“นอนเป็นยังไงบ้าง?” หลี่ฝางลุกขึ้นพลางพูด “นอนพอแล้วก็ลุกขึ้นมาเถอะ ศึกชิงจ้าวยุทธภพจะเริ่มแล้ว”
“ค่ะ ได้ค่ะ” ชิวทิงหยุนรีบคลานขึ้นมา แล้วรีบจัดแจงที่นอน จากนั้นก็เดินตามหลี่ฝางออกจากเรือน
พอดี ที่ไท่ซางก็พาหยูหลิงฮุ่ยเดินออกมาจากเรือน2เหมือนกัน
หยูหลิงฮุ่ยในตอนนี้คอยตามไท่ซางอยู่ด้านหลังอย่างสงบเสงี่ยม ไม่กล้าที่จะยโสโอหังเหมือนแต่ก่อน แต่กลับระมัดระวังตัว ราวกับกลัวว่าไท่ซางจะโกรธอย่างนั้นแหละ
“ลูกพี่ พวกเราไปกันเถอะ?” ไท่ซางยิ้มแย้มเข้ามาหา
“ไปเถอะ” หลี่ฝางพยักหน้า และจึงเดินไปที่ลานจัดศึกชิงจ้าวยุทธภพกับไท่ซาง
เมื่อเดินมาถึงบริเวณหน้าเรือน1 หลี่ฝางก็มองไปทางนั้นอยู่ครู่ ก็พบว่าในนั้นไม่มีเสียงอะไรเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าปรมาจารย์กำลังภายในที่ควรจะพักที่นี่ยังไม่มา หรือว่าออกไปนานแล้ว
หลี่ฝางไม่ได้เก็บมาใส่ใจ และรีบเดินไปยังลานกว้างต่อ
ในตอนนั้นปรมาจารย์ที่พักอยู่ในเรือนต่างๆ ก็ทยอยกันออกมา เมื่อเห็นหน้าหลี่ฝางกับไท่ซาง ทันใดนั้นดวงตาก็เต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ
พวกเขาไม่เข้าใจเลย คนที่ไม่มีออร่าพลังใดๆ เลยอย่างหลี่ฝาง ทำไมถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ แถมทำไมยังเดินอยู่กับปรมาจารย์แห่งยุทธภพอย่างไท่ซางอีกด้วย
ถึงแม้จะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังมีคนยิ้มให้พลางเข้ามาทักทาย
“พวกท่านสองคนเข้าร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพสินะ?”
“ไร้สาระน่า ถ้าไม่มาเข้าร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพแล้วจะมาที่นี่ทำไม” ไท่ซางไม่ทันได้รอให้หลี่ฝางพูด ก็พูดอัดกลับไป
คนที่เข้ามาคุยด้วยก็เลิ่กลั่กทันที
ถึงแม้ว่าเขาพูดว่าไร้สาระนั้นมันไม่เท็จ แต่ว่านั่นก็เพื่อที่จะเริ่มบทสนทนาไง ไท่ซางพูดไปแบบนี้ ใครมันจะรับได้
“เอ่ออะไรนะ ฉันชื่อเซ่เฉียง” หลังจากที่ชายหนุ่มสัมผัสถึงออร่าจากตัวไท่ซาง ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตนไม่น้อย จึงไม่ได้โมโห พลางหัวเราะเหอๆ แล้วพูด “ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านมีนามว่าอะไร?”
“กู่เทียน!” หลี่ฝางยังคงใช้ชื่อปลอมของตน แต่ไท่ซางบอกชื่อจริงของตนไป
“สหายกู่ ปรมาจารย์ไท่ซาง” เซ่เฉียงทำมือคารวะพลางยิ้ม
ถึงแม้ออร่าของหลี่ฝางกับไท่ซางจะชัดเจนมากๆ แต่เซ่เฉียงกลับไม่ได้ปฏิบัติด้วยอย่างแตกต่าง แต่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้สึกถึงท่าทีที่แตกต่าง
หลังจากทักทายเสร็จ เซ่เฉียงก็ออกตัวพูดเชิญชวน: “ผมก็มาคนเดียว พวกเราไปด้วยฉันเป็นยังไง?”
“ก็ดี” หลี่ฝางพยักหน้า พอดีที่เขายังไม่ค่อยเข้าใจรูปแบบงานศึกชิงจ้าวยุทธภพในครั้งนี้ หาคนที่มีความสามารถขั้นปรมาจารย์มาสอบถาม คงต้องรู้มากขึ้นไม่น้อย
และไม่นาน หลี่ฝางก็เริ่มเสียดายสุดๆ ที่ตนเองตัดสินใจอย่างไม่รอบคอบ
เพราะว่าเซ่เฉียงคนนี้ระดับการพูดพล่ามนั้นพอๆ กับไท่ซางเลย
เมื่อทั้งสองมาเจอกัน พูดได้ว่าเหมือนผีเน่ากับโลงผุ เหมือนอุกกาบาตพุ่งชนโลก และสำหรับหลี่ฝางนั้น มันคือโศกนาฏกรรมโดยสิ้นเชิง
ตั้งแต่คำพูดประโยคแรกที่เริ่มร่วมทางกัน สองคนนั้นก็ไม่ได้หยุดปากเลย แถมยังลากหลี่ฝางโยงเข้าไปคุยด้วยอยู่ตลอด ทำให้หลี่ฝางรำคาญมากจริงๆ แต่ก็ยังเกรงใจไม่อยากขัด
ฟังเสียงที่ราวกับมีแมลงวันสองร้อยตัวบินงุ้งงิ้งๆอยู่ที่ข้างหู หลี่ฝางก็แทบจะบ้าตาย
แต่ว่ายังดี ที่สองคนนี้คุยกันไม่ใช่เรื่องไร้สาระไปหมดซะทีเดียว อย่างน้อยหลี่ฝางก็ได้ยินข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับศึกชิงจ้าวยุทธภพในครั้งนี้มาไม่น้อย
เซ่เฉียงพูดอย่างลึกลับเสียงเบา: “พวกนายรู้มั้ยทำไมครั้งนี้ตระกูลชิวถึงได้จัดศึกชิงจ้าวยุทธภพ?”
“เพื่อที่จะโอ้อวด? เพื่อชื่อเสียง?” ไท่ซางตอบแบบไม่ต้องคิด
ถึงยังไงสมองที่เรียบง่ายจนไม่รู้จะเรียบง่ายยังไงแล้วของเขา มนุษย์ก็มีเรื่องแค่นี้แหละ
“แค่กๆ” เซ่เฉียงถูกคำพูดของไท่ซางทำให้สำลักไม่เบา
พูดคุยมาได้สักพัก เขาก็ถือว่ารู้จักไท่ซางบ้างแล้ว รู้ได้ชัดเจนว่าคนตรงหน้าเป็นพวกตัวแต่โต ส่วนสมองก็นะ มีอะไรทางที่ดีที่สุดก็พูดกับเขาตรงๆ ไม่งั้น ใครจะรู้ว่าเขาจะคิดไปถึงไหนต่อไหน
ส่วนเซ่เฉียงทำได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ และเอ่ยปากพูด: “สหายไท่พูดแบบนี้ก็ไม่ผิด ศึกชิงจ้าวยุทธภพเป็นเวทีแสดงความสามารถก็จริง เมื่อก่อนศึกชิงจ้าวยุทธภพหลายรอบที่ผ่านมาไม่ได้มีอะไรมาไปกว่าจุดประสงค์นี้ แต่ว่าศึกชิงจ้าวยุทธภพในครั้งนี้ไม่ธรรมดาแบบนั้น”
“ตรงไหนที่ไม่ธรรมดา?” ไท่ซางถามไปตรงๆ
“ว่ากันว่า ดูเหมือนตระกูลชิวอยากจะสร้างสมาพันธ์ขึ้นมา แต่ว่า เนื้อหาที่แน่ชัดที่จริงนั้นเป็นยังไงฉันก็ไม่แน่ใจ” เซ่เฉียงส่ายหัวพลางพูด “ฉันก็ได้ยินมาจากเพื่อนคนนึง ไอ้หมอนั่นท่าทางดูลึกลับ ดูแล้วเหมือนจะมีปัญหามากจริงๆ”
“เพื่อนนายคนนั้นรู้มาได้ยังไง?” ไท่ซางยังคงไม่ยอมหยุดพูด
“แค่ก” เซ่เฉียงพูดอย่างอดไม่ได้ “บอกพวกท่านสองคนอย่างตรงไปตรงมาเลยแล้วกัน ผมก็ไม่ได้อยู่สำนักไหน ฝึกตนเองคนเดียว ข่าวนี้ เป็นเพื่อนของฉันจากสำนักแห่งนึงพูดมา เขาเป็นผู้สืบทอดหมัดพยัคฆ์ดำเชียวนะ!”
“แบบนั้นหรอกเหรอ?” หลี่ฝางพยักหน้า ทันใดนั้นก็เกิดการคาดเดาเล็กน้อย
เหตุผลที่ตระกูลชิวจะสร้างสมาพันธ์ขึ้นมา หรือว่าจะจัดตั้งเพื่อต่อสู้กับต้าเซี่ยหลงเช่วกันนะ?
หลี่ฝางพลางคิดสงสัยแบบนี้ ไม่นานก็มาถึงด้านนอกลานกว้าง และห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร ก็เห็นว่าพ่อบ้านเฒ่ากำลังยืนอยู่ตรงนั้น รอคอยการมาของคนจำนวนไม่น้อย
เมื่อเห็นหลี่ฝางและคนอื่นๆ มา ใบหน้าของพ่อบ้านเฒ่าก็เต็มไปด้วยความต้อนรับและพูดอย่างเคารพ: “ปรมาจารย์ทั้งสองท่าน รบกวนหยุดก่อน เจ้าบ้านเชิญทางนี้ครับ”
“ไปไหน? ไม่ต้องไปลานกว้างเหรอ?” ไท่ซางขมวดคิ้วและถามออกไป