NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่944 หวางซีหมิงมาที่เมืองเอกแล้ว

บทที่944 หวางซีหมิงมาที่เมืองเอกแล้ว

“ตามความสามารถของตระกูลหวางแล้ว จัดการกับตระกูลฉินนั้นง่ายนิดเดียว ในวันนี้ห่วงโซ่เงินทุนของตระกูลฉินได้ขาดสะบั้น ฝ่ายพันธมิตรภายใต้การกดดันของตระกูลหวาง ยินยอมที่จะผิดสัญญายังไงก็ไม่ยอมร่วมมือกับตระกูลฉิน ทางธนาคารก็ไม่ยินดีให้ตระกูลฉินกู้เงิน เป็นแบบนี้ต่อไป ตระกูลฉินคงทนได้อีกไม่นาน”

ตระกูลหวางเป็นตระกูลใหญ่มีธุรกิจกว้างขวาง คิดจะจัดการตระกูลฉินไม่ต้องลงมือเองเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่แสดงความต้องการนั้นออกมา ก็จะมีบริษัทมากมายที่ต้องการประจบประแจงตระกูลหวางรวมกลุ่มโจมตีตระกูลฉินแล้ว

“บริษัทที่ร่วมมือกับตระกูลฉินพวกนั้นกล้าผิดสัญญาง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ? เห็นหนังสือสัญญาเป็นเพียงกระดาษเปล่าหหรือยัง?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว

“พี่หลี่ แน่นอนว่าหนังสือสัญญาไม่ใช่กระดาษเปล่า แต่ต่อให้ผิดสัญญา ก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล” ลู่เผิงเฟยยิ้มอย่างขมขื่น: “ต่อให้ตระกูลหวางไม่ยื่นมือเข้ามา คดีความพวกนี้ก็สามารถทำให้ล่าช้าออกไปหลายเดือนได้อย่างง่าย ๆ พอถึงตอนนั้นตระกูลฉินคงแย่ไปนานแล้ว เกรงว่าแม้แต่คดีความยังไม่สามารถฟ้องร้องต่อไปได้”

กล่าวไป จู่ ๆ ลู่เผิงเฟยก็เอ่ยถามหลี่ฝางขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น: “พี่หลี่ เป็นยังไง จะให้ผมร่วมมือกับคุณเล่นงานหวางซีหมิงด้วยกันไหม?”

หลี่ฝางชะงักงัน เขาเอ่ยถามเหมือนกับจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม: “ครอบครัวของคุณจะยอมให้คุณเข้ามามีส่วนร่วม ต่อกรกับตระกูลหวางด้วยกันกับผมเหรอ?”

“ฮ่า ๆ ๆ” ลู่เผิงเฟยหัวเราะเสียงดัง: “พี่หลี่คุณเดาผิดแล้ว ตระกูลหวางใหญ่โตก็จริง แต่หวางซีหมิงจะนับเป็นตัวอะไร?”

“ถ้าพูดถึงที่มาที่ไป ตระกูลหวางลึกล้ำกว่าพวกเราอยู่บ้างก็จริง ทั้งยังมีประวัติในการพัฒนามายาวนานกว่าพวกเรา แต่ว่านี่ก็ทำให้คนในตระกูลหวางมีจำนวนมาก จนกลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่สลับซับซ้อนไปแล้ว หวางซีหมิงอยู่ที่ตระกูลหวาง เป็นเพียงแค่ลูกหลานตระกูลหวางที่ค่อนข้างจะมีความสำคัญอยู่บ้างเท่านั้นเอง ต่อกรกับมัน ไม่ใช่เรื่องยากอะไร!”

“ยิ่งไปกว่านั้น มันกล้ามาหาเรื่องถึงหัวพี่หลี่ ผมพึ่งจะรู้เรื่องนี้เมื่อกี้นี้เอง ไม่อย่างนั้นละก็ไม่ต้องให้ถึงมือพี่หลี่หรอก ผมจะจัดการมันให้ราบก่อนเอง!”

หลี่ฝางมองดูลู่เผิงเฟยอย่างครุ่นคิด เขาเข้าใจว่าลู่เผิงเฟยน่าจะรู้เรื่องของเขาอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยลู่เผิงเฟยก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและตระกูลฉินดี

“ทำไมผมดูเหมือนว่าคุณจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ? รู้สึกว่าคุณอยากจะจัดการหวางซีหมิงมากกว่าผมซะอีก” มองดูท่าทางกระตือรือร้นของลู่เผิงเฟย หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา

“ฮ่า ๆ จะบอกพี่หลี่ก็ได้ ผมอยากประมือกับลูกหลานตระกูลหวางมานานแล้ว วงการธุรกิจก็เหมือนกับสนามรบ อาศัยชื่อเสียงของตระกูลลู่เรา อยู่ในแวดวงธุรกิจก็พอจะราบรื่นอยู่บ้าง ไม่ได้รู้สึกกดดันมาโดยตลอด ผมอยากจะใช้โอกาสนี้ประมือกับตระกูลหวางดูสักตั้งจริง ๆ นะ ดูซิว่าเป็นลูกหลานในตระกูลระดับสูงเหมือนกัน ตระกูลลู่ของเราและตระกูลหวาง ใครจะโดดเด่นกว่ากัน!”

……

บทสนทนาระหว่างหลี่ฝางและลู่เผิงเฟยกินเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งสองวางแผนลับอะไรบางอย่าง เพื่อใช้ในการต่อกรกับหวางซีหมิง อีกทั้งใช้เขาเป็นสะพานในการขุดหลุมพรางที่ใหญ่กว่าเดิมให้ตระกูลหวาง

ในขณะที่ทั้งสองหาลือกันเสร็จแล้ว และหลี่ฝางกำลังจะจากไปนั้นเอง ลู่เผิงเฟยก็ได้รับสายโทรเข้าสายหนึ่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากที่วางโทรศัพท์ไป ลู่เผิงเฟยก็ยิ้มอย่างขมขื่นให้กับหลี่ฝาง

“พี่หลี่ แผนการของพวกเราคงต้องปรับเปลี่ยนหน่อยแล้ว”

“ทำไมเหรอ?” หลี่ฝางเอ่ยถาม

“หวางซีหมิงได้มาที่เมืองเอกแล้ว นอกจากนี้มันยังได้ติดต่อไปหาฉินวี่เฟยแห่งตระกูลฉิน เอ่อ พี่สะใภ้ และนัดพบกับเธอที่โรงแรมฟู่โชวพรุ่งนี้ ทั้งยังข่มขู่พี่สะใภ้ว่าถ้าไม่ไปจะจัดการตระกูลฉินให้สิ้นซาก ไอ้หมอนั่น ดูแล้วท่าจะมีแผนร้ายอะไรบางอย่างแน่”

ในตอนที่ได้รับข่าวนี้ ลู่เผิงเฟยก็รู้ทันทีว่าแผนการที่เขาได้วางไว้กับหลี่ฝางเมื่อกี้ต้องเป็นโมฆะแล้ว

เพราะว่าไอ้คนปัญญาอ่อนหวางซีหมิงนั่นได้แย่โดนเกล็ดมังกรของหลี่ฝางเข้าให้แล้ว และบุคคลที่แข็งแกร่งอย่างหลี่ฝาง ไม่มีทางที่จะยอมทนกับเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน!

สิ่งที่หวางซีหมิงจะต้องรับมือหลังจากนี้ นั่นก็คือแรงโกรธที่มีอำนาจทำลายล้างของหลี่ฝาง!

จริงอย่างที่คิด หลังจากที่ลู่เผิงเฟยกล่าวจบนั้นเอง แววตาของหลี่ฝางก็เยือกเย็นลงทันที ไออาฆาตอันเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา: “มันรนหาที่ตาย!”

……

วันถัดมา ณ โรงแรมฟู่โชว

ที่ด้านหน้าประตูของโรงแรม ณ เวลานี้มีผู้คนยืนเรียงแถวอยู่สองฟากฝั่ง ที่ตรงกลางมีเถ้าแก่โรงแรมออกมายืนต้อนรับด้วยตัวเอง เหมือนกับว่ากำลังรอการมาถึงของใครบางคนอยู่

ภายในใจของพนักงานที่ยืนเรียงอยู่สองฟากฝั่งนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติประเภทไหนที่สามารถทำให้เถ้าแก่ของตัวเองจัดขบวนต้อนรับแบบนี้ได้

ในขณะที่ทุกคนต่างก็คาดเดาอยู่นั่นเอง เสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์ก็ได้ดังกระหึ่มมาลอยมา จากนั้นก็เห็นรถหรูสองคันขับมาจากไม่ไกลนัก และจอดลงที่หน้าประตูโรงแรมอย่างช้า ๆ

เถ้าแก่โรงแรมรีบเข้าไปต้อนรับอย่างนอบน้อมทันที เขาลงมือเปิดประตูรถด้วยตัวเอง พร้อมกล่าว: “คุณชายมู่หรง ยินดีต้อนรับครับ”

ชายหนุ่มสี่คนเดินลงมาจากรถ คนแรกที่เดินลงมานั้นคือมู่หรงฉางเฟิงนั่นเอง ดูแล้วเขาในเวลานี้นอกเหนือจากใบหน้าขาวซีดเพียงเล็กน้อยแล้ว ก็ขยับเขยื้อนได้ตามปกติ เหมือนกับว่าร่างกายของเขาได้หายดีแล้ว

หลังจากที่เถ้าแก่โรงแรมทักทายมู่หรงฉางเฟิงเสร็จ จากนั้นก็หันแววตาที่เต็มไปด้วยความเคารพนอบน้อมไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลาง

เพราะว่าในชายหนุ่มทั้งสี่คนนี้ พวกมู่หรงฉางเฟิงทั้งสามคนต่างก็นั่งอัดกันอยู่บนรถคันที่สอง มีเพียงชายหนุ่มคนนี้ที่นั่งอยู่บนรถคันแรกเพียงคนเดียว

สถานการณ์เช่นนี้หมายถึงอะไรนั้น เป็นธรรมดาที่เถ้าแก่โรงแรมจะเข้าใจดี

“ท่านนี้คือคุณชายหวาง”

มู่หรงฉางเฟิงเดินขึ้นมาด้านหน้า จากนั้นก็แนะนำฐานะของชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้น

คนคนนั้น ก็คือหวางซีหมิงแห่งตระกูลหวางนั่นเอง

เถ้าแก่โรงแรมรีบนำพาคนเหล่านั้นเข้าไปข้างในทันที ในขณะเดียวกันนั้นก็กล่าวอย่างประจบประแจง: “เมื่อวานได้ยินว่าคุณชายมู่หรงต้องต้อนรับบุคคลสำคัญ ผมได้จัดเตรียมห้องที่ดีที่สุดเพื่อการต้อนรับคุณชายหวางเป็นพิเศษ ลูกค้าเก่าหลายท่านต้องการห้องนั้น ต่างถูกผมปฏิเสธไป”

ถึงแม้จะยังคาดเดาไม่ออกว่าคุณชายหวางคนนี้เป็นใครมาจากไหน แต่นั่นมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรต่อการประจบสอพลอของเถ้าแก่

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน