NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 927 จุดประสงค์ของตระกูลชิว

บทที่ 927 จุดประสงค์ของตระกูลชิว

ไม่นานนัก ผู้คนส่วนใหญ่ในจัตุรัสถูกปลุกระดม พากันตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ภาพที่แสนบ้าคลั่งนั้น ราวกับต้าเซี่ยหลงเช่วฆ่าพ่อแม่พวกเขาอย่างไรอย่างนั้น

ส่วนชิวเฉิงหลี่กำลังพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

บางทียังมีไม่กี่คนที่ยังไม่กินเบ็ด ยังคงไม่สะทกสะท้าน แต่ไม่เป็นไร บรรยากาศรวมๆแล้วอิสระทางความคิดของฝูงชนลดอ่อนลงไปมากแล้ว

ตอนนี้จะทำอะไรก็ง่ายขึ้นเยอะ

เขาจึงอาศัยบรรยากาศนี้ตะโกนออกมา:“ที่ผมเปิดศึกชิงจ้าวยุทธภพนี้ขึ้น จุดประสงค์เพื่อรวบรวมทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้สร้างพันธมิตรขึ้น ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แบบนี้ถึงจะต่อต้านต้าเซี่ยหลงเช่วได้ และเอาพื้นที่อยู่รอดของตัวเอง!”

ทุกคนส่งเสียงดังขึ้นทันทีที่ชิวเฉิงหลี่พูดอ้างออกมา กระตุ้นอารมณ์ของทุกคนในทันที และยิ่งทำให้ผู้เข้าร่วมอีกจำนวนมาก บรรยากาศดุเดือดขึ้นทันใด

เห็นเช่นนั้น ชิวเฉิงหลี่ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นหันไปมองเหล่านักศิลปะการต่อสู้แดนสุดกำลังภายนอกที่อยู่ในกลุ่มคน

“พวกท่านล้วนมีอำนาจ น่าจะเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ดี ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พลังของพวกท่านจะลดลงเรื่อยๆ มิสู้มาร่วมมือรุกและถอยไปด้วยกัน”

เหล่าแดนสุดกำลังภายนอกล้วนเป็นผู้กุมอำนาจของสำนักใหญ่ ความรุ่งโรจน์ยังปรากฏชัด แม้ทุกวันนี้สำนักจะไม่มีปรมาจารย์อยู่แล้ว แต่ยังคงมีพลังมหาศาล

แน่นอนว่าชิวเฉิงหลี่อยากดึงคนเหล่านี้เข้ามาในพันธมิตรของตนด้วย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง

ทว่าพวกเขากลับไม่คล้อยตาม หลังจากครุ่นคิดกันแล้ว จึงพูดความเห็นของตนออกมา

“ที่เจ้าตระกูลชิวกล่าว แม้จะมีความสงสัยกับการพูดเกินจริง แต่ก็ไม่ได้ปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมา อำนาจของสำนักผมทุกวันนี้เลวร้ายลงไปทุกวัน”

ขณะพูดเขาก็กวาดสายตามองคนบนเวที พลางพูดด้วยความหวาดกลัว:“ถ้าปรมาจารย์ทุกท่านบนเวทีเห็นด้วย พวกเราก็ไม่มีความเห็นอะไร”

คนอื่นดูไม่ออก แต่เจ้าสำนักเจิ้งและสำนักอื่นๆ จะดูสถานะของคนที่อยู่บนเวทีเหล่านั้นไม่ออกได้ยังไง

เพราะทุกคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่ง บางทีพลังอาจแตกต่างกัน แต่ได้พบปะกันบ้างไม่มากก็น้อย

“ฮ่าๆๆ เจ้าสำนักเจิ้งนี่ตรงไปตรงมาจริงๆ!”ชิวเฉิงหลี่พูดปนหัวเราะ“แน่นอนว่าเหล่าปรมาจารย์บนเวทีเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะนี้ของผมแล้ว ไม่งั้นจะยืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?”

ได้ยินเช่นนั้น ไท่ซางที่อยู่บนเวทีงงขึ้นมาทันใด เขาไม่รู้อะไรสักนิด แค่ตามพวกเขาขึ้นมา

เห็นได้ชัดว่าชิวเฉิงหลี่ไม่ได้พูดความจริง แต่ไม่รู้ทำไมเหล่าปรมาจารย์บนเวที ถึงไม่ออกมาเปิดเผยเรื่องโกหกนี้แม้แต่คนเดียว

ส่วนเจ้าสำนักเจิ้งบนเวทีเห็นเช่นนั้นจึงพยักหน้าหงึกๆ

“แต่ผมยังมีอีกปัญหาหนึ่ง ต้าเซี่ยหลงเช่วมียอดฝีมือเยอะมาก ถ้ามีแค่พวกเราคงไม่พอ พวกเขามีแค่อันธพาลกำลังภายในยอดฝีมือ หรือกู่ยี่เทียน ก็เพียงพอที่จะบดขยี้พวกเราได้แล้ว”

กู่ยี่เทียนเป็นตัวหลักสำคัญของหน่วยการต่อสู้ พูดได้ว่าทั้งหน่วยการต่อสู้พัฒนามาถึงจุดนี้ได้เพราะชื่ออันทรงเกียรติของกู่ยี่เทียน

และพลังของกู่ยี่เทียนนั้น จัดอยู่ในลำดับที่3บนรายชื่อปรมาจารย์กำลังภายใน แน่นอนว่านี่ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้กลัวกันสุดขีด

“พลังของกู่ยี่เทียนแข็งแกร่งมากจริง แต่ว่า……”ชิวเฉิงหลี่ยิ้มๆ รับหัวข้อสนทนาแล้วจู่ๆก็พูดขึ้น“ด้วยพลังของกู่ยี่เทียนคนเดียว จะต่อต้านกำลังภายในได้สักกี่คน?ถ้ามีพลังกำลังภายในถึง3ท่าน จะบดขยี้กู่ยี่เทียนได้หรือไม่?”

เจ้าสำนักเจิ้งและคนอื่นๆได้ยินชิวเฉิงหลี่พูดเช่นนั้น สีหน้าเปลี่ยนทันที รีบมองไปยัง3คนที่นั่งอยู่อย่างหวาดผวา พูดเสียงสั่น:“หรือว่าทั้ง3ท่านนั้นล้วนเป็นกำลังภายใน?”

“เป็นไปไม่ได้ คนอื่นผมไม่รู้จัก แต่ผมเคยเจอนายท่านชิวจงเทียน!”อีกคนหนึ่งพูดเสียงดังขึ้นมาทันที“นายท่านชิวเป็นกำลังภายในตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“ฮ่าๆ ข้าจำศีลอยู่นาน ดูท่าโลกใกล้จะลืมชื่อข้าไปแล้วกระมัง!”น้ำเสียงโกรธๆติดตลกดังก้องไปทั้งลาน ชายชราด้านหลังชิวเฉิงหลี่ค่อยๆยืนขึ้น

ทันใดนั้นลมก็กระโชกแรงเข้ามาในลาน ท้องฟ้ามืดครึ้มลง แรงกดดันอันน่าตกใจก็เกิดขึ้นตรงลานในเวลานี้

ภาพนี้มีเรื่องหนึ่งที่ประกาศให้ทุกคนรู้อย่างชัดเจน คือชิวจงเทียนเป็นยอดฝีมือกำลังภายในจริงๆ!

“คิดไม่ถึงว่าปู่ฉันจะฝ่าทะลวงเป็นกำลังภายในแล้วจริงๆ?”ชิวทิงหยุนพูดทั้งประหลาดใจและดีใจ

“อืม ไม่ใช่แค่ปู่ของคุณ”หลี่ฝางพยักหน้าพูด“ที่นั่งอยู่3คนนั้นเป็นปรมาจารย์กำลังภายในทั้งหมด”

นอกจากชิวจงเทียน หนึ่งในที่นั่งอยู่สองคน หลี่ฝางจำเขาได้

หรือกล่าวได้ว่า คนที่อยู่ในรายชื่อปรมาจารย์บนๆต้องคุ้นหน้าคุ้นตาบ้าง เพราะคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของนักศิลปะกาต่อสู้มีไม่กี่คน มองหลายๆรอบก็ต้องจำได้แน่นอน

คนที่หลี่ฝางจำได้ชื่อส้งหมิง อยู่อันดับที่21บนรายชื่อกำลังภายใน แม้ไร้สำนักแต่พลังนั้นแข็งแกร่งมาก เก่งกว่าไท่ซางอีก เป็นตำนานจริงๆ

“หรือว่าปู่และพวกเขาอยาก……”ชิวทิงหยุนได้ยินหลี่ฝางพูดเช่นนั้น ในใจก็คาดเดาด้านไม่ดีออกมา

ส่วนคนที่อยู่บนเวที หลังจากได้สติกลับมา รีบหันไปแสดงความยินดีกับชิวจงเทียนทันที เสียงแสดงความยินดีดังก้องสูงราวกับกระแสน้ำ ทำเอาหน้าชราๆของชิวจงเทียนยิ้มซะสดใสสุดๆ

เขารอคอยวันนี้มานานมาก ในที่สุดก็ได้เห็นแล้วแต่จู่ๆกลับรู้สึกเฉยๆ มีพลังอันแข็งแกร่ง แน่นอนว่าลักษณะทางอารมณ์ไม่เหมือนกัน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท