NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 946 หลี่ฝางปรากฏตัว

บทที่ 946 หลี่ฝางปรากฏตัว

หวังซีหมิงไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด เขาในฐานะคุณชายแห่งตระกูลหวาง เป็นธรรมดาที่บอดี้การ์ดข้างกายของเขาจะไม่ใช่ยอดฝีมือธรรมดาทั่วไป

มู่หรงฉางเฟิงพยักหน้า เขาชายตามองชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างกายของหวางซีหมิงอย่างอดไม่ได้

ชายคนนั้นนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ มาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ได้มีส่วนร่วมใด ๆ ในการสนทนาของพวกเขา

มีเพียงเมื่อกี้ตอนที่เขาพูดถึงเจ็ดแปดคน ชายคนนั้นถึงได้แสดงท่าทีเย้ยหยันออกมาเล็กน้อย ราวกับไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาเลยสักนิด

มู่หรงฉางเฟิงเข้าใจขึ้นมาทันที ชายวัยกลางคนคนนี้เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง เกรงว่าเขาคงจะเป็นความมั่นใจของหวางซีหมิงสินะ

ณ เวลานี้ ที่ด้านนอกของโรงแรมฟู่โชวก็ได้มีรถหรูคันหนึ่งค่อย ๆ ขับเข้ามาอีกครั้ง ทำให้พนักงานต้อนรับของโรงแรมอดไม่ได้ที่จะซุบซิบกัน: “มาอีกคันแล้ว มาด้วยกันกับสองคันก่อนหน้านั้นหรือเปล่า?”

“บุคคลระดับไหนกันแน่ที่มาที่โรงแรมของพวกเรา?”

หลังจากที่รถยนต์จอดลง ชายหญิงคู่หนึ่งก็ได้เดินลงมาจากรถ ผู้ชายเป็นชายชาวต่างชาติที่มีผมทองตาสีฟ้า ผู้หญิงนั้นสวยมาก หน้าตาดีสุด ๆ

“ยินดีต้อนรับ” พนักงานต้อนรับสองคนรีบเข้าไปต้อนรับ

กฎของโรงแรมฟู่โชว หากต้องการห้องส่วนตัว จะต้องจองเอาไว้ล่วงหน้าก่อน

“ห้องของมู่หรงฉางเฟิงอยู่ตรงไหน?” ฉินวี่เฟยกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

“ทางนี้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันพาไป” พนักงานต้อนรับหญิงคนหนึ่งรีบเดินนำฉินวี่เฟยทั้งสองคนขึ้นไปด้านบน

ประตูห้องเปิดออก ฉินวี่เฟยก็ได้มองเห็นคนที่อยู่ข้างใน

มู่หรงฉางเฟิงลุกยืนขึ้นมาเป็นคนแรก จากนั้นก็เอ่ยทักทายฉินวี่เฟย

หวางซีหมิงนั่งไม่ขยับ จ้องมองฉินวี่เฟยเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม

“นั่งเถอะ”

มู่หรงฉางเฟิงชี้ไปที่เก้าอี้ที่ยังว่างอยู่เพียงตัวเดียวนั่น สำหรับชายชาวต่างชาติที่ยืนอยู่ด้านข้างคนนั้น เขาไม่ได้ชายตามองเลยสักนิด

หลังจากที่ราฟาเอลได้มาถึงเมืองเอก ก็หลบซ่อนตัวมาโดยตลอด แทบไม่ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะเลย มู่หรงฉางเฟิงไม่รู้ถึงความน่ากลัวของชายคนนี้เลยสักนิด

“คุณชายมู่หรง คุณเรียกฉันมาวันนี้ หมายความว่ายังไง?”

ฉินวี่เฟยกวาดสายตามองผู้คนที่อยู่ในนี้ เมื่อเห็นสายตาที่หวางซีหมิงมองตัวเองอย่างโจ่งแจ้งนั่น ทำให้เธอขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินวี่เฟย มู่หรงฉางเฟิงกลับไม่ได้เอ่ยอะไร แต่เขาเพียงแค่ยิ้มอ่อน ๆ มองไปทางหวางซีหมิง

เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของฉินวี่เฟยก็ได้เยือกเย็นขึ้นมากกว่าเดิม

ในเวลานี้ หวางซีหมิงได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ : “เธอก็คือฉินวี่เฟยเหรอ? ฉันขอแนะนำตัวเองก่อนแล้วกัน ฉันชื่อหวางซีหมิง มาจากตระกูลหวางแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้”

เมื่อได้ยิน “ตระกูลหวางแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้” ชื่อนี้ สีหน้าของฉินวี่เฟยก็เปลี่ยนไปทันที ร่างกายของเธอสั่นสะท้านเล็กน้อย แม้แต่ราฟาเอลที่อยู่ด้านหลังเอง แววตาก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ชัดเจนว่าเขาเองก็รู้จักตระกูลหวางแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้

“คุณชายหวาง บุคคลแห่งตระกูลใหญ่ที่มีธุรกิจกว้างขวางอย่างคุณ ทำไมถึงได้มาสถานที่เล็ก ๆ แบบนี้ได้ล่ะ?” ชะงักไปสักพัก ฉินวี่เฟยพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองอ่อนโยนลงเล็กน้อย

“ฮ่า ๆ ๆ ……” เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของฉินวี่เฟย หวางซีหมิงก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ตั้งแต่เล็กจนโตผู้หญิงที่เขาถูกใจ ไม่ว่าเริ่มแรกจะมีท่าทีรังเกียจเขาแค่ไหน หลังจากที่รู้ฐานะของเขาแล้ว ก็เปลี่ยนจากยิ่งยโสเป็นเคารพนอบน้อมทันที ช่างตลกยิ่งนัก น้อยมากที่จะเกิดข้อยกเว้น สำหรับเขาแล้วมันถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมาก

“ฉินจื่อยี่เป็นพี่ชายของเธอใช่ไหม? มันกล้าแย่งธุรกิจกับฉัน กล้าไม่เบาเลยนี่” หวางซีหมิงชายตามองฉินวี่เฟย และยิ้มกล่าวอย่างประสงค์ร้าย: “เดิมทีฉันคิดจะโค่นตระกูลฉินของพวกเธอซะ ให้ไอ้สวะนั่นดูตระกูลของตัวเองต้องพบกับภัยพิบัติเพราะมันด้วยตาของมันเอง ค่อย ๆ ทรมานมันจนตาย แต่มันยังโชคดี ที่มีน้องสาวที่สวยอย่างเธอ”

“คุณหมายความว่ายังไง?” ใบหน้าของฉินวี่เฟยค่อย ๆ ซีดเซียวลง คนฉลาดอย่างเธอ จะต้องรู้ความหมายของหวางซีหมิงอย่างแน่นอน

“หมายความว่ายังไง? หึ ๆ” หวางซีหมิงหัวเราอย่างเยือกเย็น ทันใดนั้นก็ชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า แล้วหัวเราะอย่างสนุกสนานพลางกล่าว: “ใจเย็น ๆ เธอนั่งลงก่อน ค่อย ๆ พูดกัน”

ฉินวี่เฟยมองดูเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเธอเดี๋ยวหมองคล้ำ เดี๋ยวซีดขาว

เธออยากจะหันหลังเดินจากไป แต่เธอไม่กล้า เธอกลัวว่าถ้าเธอไปแล้ว ตระกูลฉินจะถูกล้มล้างในทันที

ตระกูลที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่อย่างตระกูลหวาง ต่อให้เป็นหลี่ฝาง ก็คงไม่อาจต่อกรได้สินะ?

ในขณะที่ฉินวี่เฟยแอบเสียใจเพียงคนเดียวอยู่ในภวังค์นั่นเอง เสียงที่คุ้นเคยก็ได้ดังขึ้นที่ข้างหู

“ไม่เป็นไร วี่เฟย นั่งเถอะ!”

หลี่ฝางปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายของฉินวี่เฟยอย่างองอาจ จากนั้นก็กดบ่าของเธอให้นั่งลงไปบนเก้าอี้

ตัวเองกลับเดินเข้าไปหาหวางซีหมิง แล้วยกหวางซีหมิงขึ้น แล้วตัวเองนั่งลงไปแทน

“แกแม่งเป็นใครวะ!” หวางซีหมิงโตขนาดนี้ ยังไม่เคยถูกคนจับยกขึ้นมาจากเก้าอี้มาก่อน เขาโกรธควันออกหูขึ้นมาทันที

“หลี่ หลี่ฝาง!” มู่หรงฉางเฟิงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ และสีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ในหัวของเขาจู่ ๆ ก็นึกถึง “บาดแผลภายในใจ” ที่หลี่ฝางและโหจื่อได้ให้ไว้ขึ้นมา

“มู่หรงฉางเฟิง ฉันไม่อยู่หลายวัน แกชักจะอุกอาจไปหน่อยนะ อาการบาดเจ็บหายดีแล้วเหรอ?” หลี่ฝางมองดูมู่หรงฉางเฟินเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มพลางกล่าว เขาพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่โดยไม่ปิดบังใด ๆ

เมื่อได้ยินดังนั้น มู่หรงฉางเฟิงหน้าแดงขึ้นมาทันที เต็มสิบมีความอับอายผสมอยู่สามส่วน และความโมโหอีกเจ็ดส่วน

สายตาของหลี่ฝางเคลื่อนไป และตกลงบนร่างของเกาจื่อหมิง แต่กลับไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หยุดยิ้มอยู่สักพัก กระแสอันเย็นยะเยือกในดวงตากลับทำให้เกาจื่อหมิงแข็งทื่อไปทั้งตัวอย่างฉับพลัน

แย่แล้ว ทำไมถึงเป็นดาวร้ายคนนี้ล่ะ!

ภาพเหตุการณ์ที่เมืองเฟิงซาปรากฏขึ้นมาในสมองของเกาจื่อหมิงอีกครั้ง ทำให้เข่าทั้งสองข้างของเขาอ่อนแรง จนต้องคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที

ภาพเหตุการณ์นี้เมื่อตกอยู่ในสายตาของคนอื่น ๆ ราวกับว่าหลี่ฝางเพียงแค่กวาดสายตามองไป ก็ทำให้เกาจื่อหมิงหวาดกลัวจนต้องคุกเข่าอ้อนวอน

“แม่ง! เกาจื่อหมิง แกเป็นบ้าอะไรวะ?” มู่หรงฉางเฟิงรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที

เขารู้ว่าสีหน้าของเขาในตอนนี้นั้นแทบดูไม่ได้ แต่นั่นก็เพราะเขารู้ความร้ายกาจของหลี่ฝาง คิดไม่ถึงว่าคนที่ตัวเองพึ่งรู้จักคนนี้จะไม่เอาไหนเช่นนี้ นี่มันคนประเภทไหนกันวะเนี่ย!

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท