NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่945 ฉินวี่เฟยไปตามนัด

บทที่945 ฉินวี่เฟยไปตามนัด

“คุณชื่ออะไร?” หวางซีหมิงมองเถ้าแก่แล้วเอ่ยถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

ภายในใจของเถ้าแก่รู้สึกดีใจขึ้นมา พลางรีบเอ่ยตอบ: “กระผมเจี่ยรุ่ยจื๋อ”

“เถ้าแก่เจี่ยใช่ไหม โอเค ต่อไปถ้าได้เจอกับเมิ่งหยวนจงเถ้าแก่ใหญ่ของโรงแรมฟู่โชวของพวกคุณ ผมจะบอกกับเขาเองว่า ต่อให้ให้คุณดูแลรับผิดชอบธุรกิจของเมืองเมืองหนึ่ง ก็เป็นแค่เพียงเรื่องเล็กน้อย”

ถึงแม้หวางซีหมิงจะพูดอย่างกระชับ แต่พอถึงหูของเจี่ยรุ่ยจื๋อ กลับทำให้เขารู้สึกดีอกดีใจอย่างล้นเหลือขึ้นมาทันที

ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในเครือฟู่โชวนั้นกระจายอยู่ทั่วประเทศเชียวนะ นับเป็นระดับต้น ๆ ในธุรกิจแวดวงเดียวกัน สำหรับเถ้าแก่ใหญ่อย่างเมิ่งหยวนจงแล้ว ผู้รับผิดชอบดูแลระดับล่างอย่างเจี่ยรุ่ยจื๋อเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งเท่านั้น ปกติแล้วพอจะได้พูดอะไรบ้างก็นับว่าดีมากแล้ว

และดูเหมือว่าหวังซีหมิงจะสนิทสนมกับเมิ่งหยวนจงไม่น้อย จะให้ไม่เจี่ยรุ่ยจื๋อดีใจได้ยังไง การกระทำของเขาที่ปฏิบัติต่อหวางซีหมิงยิ่งเคารพนอบน้อมขึ้นมาอีกทันที

หวังซีหมิงไม่ได้พาพรรคพวกมาด้วย นอกเหนือจากคุณชายทั้งสามคนอย่างพวกมู่หรงฉางเฟิงแล้ว ยังมีชายวัยกลางคนที่มีฐานะเป็นบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่ง คอยติดตามอยู่ด้านหลังของหวางซีหมิงตลอดเวลา ตามติดปกป้องหวางซีหมิงอยู่ทุกย่างก้าว

หลังจากที่ทุกคนนั่งลงในห้องส่วนตัว เถ้าแก่โรงแรมก็ได้ไปจากห้องส่วนตัว

มู่หรงฉางเฟิงรีบแนะนำคนทั้งสองให้กับหวางซีหมิงรู้จักทันที

“คุณชายหวาง ผมขอแนะนำเพื่อนทั้งสองคนของผม เจิ้งจิ้นเผิงจากตระกูลเจิ้งแห่งมณฑลเจียงหนานและคุณชายของบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด เกาจื่อหมิง”

เหตุที่มู่หรงฉางเฟิงได้รู้จักกับหวางซีหมิง นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้หวางซีหมิงได้ทำธุรกิจอย่างหนึ่ง เคยได่ร่วมมือกับตระกูลมู่หรงมาก่อน และมู่หรงฉางเฟิงเองก็ได้ติดต่อสัมผัสกับหวางซีหมิงอยู่บ่อยครั้ง

เช่นนี้เองจึงทำให้มู่หรงฉางเฟิงได้รู้จักกับหวางซีหมิง

ครั้งนี้ได้ยินว่าหวางซีหมิงเป็นปรปักษ์กับตระกูลฉิน มู่หรงฉางเฟิงนั้นดีอกดีใจอย่างคาดไม่ถึง จนเอาตัวเข้าหาหวางซีหมิง และกลายเป็นสุนัขรับใช้ของเขา

เพราะว่าความอับอายขายหน้าที่ได้รับจากโหจื่อที่โรงพยาบาลเมื่อครั้งที่แล้ว ในใจของเขานั้นโกรธแค้นหลี่ฝางจนเข้ากระดูกดำ แต่เพราะความแข็งแกร่งของหลี่ฝาง ทำให้เขาไม่กล้าที่จะแก้แค้นใด ๆ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ต่อให้หลี่ฝางร้ายกาจยังไง หรือว่าจะกล้าสู้กันซึ่ง ๆ หน้ากลับตระกูลหวางเชียวเหรอ?

ทันทีที่นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่หลี่ฝางต้องยืนดูตระกูลฉินถูกโค่นโดยที่ทำอะไรไม่ได้ และฉินวี่เฟยเองก็ได้ไปจากหลี่ฝาง ภายในใจของมู่หรงฉางเฟิงก็รู้สึกชื่นใจขึ้นมา

“คุณชายหวาง”

หลังจากที่มู่หรงฉางเฟิงแนะนำเสร็จ เกาจื่อหมิงก็ได้รีบลุกขึ้นมากล่าวทักทายหวางซีหมิง

หวางซีหมิงพยักหน้า และไม่ได้กล่าวอะไร

แค่เพียงบริษัทเล็ก ๆ อย่างบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัดแค่นั้นเอง สามารถนั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกันกับเขาได้นับว่าเป็นเกียรติสำหรับอีกฝ่ายแล้ว

แต่เจิ้งจิ้นเผิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง ทำให้เขาต้องมองดูอีกที

“คุณชายหวาง” เจิ้งจิ้นเผิงทักทายหวางซีหมิงอย่างเรียบ ๆ

ท่าทีของเจิ้งจิ้นเผิงนั้น ไม่เหมือนกับมู่หรงฉางเฟิงและเกาจื่อหมิง การแสดงออกของเขานั้นมีมารยาทแต่ไม่ต่ำต้อย ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับบุคคลในระดับเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น

“คนตระกูลเจิ้งเหรอ? เหอะ ๆ ลูกหลานตระกูลนักสู้ โดดเด่นสะดุดตาจริง ๆ ด้วย”

เหนือการคาดหมายของมู่หรงฉางเฟิง หวางซีหมิงกลับยื่นมือออกมาจับมือทักทายกับเจิ้งจิ้นเผิง ท่าทีเช่นนี้ แตกต่างกับท่าทีที่ปฏิบัติต่อมู่หรงฉางเฟิงทั้งสองคนราวฟ้ากับดิน

“ตระกูลนักสู้?” มู่หรงฉางเฟิงนับว่ายังดี แต่เกาจื่อหมิงกลับมึนงงไปหมด ไม่รู้เลยสักนิดว่าตระกูลนักสู้ที่ว่านั่นหมายความว่ายังไง

เมื่อมู่หรงฉางเฟิงเห็นดังนั้นจึงได้อธิบายกับเกาจื่อหมิง: “ก็คือตระกูลที่สืบทอดศิลปะการต่อสู้สืบต่อกันมาอย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่ขาดสาย ในตระกูลมียอดฝีมือดำรงอยู่มาตลอด ตระกูลเช่นนี้ ถึงจะถูกเรียกว่าตระกูลนักสู้”

“นี่มัน……มีตระกูลแบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย?” เกาจื่อหมิงเหลือกตาโตขึ้นมาทันที สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นมาในสมองของเขาก็คือ ประสบการณ์ที่เขาได้เผชิญที่พม่าในตอนนั้น ราวกับฝันร้ายที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาเป็นฉาก ๆ ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน เขาทำความเคารพอย่างหวาดกลัว

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ตระกูลนักสู้ก็ไม่ได้สูงส่งอะไรหรอก” เจิ้งจิ้นเผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม:” ในกลุ่มพวกเรา ยังคงเป็นคุณชายหวางที่มีฐานะสูงส่งที่สุด”

เมื่อได้ยินเจิ้งจิ้นเผิงยกย่องตัวเองเช่นนี้ หวางซีหมิงเองก็ได้ยิ้มกล่าว: “คุณชายเจิ้งอย่าถ่อมตนขนาดนี้เลย ตระกูลเจิ้งแห่งมณฑลเจียงหนาน มีชื่อเสียงโด่งดัง มีฐานะที่ตระกูลธรรมดาไม่อาจเทียบได้”

โบราณว่าทำได้ดีไม่สู้เกิดมาดี หวางซีหมิงไม่ได้มีความโดดเด่นอะไร แต่ภูมิหลังตระกูลของเขา ก็เพียงพอที่จะบดขยี้เหล่าอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์กว่าเขาอย่างนับไม่ถ้วน

ตระกูลใหญ่ที่สูงส่ง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะได้รับการต้อนรับอย่างดี

จากสถานการณ์ตรงหน้า เกาจื่อหมิงก็ได้รับรู้สถานะของเจิ้งจิ้นเผิงเป็นที่เรียบร้อย เขาพลันรู้สึกเสียดายขึ้นมา เสียดายที่เมื่อก่อนไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเจิ้งจิ้นเผิง

ส่วนมู่หรงฉางเฝินนั้นกลับรู้เกี่ยวกับภูมิหลังตระกูลของเจิ้งจิ้นเผิงชัดเจนกว่า เลยไม่ได้มีท่าทีเสียมารยาทอย่างเกาจื่อหมิง

“คุณชายหวาง ผมจะบอกคุณให้ ตระกูลฉินเองก็มียอดฝีมือคอยคุ้มครองอยู่ ถ้าหากอีกเดี๋ยวคุยไม่ลงตัวละก็……”

จู่ ๆ มู่หรงฉางเฟิงก็เอ่ยขึ้นมา

“อ้อ? ยอดฝีมือเหรอ? ฝีมือสูงส่งแค่ไหนกันเชียว?” หวางซีหมิงยิ้มอย่างดูแคลน

“ยังไงซะ……ก็ร้ายกาจไม่เบาอยู่ คนธรรมดาทั่วไปเจ็ดแปดคนเข้าประชิดตัวไม่ได้”

มู่หรงฉางเฟิงลังเลเล็กน้อย ยังไม่ได้เอ่ยชื่อของหลี่ฝางออกมา เพียงแค่พูดอย่างคลุมเครือออกมาหนึ่งประโยค เขากังวลว่าเมื่อหวางซีหมิงทราบฝีมือที่แท้จริงของหลี่ฝางแล้วจะเกิดลังเลขึ้นมา สุดท้ายวางมือจากการโจมตีตระกูลฉิน

ถึงแม้เขาจะเชื่อมาแต่ไหนแต่ไรว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลหวางหลี่ฝางเป็นเพียงแค่น้องชาย แต่ตระกูลหวางเองก็ไม่ได้ยโสโอหังมากขนาดนั้น ทำอะไรยังไงก็ต้องคำนึงถึงผลได้ผลเสียบ้างล่ะ ถ้าหากเสียมากกว่าได้ เชื่อว่าพวกเขาคงไม่ทำอย่างแน่นอน

“คนธรรมดาทั่วไปเจ็ดแปดคน? ฮ่า ๆ ๆ ถ้ามันกล้าลงมือก็อย่าหวังว่าจะเดินออกไปจากโรงแรมแห่งนี้ได้เลย!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท