตือนชิวทิงหยุน นี่มันผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย เพื่อไม่ให้เสียสถานะเขาจึงจะถามก่อนแล้วค่อยวางแผน

“ฉันชื่อชิวทิงหยุน เป็น……”ชิวทิงหยุนกำลังจะบอกสถานะ จู่ๆพูดเสียงดังขึ้นอย่างโชคเข้าข้าง:“ฉันเป็นลูกศิษย์ของคุณกู่!”

หลี่ฝางอึ้งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าชิวทิงหยุนจะตอบแบบนี้ แต่พอเขาก้มลงไปมอง ก็เห็นชิวทิงหยุนกำลงัมองตนอยู่พอดี สายตาเต็มไปด้วยความหวังและภาวนาขอ

“คุณกู่?”เจ้าสำนักเจิ้งมองตามสายตาชิวทิงหยุนไปที่หลี่ฝางเช่นกัน

เจ้าสำนักเจิ้งไม่เคยเจอหลี่ฝาง แล้วตอนนี้หลี่ฝางปลอมตัวอยู่นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เจ้าสำนักเจิ้งยิ่งมองไม่ออกเข้าไปอีก

อีกทั้งหลี่ฝางยังไม่มีพลังแข็งแกร่งอะไร ยิ่งทำให้เจ้าสำนักเจิ้งฉงน คิดว่าหลี่ฝางเป็นแค่คนที่มีพลังต่ำต้อยไม่งั้นจะอยู่ในจัตุรัสทำไม

ขณะเจ้าสำนักเจิ้งมองสำรวจหลี่ฝาง หลี่ฝางก็มองสำรวจเจ้าสำนักเจิ้งเช่นกัน

ยิ่งพลังแข็งแกร่ง สายตาการมองคนของหลี่ฝางก็ยิ่งแม่นยำขึ้น สามารถเห็นได้ว่าพลังแฝง ของเจ้าสำนักเจิ้งหมัดเจ็ดพิการตรงหน้านี้ผู้นี้ ได้หายไปหมดแล้ว

เส้นทางการเป็นนักศิลปะการต่อสู้ของเขามาถึงแค่นี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เกรงว่าชาตินี้เขาคงไม่อาจก้าวขั้นได้อีก

นี่ไม่ใช่แค่พรสวรรค์ไม่เพียงพอ แต่เป็นเพราะตอนวัยรุ่นเขาไม่ตั้งใจบนเส้นทางศิลปะการต่อสู้ จึงไม่อาจไปถึงจุดที่สูงกว่านี้ได้ จนกระทั่งมาถึงอายุปูนนี้ พลังแฝงของเขาได้หมดไปแล้ว

และเพราะเจ้าสำนักเจิ้งหมัดเจ็ดพิการไม่รู้จักหลี่ฝาง จึงสงสัยในความสามารถของเขา ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้:“สหายผู้นี้ คุณมาจากสำนักไหน?”

ได้ยินเช่นนั้น หลี่ฝางยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้แล้วพูด:“ชาตินี้คุณไปถึงระดับปรมาจารย์ไม่ได้แล้วล่ะ อย่าเปลืองแรงเปล่าเลย”

ทันทีที่พูดออกมา ผู้คนรอบๆก็ตกตะลึงทันที

“บ้าไปแล้วเหรอ หมอนี่กล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง?”

“เขาอยากตายงั้นเหรอ?”

“จบแล้ว หมอนี้จบเห่แล้ว พวกเราถอยไปห่างๆหน่อยจะดีกว่า เดี๋ยวเลือดสาดกระเด็นเต็มตัว”

คำพูดของหลี่ฝางดึงความสนใจเป็นอย่างมาก สายตาของผู้คนรอบข้างอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที อยากดูว่าจุดจบของหลี่ฝางจะเป็นยังไง

ส่วนเจ้าสำนักเจิ้ง ตอนนี้สีหน้าดูไม่ได้ถึงขั้นสุด แล้วยิ่งได้ยินที่หลี่ฝางพูดอีก เขายิ่งเดือดเข้าไปใหญ่ ฟาดมือลงไปอย่างไม่ลังเล เพื่อจะให้บทเรียนที่ไม่มีวันลืมแก่หลี่ฝาง

ทว่าเขาเพิ่งง้างมือขึ้น ก็โดนหลี่ฝางยันไว้เบาๆ ขณะเดียวกัน กำลังภายในแสนนุ่มนวลก็ส่งออกมาจากมือเขา ผ่านเข้าไปในร่างกายเจ้าสำนักเจิ้ง

หลังจากรับรู้ได้ถึงกำลังภายในนี้ เจ้าสำนักเจิ้งหน้าเปลี่ยนสีไปเลย

แม้พลังของเขาไม่ได้สูงนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าประสบการณ์เขาไม่เยอะ ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักของหมัดเจ็ดพิการ เขารู้จัก“พลัง”ที่เข้าไปในตัวเขาดีว่าจริงๆแล้วมันคืออะไร!

มันคือกำลังภายใน!

คิดไม่ถึงว่าคนที่ยืนตรงหน้าเขาจะเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน!

อีกทั้งเมื่อครู่ตนยังรนหาที่ตาย ลงมือกับปรมาจารย์กำลังภายในอีก!

คิดได้เช่นนั้น เจ้าสำนักเจิ้งก็หวาดกลัวขึ้นมาทันที เจียมตัว เผยสายตาขอร้องให้ยกโทษให้ออกมา

หลี่ฝางยังไม่อยากเปิดเผยตัวตน ดังนั้นเมื่อเห็นเจ้าสำนักเจิ้งขอให้ยกโทษให้ ก็ยิ้มออกมาเบาๆแล้วปล่อยมือเขา

เจ้าสำนักเจิ้งดีใจขึ้นมาทันที ส่งสายตาขอบคุณให้หลี่ฝาง จากนั้นเดินหายเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว

ฝูงชนที่ยังรอดูละครฉากนี้ เห็นเช่นนั้นก็ตกตะลึง ถึงขนาดไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆเจ้าสำนักเจิ้งถึงออกไป?”

“คงไม่ใช่เพราะกลัวหรอกใช่ไหม?หรือวันนี้เจ้าสำนักเจิ้งสุขภาพไม่ดี?”

“เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เจ้าสำนักเจิ้งสุขภาพไม่ดียังไง ก็จัดการนักศิลปะต่อสู้กระจอกๆคนเดียวได้ง่ายๆไม่ใช่เหรอ?”

“ผมว่าเจ้าสำนักเจิ้งคงหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่อยากรังแกรุ่นเด็กกว่า!”

“ใช่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ เจ้าสำนักเจิ้งท่านนี้เป็นคนมีคุณธรรมในการต่อสู้จริงๆ!”

ผู้คนรอบๆถกกันเซ็งแซ่ พูดอย่างมีหลักการ แต่กลับไม่มีใครทายถึงความจริงได้สักคน

ช่วยไม่ได้ เพราะความจริงมันยากที่คนจะเชื่อไปมาก

ใครจะไปคิดว่าหลี่ฝางเป็นปรมาจารย์กำลังภายในล่ะ?

ส่วนชิวทิงหยุนก็พูดขึ้นอย่างดีอกดีใจ:“อาจารย์ เจ้าสำนักเจิ้งกลัวคุณจนหนีไปแล้ว”

หลี่ฝางยิ้มเบาๆ ไม่ได้โกรธที่ชิวทิงหยุนพูดเองเออเองเรียกเขาว่าอาจารย์ กลับกันคือพยักหน้าเบาๆ เหมือนเป็นการตอบ ทำเอาชิวทิงหยุนระเบิดความปิติในใจออกมาทันที

เธอรู้ว่าตนนั้นพลันถูกแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท