NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่953 จ่ายให้ฉันสองล้าน

บทที่953 จ่ายให้ฉันสองล้าน

หลังจากที่เฉียงจื่อได้เดินจากไป จ้าวเฉิงก็ได้หันกลับไปคุยกับหวางซีหมิง: “น้องชาย ครั้งนี้ไม่ใช่ว่าฉันไม่ช่วยนาย แต่เพราะไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นจริง ๆ คนทำธุรกิจอย่างเราให้ความสำคัญกับคำว่าปรองดองก่อเกิดทรัพย์ การทำเงินเป็นถึงสิ่งสำคัญที่สุด ธุรกิจที่ขาดทุนอย่าทำเลยจะดีกว่า”

“เหอะ ๆ คุณไม่ต้องพูดแล้ว” หวางซีหมิงขัดจังหวะคำพูดของจ้าวเฉิงอย่างเย็นชา จากนั้นก็หมุนล้อเก้าอี้รถเข็นออกไปทันที

มองดูแผ่นหลังของหวางซีหมิงที่จากไปโดยไม่บอกกล่าว ไม่รู้ว่าทำไม จ้าวเฉิงรู้สึกว่าตัวเองได้ตกเป็นเป้าหมายของงูพิษตัวหนึ่งเข้าให้แล้ว เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว

หลายวันต่อมา ความร่วมมือกับบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น

นอกจากนี้ทุกคนยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เริ่มจากช่วงบ่ายของวันแรก ท่าทีที่จ้าวเฉิงมีต่อพวกเขานั้นก็ได้กระตือรือร้นขึ้นมาอีกขั้น

นอกจากนี้ฉินวี่เฟยยังพบว่า เฉียงจื่อที่ขับรถให้กับพวกเขาก็ไม่ได้มีท่าทางเย็นชาเหมือนตอนแรกแล้ว เขาให้การบริการอย่างกระตือรือร้นและรอบคอบ เคารพนอบน้อม พูดได้แม้กระทั่งว่า…… ประจบสอพลอ?

แน่นอน นี่เป็นเรื่องราวส่วนตัวระหว่างหลี่ฝางและเฉียงจื่อ เธอไม่รู้สาเหตุเลยแม้แต่นิดเดียว

การเจรจาค่อย ๆ ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด งานที่ตึงเครียดของทุกคนก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง ออกไปเดินเล่น ซื้อของ ชื่นชมทิวทัศน์ นับว่าเป็นการพักผ่อนหลังจากการทำงานแล้ว

และฉินวี่เฟยเองก็ได้ถือโอกาสนี้เที่ยวเล่นกับหลี่ฝางตลอดทั้งเช้า หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงเสร็จ หลี่ฝางก็ได้ส่งฉินวี่เฟยที่เที่ยวเล่นจนเหนื่อยกลับไปที่โรงแรม

หลังจากที่กลับมาถึงโรงแรม ฉินวี่เฟยก็ได้ขึ้นไปบนห้อง เฉียงจื่อคนขับรถขับกลับเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่สับสนแล้วกล่าว: “คุณหลี่ ตอนบ่ายผมมีธุระนิดหน่อย อาจจะมาขับรถให้คุณไม่ได้ คือว่า……”

“ไม่เป็นไรนายมีธุระก็ไปทำธุระของนายเถอะ ไม่มีคนขับรถก็ไม่ใช่ว่าฉันจะออกไปข้างนอกไม่ได้ซะหน่อย” หลี่ฝางโบกมือและกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

“ขอบคุณพี่หลี่” เฉียงจื่อขอบคุณหลี่ฝางเสร็จก็จากไปทันที

หลี่ฝางส่ายหัวแล้วเดินขึ้นไปบนห้อง เพียงแต่ว่าในตอนที่เขาเดินอยู่ข้างบน ก็ได้มองผ่านหน้าต่างกระจก เห็นชายแต่งตัวอย่างอันธพาลสามคน เดินมาหยุดที่ด้านหน้าของเฉียงจื่อ

บนถนนที่ไม่ค่อยจะคึกคักนัก เฉียงจื่อเดินตามอยู่ที่ด้านข้างของชายสามคนนั้น และเดินไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ดูจากบุคลิกของชายทั้งสามคนนั้นแล้ว ไม่มีใครที่ไม่โหดเหี้ยมดุร้ายเลยสักคน

“เฉียงจื่อคนนี้ คงไม่ได้ไปทำเรื่องชั่วช้ากับคนพวกนั้นอีกหรอกนะ?” หลี่ฝางพึมพำอยู่ในใจ ภายใต้การชักนำของความอยากรู้อยากเห็น หลี่ฝางก็ได้เดินลงไปข้างล่าง และเดินตามคนกลุ่มนั้นไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว

ก่อนที่จะลงมานั้น เขาก็ได้โทรบอกกับฉินวี่เฟยเรียบร้อยแล้ว พอดีกับที่ตอนเช้าฉินวี่เฟยได้เที่ยวเล่นจนเหนื่อย ตอนบ่ายอยากจะพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม เลยไม่ได้ตามออกมา

เขาเดินตามคนพวกนั้นอยู่ห่าง ๆ หลี่ฝางอาศัยการฟังที่ยอดเยี่ยมของเขา รับเอาบทสนทนาของคนเหล่านั้นเข้ามาในหู

“น้องชาย เรื่องในครั้งนี้ ต้องอาศัยนายแล้วนะ จัดการจ้าวหู่ได้สำเร็จ อาณาเขตในทางนี้ มีส่วนของนายอยู่”

“ลูกพี่ ผมได้ยินมาว่าครั้งนี้จ้าวหู่ได้เชิญแชมป์มวยใต้ดินมา ร้ายกายเอามาก ๆ พี่เฉียงจื่อพอจะมีความมั่นใจหรือเปล่า?” ลูกน้องคนหนึ่งเดินขึ้นมาและกระซิบเบา ๆ

“แชมป์มวยใต้ดินงั้นเหรอ?” เฉียงจื่อฉีกยิ้มอย่างเหยียดหยาม: “พูดยังกับใครไม่เคยแข่งแน่ะ”

เวทีมวยใต้ดินนั้น เฉียงจื่อเองก็เคยขึ้นชกมาก่อนตอนเป็นหนุ่ม และยังเคยสร้างชื่อเสียงมามากมายเพียงแค่ต่อมาเขามีทางเดินที่ดีกว่า เลยได้วางมือจากงานที่ใช้ชีวิตแลกเงินนี้ไป

“เยี่ยม วันนี้พวกเราชนะแน่แล้ว ไปกัน!”

คำพูดของเฉียงจื่อทำให้ชายฉกรรจ์มีความเชื่อมั่นขึ้นมาเป็นร้อยเท่า เขาไม่คิดเลยสักนิด ก็ได้พาทุกคนเดินไปทางสวนสาธารณะที่เงียบเชียบแห่งหนึ่ง

ส่วนหลี่ฝางก็ได้เดินตามอยู่ด้านหลัง และแอบเข้าไปอย่างเงียบ ๆ

ไม่นาน เขาก็ได้เห็นพวกเฉียงจื่อกำลังเผชิญหน้ากับคนอีกกลุ่มหนึ่ง

“ฮ่า ๆ เฮียจาง ฉันคิดว่าเฮียได้นี้ไปแล้วซะอีก”

“หนีงั้นเหรอ? จ้าวหู่ ในพจนานุกรมของฉันไม่มีคำว่าหนีคำนี้อยู่!”

เฮียจางแสยะยิ้ม มองไปทางพวกเจ้าหู่ และได้สังเกตเห็นชายฉกรรจ์ที่สูงราว ๆ สองเมตรคนนั้นทันที

ชายคนนี้รูปร่างสูงใหญ่กำยำ รัศมีอันทะนงองอาจแผ่ซ่านออกมาทั่วร่างของเขา เหมือนว่าจะเป็นแชมป์มวยคนนั้นสินะ

“ฉันต้องการอาณาเขตแห่งนี้ เฮียจาง ถ้าหากเฮียยังไม่อยากตายล่ะก็ ก็จากไปด้วยตัวเองเถอะ

นะ” เจ้าหู่เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่อ้อมค้อม

“ฮ่า ๆ ๆ นักเลงหัวไม้ตัวเล็ก ๆ ที่ไม่รู้ว่ามุดออกมาจากไหนยังแกยังกล้ามาอวดดีกับฉันอีกเหรอ?” ทันใดนั้นเฮียจางก็ได้หัวเราะเสียงดังขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน

“ดูเหมือนว่าเฮียจางจะไม่อยากให้เรื่องนี้จบด้วยดีซะแล้ว” จ้าวหู่ยิ้มอย่างโหดเหี้ยม และส่งสัญญาณให้กับชายฉกรรจ์ที่อยู่ข้าง ๆ

“ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกต่อไปแล้วลูก!” เฮียจางเองก็โบกมือ ตัวเองและทุกคนต่างก็ถอยออกไป เพื่อเว้นที่ว่างออกมาให้กับเฉียงจื่อ

“คุณหวาง ผมได้โอนเงินหนึ่งล้านให้คุณแล้ว รอจัดการเฮียจางเสร็จ ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งล้าน ผมจะรีบโอนให้คุณทันที”

จ้าวหู่กล่าวแชมป์มวยคนนั้นอย่างนอบน้อม

ส่วนหัวใจของเฮียจางนั้นก็ได้หนักหน่วงขึ้นมา บุคคลอย่างจ้าวหู่ กลับเคารพนอบน้อมคนคน

หนึ่งถึงขนาดนี้ เช่นนั้นคนคนนี้จะต้องไม่ง่ายแน่ ๆ

คิดแล้วคิดอีก เฮียจางก็ได้เอ่ยกับเฉียงจื่อ: “เฉียงจื่อ หลังจากที่งานสำเร็จฉันก็จะให้ค่าเหนื่อยนาย สองล้านเหมือนกัน นายวางใจเถอะ”

“ไม่ต้องหรอก เมื่อก่อนเท่าไหร่ ตอนนี้ผมก็ยังคงต้องการเท่านั้น”

เฉียงจื่อจ้องมองแชมป์มวยที่อยู่ตรงข้าม ในดวงตาทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

คนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามคนนั้นชื่อว่าหวางเฉิน เขาได้รับชัยชนะบนเวทีมวยใต้ดินติดต่อกันสามสิบเจ็ดครั้ง สถิติเช่นนี้พูดได้ว่าน่ากลัวไม่เบา

วินาทีต่อมา เงาร่างสองสายก็ได้พุ่งตัวออกไปทันที และเข้าพัวพันอยู่ด้วยกัน ทันใดนั้นเศษหญ้าก็ปลิวว่อนอยู่โดยรอบ

ถึงขนาดว่าพวกเฮียจาง มองดูการเคลื่อนไหวของเงาร่างสองสายนั้นเห็นได้เพียงเป็นเงาเลือนรางเท่านั้น

“น่าสนใจแฮะ!” เมื่อเห็นคนทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด ภายในใจของเฮียจางก็รู้สึกดีใจขึ้นมา เขารู้สึกเหมือนกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอก

ส่วนเหล่าลูกน้องที่อยู่โดยรอบนั้น ก็ร้องเชียร์ให้กับการต่อสู้ที่ดุเดือดเข้มข้นของคนทั้งสอง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน