NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 920 ศึกใหญ่เริ่มขึ้นแล้ว

บทที่ 920 ศึกใหญ่เริ่มขึ้นแล้ว

“นอนเป็นยังไงบ้าง?” หลี่ฝางลุกขึ้นพลางพูด “นอนพอแล้วก็ลุกขึ้นมาเถอะ ศึกชิงจ้าวยุทธภพจะเริ่มแล้ว”

“ค่ะ ได้ค่ะ” ชิวทิงหยุนรีบคลานขึ้นมา แล้วรีบจัดแจงที่นอน จากนั้นก็เดินตามหลี่ฝางออกจากเรือน

พอดี ที่ไท่ซางก็พาหยูหลิงฮุ่ยเดินออกมาจากเรือน2เหมือนกัน

หยูหลิงฮุ่ยในตอนนี้คอยตามไท่ซางอยู่ด้านหลังอย่างสงบเสงี่ยม ไม่กล้าที่จะยโสโอหังเหมือนแต่ก่อน แต่กลับระมัดระวังตัว ราวกับกลัวว่าไท่ซางจะโกรธอย่างนั้นแหละ

“ลูกพี่ พวกเราไปกันเถอะ?” ไท่ซางยิ้มแย้มเข้ามาหา

“ไปเถอะ” หลี่ฝางพยักหน้า และจึงเดินไปที่ลานจัดศึกชิงจ้าวยุทธภพกับไท่ซาง

เมื่อเดินมาถึงบริเวณหน้าเรือน1 หลี่ฝางก็มองไปทางนั้นอยู่ครู่ ก็พบว่าในนั้นไม่มีเสียงอะไรเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าปรมาจารย์กำลังภายในที่ควรจะพักที่นี่ยังไม่มา หรือว่าออกไปนานแล้ว

หลี่ฝางไม่ได้เก็บมาใส่ใจ และรีบเดินไปยังลานกว้างต่อ

ในตอนนั้นปรมาจารย์ที่พักอยู่ในเรือนต่างๆ ก็ทยอยกันออกมา เมื่อเห็นหน้าหลี่ฝางกับไท่ซาง ทันใดนั้นดวงตาก็เต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ

พวกเขาไม่เข้าใจเลย คนที่ไม่มีออร่าพลังใดๆ เลยอย่างหลี่ฝาง ทำไมถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ แถมทำไมยังเดินอยู่กับปรมาจารย์แห่งยุทธภพอย่างไท่ซางอีกด้วย

ถึงแม้จะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังมีคนยิ้มให้พลางเข้ามาทักทาย

“พวกท่านสองคนเข้าร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพสินะ?”

“ไร้สาระน่า ถ้าไม่มาเข้าร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพแล้วจะมาที่นี่ทำไม” ไท่ซางไม่ทันได้รอให้หลี่ฝางพูด ก็พูดอัดกลับไป

คนที่เข้ามาคุยด้วยก็เลิ่กลั่กทันที

ถึงแม้ว่าเขาพูดว่าไร้สาระนั้นมันไม่เท็จ แต่ว่านั่นก็เพื่อที่จะเริ่มบทสนทนาไง ไท่ซางพูดไปแบบนี้ ใครมันจะรับได้

“เอ่ออะไรนะ ฉันชื่อเซ่เฉียง” หลังจากที่ชายหนุ่มสัมผัสถึงออร่าจากตัวไท่ซาง ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตนไม่น้อย จึงไม่ได้โมโห พลางหัวเราะเหอๆ แล้วพูด “ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านมีนามว่าอะไร?”

“กู่เทียน!” หลี่ฝางยังคงใช้ชื่อปลอมของตน แต่ไท่ซางบอกชื่อจริงของตนไป

“สหายกู่ ปรมาจารย์ไท่ซาง” เซ่เฉียงทำมือคารวะพลางยิ้ม

ถึงแม้ออร่าของหลี่ฝางกับไท่ซางจะชัดเจนมากๆ แต่เซ่เฉียงกลับไม่ได้ปฏิบัติด้วยอย่างแตกต่าง แต่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้สึกถึงท่าทีที่แตกต่าง

หลังจากทักทายเสร็จ เซ่เฉียงก็ออกตัวพูดเชิญชวน: “ผมก็มาคนเดียว พวกเราไปด้วยฉันเป็นยังไง?”

“ก็ดี” หลี่ฝางพยักหน้า พอดีที่เขายังไม่ค่อยเข้าใจรูปแบบงานศึกชิงจ้าวยุทธภพในครั้งนี้ หาคนที่มีความสามารถขั้นปรมาจารย์มาสอบถาม คงต้องรู้มากขึ้นไม่น้อย

และไม่นาน หลี่ฝางก็เริ่มเสียดายสุดๆ ที่ตนเองตัดสินใจอย่างไม่รอบคอบ

เพราะว่าเซ่เฉียงคนนี้ระดับการพูดพล่ามนั้นพอๆ กับไท่ซางเลย

เมื่อทั้งสองมาเจอกัน พูดได้ว่าเหมือนผีเน่ากับโลงผุ เหมือนอุกกาบาตพุ่งชนโลก และสำหรับหลี่ฝางนั้น มันคือโศกนาฏกรรมโดยสิ้นเชิง

ตั้งแต่คำพูดประโยคแรกที่เริ่มร่วมทางกัน สองคนนั้นก็ไม่ได้หยุดปากเลย แถมยังลากหลี่ฝางโยงเข้าไปคุยด้วยอยู่ตลอด ทำให้หลี่ฝางรำคาญมากจริงๆ แต่ก็ยังเกรงใจไม่อยากขัด

ฟังเสียงที่ราวกับมีแมลงวันสองร้อยตัวบินงุ้งงิ้งๆอยู่ที่ข้างหู หลี่ฝางก็แทบจะบ้าตาย

แต่ว่ายังดี ที่สองคนนี้คุยกันไม่ใช่เรื่องไร้สาระไปหมดซะทีเดียว อย่างน้อยหลี่ฝางก็ได้ยินข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับศึกชิงจ้าวยุทธภพในครั้งนี้มาไม่น้อย

เซ่เฉียงพูดอย่างลึกลับเสียงเบา: “พวกนายรู้มั้ยทำไมครั้งนี้ตระกูลชิวถึงได้จัดศึกชิงจ้าวยุทธภพ?”

“เพื่อที่จะโอ้อวด? เพื่อชื่อเสียง?” ไท่ซางตอบแบบไม่ต้องคิด

ถึงยังไงสมองที่เรียบง่ายจนไม่รู้จะเรียบง่ายยังไงแล้วของเขา มนุษย์ก็มีเรื่องแค่นี้แหละ

“แค่กๆ” เซ่เฉียงถูกคำพูดของไท่ซางทำให้สำลักไม่เบา

พูดคุยมาได้สักพัก เขาก็ถือว่ารู้จักไท่ซางบ้างแล้ว รู้ได้ชัดเจนว่าคนตรงหน้าเป็นพวกตัวแต่โต ส่วนสมองก็นะ มีอะไรทางที่ดีที่สุดก็พูดกับเขาตรงๆ ไม่งั้น ใครจะรู้ว่าเขาจะคิดไปถึงไหนต่อไหน

ส่วนเซ่เฉียงทำได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ และเอ่ยปากพูด: “สหายไท่พูดแบบนี้ก็ไม่ผิด ศึกชิงจ้าวยุทธภพเป็นเวทีแสดงความสามารถก็จริง เมื่อก่อนศึกชิงจ้าวยุทธภพหลายรอบที่ผ่านมาไม่ได้มีอะไรมาไปกว่าจุดประสงค์นี้ แต่ว่าศึกชิงจ้าวยุทธภพในครั้งนี้ไม่ธรรมดาแบบนั้น”

“ตรงไหนที่ไม่ธรรมดา?” ไท่ซางถามไปตรงๆ

“ว่ากันว่า ดูเหมือนตระกูลชิวอยากจะสร้างสมาพันธ์ขึ้นมา แต่ว่า เนื้อหาที่แน่ชัดที่จริงนั้นเป็นยังไงฉันก็ไม่แน่ใจ” เซ่เฉียงส่ายหัวพลางพูด “ฉันก็ได้ยินมาจากเพื่อนคนนึง ไอ้หมอนั่นท่าทางดูลึกลับ ดูแล้วเหมือนจะมีปัญหามากจริงๆ”

“เพื่อนนายคนนั้นรู้มาได้ยังไง?” ไท่ซางยังคงไม่ยอมหยุดพูด

“แค่ก” เซ่เฉียงพูดอย่างอดไม่ได้ “บอกพวกท่านสองคนอย่างตรงไปตรงมาเลยแล้วกัน ผมก็ไม่ได้อยู่สำนักไหน ฝึกตนเองคนเดียว ข่าวนี้ เป็นเพื่อนของฉันจากสำนักแห่งนึงพูดมา เขาเป็นผู้สืบทอดหมัดพยัคฆ์ดำเชียวนะ!”

“แบบนั้นหรอกเหรอ?” หลี่ฝางพยักหน้า ทันใดนั้นก็เกิดการคาดเดาเล็กน้อย

เหตุผลที่ตระกูลชิวจะสร้างสมาพันธ์ขึ้นมา หรือว่าจะจัดตั้งเพื่อต่อสู้กับต้าเซี่ยหลงเช่วกันนะ?

หลี่ฝางพลางคิดสงสัยแบบนี้ ไม่นานก็มาถึงด้านนอกลานกว้าง และห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร ก็เห็นว่าพ่อบ้านเฒ่ากำลังยืนอยู่ตรงนั้น รอคอยการมาของคนจำนวนไม่น้อย

เมื่อเห็นหลี่ฝางและคนอื่นๆ มา ใบหน้าของพ่อบ้านเฒ่าก็เต็มไปด้วยความต้อนรับและพูดอย่างเคารพ: “ปรมาจารย์ทั้งสองท่าน รบกวนหยุดก่อน เจ้าบ้านเชิญทางนี้ครับ”

“ไปไหน? ไม่ต้องไปลานกว้างเหรอ?” ไท่ซางขมวดคิ้วและถามออกไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท