NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 915 ศึกครั้งใหญ่

บทที่ 915 ศึกครั้งใหญ่

ถึงแม้รอบตัวพวกเขาจะมีคนล้อมอยู่เยอะ แต่กลับไม่มีใครกล้าออกมาพูดอะไร

ถึงยังไงความสามารถของชายร่างหนาสองคนนั้นไม่ธรรมดา และก็เป็นยอดฝีมือที่มีชื่อ และชายร่างหนาสองคนนั้นก็มีเหตุผลจริงๆ เป็นธรรมดาที่คนในลานนี้จะไม่อยากสอดมือเข้ามายุ่ง

“เอาล่ะ ไม่พูดพร่ำเพื่อแล้ว ราคาของแจกันโบราณนี้ของพวกเรา อย่างน้อยก็ต้องมากกว่าหนึ่งพันล้านขึ้น พวกเราก็ไม่รังแกเธอ เธอเอาเงินพันล้านมาชดใช้พวกเราก็โอเคแล้ว”

พูดอยู่ตั้งนาน ชายร่างหนาสองคนนั้นจู่ๆก็พูดขึ้น

“หนึ่งพันล้าน?”

เมื่อหยูหลิงฮุ่ยได้ยินก็ช็อกไปทันที นี่มันรีดไถเธอชัดๆ

ที่บ้านเธอก็ไม่ได้มีตังค์อะไร อาจจะใช้ฐานะของจอมยุทธ ทำธุรกิจเล็กน้อย เงินสิบล้านยังพอเอามาได้อยู่ แต่ว่าหนึ่งพันล้านมันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะนึกถึงได้เลย

“ทำไม หามาไม่ได้?” สองพี่น้องก็สบตากัน และยิ้มฮี่ๆ พลางพูด: “หามาจ่ายไม่ได้ก็ได้ พวกเราพี่น้องก็เสียเปรียบหน่อย เธอก็เอาตัวมาแลกแล้วกัน!”

“แจกันใบนี้ฉันไม่ได้เป็นคนทำแตกสักหน่อย!” หยูหลิงฮุ่ยพูดขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว “เห็นได้ชัดว่าพวกนายโยนมาเอง ฉันไม่ได้ไปแตะโดนสักนิดเดียว!”

ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว ว่าตนถูกสองพี่น้องมิจฉาชีพนี้เล่นงานแล้ว

“นี่เธอหมายความว่าไง จะบอกว่าพวกเราสองคนขู่กรรโชกเธอหรือไง!” ทันใดนั้นสองพี่น้องก็แสดงสีหน้าเหี้ยมโหด “ได้ เธอเอาหลักฐานออกมา พวกเราก็จะรับ หามาไม่ได้ เธอก็ไม่ต้องไปไหนเลย!”

“นาย คนรอบข้างเขาเห็นกันหมดแล้ว!” หยูหลิงฮุ่ยพูดอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม

“ใครเห็นกัน? ใครเห็น!” สองพี่น้องเงยหน้ามองไปรอบๆ นัยน์ตาโหดเหี้ยมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และข่มขู่ชัดๆ

“ใครเห็นก็ก้าวออกมาเป็นพยานให้แม่สาวคนนี้หน่อย!”

หยูหลิงฮุ่ยอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ ด้วยสายตาอ้อนวอนให้คนออกมาเป็นพยานให้เธอ

ถึงยังไง เมื่อกี้ก็เห็นได้ชัดว่าเขาทำเอง ต้องมีคนไม่น้อยที่เห็นฉากนี้

แต่ความหวังของเธอกลับพังไม่เป็นท่า คนรอบข้างมากมายขนาดนี้ แต่ไม่มีใครสักคนกล้าออกมายันกับชายร่างหนาสองคนนี้เลย

ในใจของหยูหลิงฮุ่ย ก็ค่อยๆ สิ้นหวังลง

“เป็นไงน้องสาว” ชายร่างหนาสองคนยิ้มอย่างดุร้ายและถาม “ตอนนี้เธอควรจะยอมรับได้แล้วใช่มั้ย? ชดใช้เงินมาซะดีๆ หรือไม่ก็เอาตัวมาแลก เธอเลือกเอาเองแล้วกัน!”

หลี่ฝางที่เห็นภาพนี้ ก็ตัดสินใจว่าจะเข้าไปช่วยหยูหลิงฮุ่ยสักครั้ง

แต่ว่าไม่ต้องรอให้เขาลงมือ ก็เห็นว่ามีชายวัยกลางคนผิวคล้ำพุ่งเข้าไปก่อนแล้ว แหวกผู้คนไปอีกทาง และตะโกนเสียงดัง: “พวกนายมันมิจฉาชีพโยนลงไปเอง ฉันเห็นได้อย่างชัดเจนเลย!”

เมื่อเห็นการปรากฏตัวของชายวัยกลางคนผิวคล้ำ หลี่ฝางก็เข้าใจว่าตัวเองไม่ต้องลงมือแล้ว เพราะว่าผู้ชายคนนั้นก็คือไท่ซาง

และเมื่อเห็นไท่ซางถึงกับกล้าออกหน้าแทนหยูหลิงฮุ่ย สีหน้าของชายร่างหนาสองคนนั้นก็ดูแย่ลงขึ้นมา

ที่จริงเรื่องนี้มีโอกาสจะสำเร็จอยู่มาก พวกเขาสามารถเอาสาวสวยคนนี้มาได้อยู่แล้ว ใครจะคิดว่าจะมีคนกระโดดออกมาหาเรื่องใส่ตัว ในตอนนี้ทำให้พวกเขาโมโหขึ้นในใจ พลางมองไปทางไท่ซางด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

“นายพูดอีกรอบสิ นายเห็นอะไร!” ชายร่างหนาจ้องไท่ซางอย่างเหี้ยมๆ นัยน์ตานั่นราวกับจะกินเขาทั้งตัว

“ฉันบอกว่าเห็นพวกนายสองคนโยนมันลงไปเอง ตั้งใจขู่กรรโชกสาวสวยคนนี้ ทำไม พวกนายสองคนยังไม่ยอมรับ?”

แน่นอนว่าไท่ซางไม่กลัวพี่น้องสองคนนี้ และก็ใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวพูดขึ้นเสียงดังเช่นกัน ราวกับเมื่อครู่เขายื่นอยู่ด้านข้างและเห็นทุกสิ่งอย่างนั้น

แต่ที่จริงแล้วเขาไม่ได้เห็นอะไรเลย เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขายังจีบสาวอยู่ที่อื่นอยู่เลย แต่แค่เขาไม่แสดงฐานะของตน อีกฝ่ายจึงไม่สนใจเขา เขาจึงมาถึงที่นี่อย่างหงอยๆ ก็เห็นฉากนี้พอดี

ไท่ซางในตอนนี้ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ฟังแต่สองสามประโยคก็โดดเข้าไป ไม่สนอะไรทั้งสิ้นว่าเกิดอะไรขึ้น

สองพี่น้องนั่นถูกไท่ซางทำให้โมโหสุดๆ ต่างก็กำหมัดแน่น แทบอดไม่ได้ที่จะคว้าไท่ซางมาอัดให้ตายคามือ

“ทำไม พวกนายสองคนคงจะไม่ขายหน้าจนโมโห แล้วบ้าไปแล้วใช่มั้ย?” ไท่ซางหัวเราะเหอะๆ และพูดดูถูกต่อ “พวกนายอย่ากัดฉันนะ ฉันกลัวจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้า”

“อยากตายไงว่ะ!” พี่น้องสองคนตะคอกออกมาเสียงดัง และพุ่งเข้าไปหาไท่ซาง คิดว่าจะสั่งสอนไท่ซางสักยก ให้เขารู้ถึงว่าพูดมั่วซั่วแล้วจะต้องเจอกับอะไร

ผู้คนที่อยู่ให้ลานเห็นสองพี่น้องนั่นจู่ๆ ก็ลงมือ ก็ไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจเลย และกลับถอยหลังออกไปอย่างเร็ว ให้ที่มันกว้างขึ้น เพื่อเลี่ยงการโดนลูกหลง

ที่จริงแล้วคนไม่น้อยก็รู้ถึงชื่อเสียงของสองพี่น้องนี่ และรู้ถึงความสามารถของพวกเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงถอยห่างให้ทันที แล้วรอดูเรื่องสนุกๆ

แต่ที่ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ เรื่องสนุกๆ ครั้งนี้ยังไม่ทันเริ่ม ก็สิ้นสุดเสียแล้ว

ต่อหน้าคนทั้งหมด เห็นแค่สองพี่น้องนั่นถูกไท่ซางบีบคอไว้ซ้ายคนขวาคน ถึงแม้จะดิ้นอย่างสุดแรงยังไง ก็กลับถูกบีบแน่นขึ้นมือบีบแน่นจนหายใจเริ่มยาก ต่างเริ่มตาเลือกกันแล้ว

ทันใดนั้นรอบข้างก็เกิดความโกลาหลขึ้น

ทุกคนคาดไม่ถึงว่าคนรูปลักษณ์ธรรมดา แถมยังน่าเกลียดเล็กน้อยคนนี้ถึงกับแอบซ่อนฝีมือเอาไว้ แม้แต่การลงมือของเขา คนที่อยู่ที่นี่มีไม่กี่คนที่เห็นได้ชัดเจน

สองพี่น้องนั่นถูกไท่ซางจับไว้ในมือราวกับหมา ผู้คนที่เห็นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นวาบขึ้น

ถ้าไท่ซางเพิ่มแรงขึ้นอีกหน่อย ก็เกือบจะบีบคอสองคนนั้นตายได้เลย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท