NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่957 หยุดลูกกระสุน

บทที่957 หยุดลูกกระสุน

เจ้าสามจางมองท่าทีลูกน้องกลุ่มนี้ของตัวเองแล้ว ก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

“ดีมาก ตื่นตัวกันหน่อย ทำดีแล้ว เฮียติงจะมีรางวัลให้อย่างหนัก!”

ลูกน้องทุกคนต่างร้องไชโยขึ้นมาทันที ชายคนหนึ่งถือโอกาสเอ่ยถาม: “พี่สาม ไอ้หมอนั่นเป็นใครมาจากไหน แค่ต่อกรกับมันเพียงคนเดียว จำเป็นต้องตั้งค่ายใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?”

คนอื่น ๆ ต่างก็อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที เพราะถึงยังไงอยู่ที่นี่พวกเขามีกันเป็นร้อยคน ตอนที่พวกเขาถูกเรียกมารวมตัวกันในตอนแรก พวกเขายังคิดว่าจะต้องต่อสู้กับคนกลุ่มใหญ่ คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่จะต้องต่อสู้กับชายหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้นเอง

“เฮียติงได้พูดแล้ว อย่ามองคนคนนั้นต่ำจนเกินไป” เจ้าสามจางกล่าวอย่างจริงจัง: “คนคนนั้นเป็นยอดฝีมือ”

เขาติดตามเฮียติงมาเป็นเวลานาน และได้เคยเห็นมาแล้วว่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งนั้นร้ายกาจเพียงใด

“ยอดฝีมือเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำคำนี้ ทุกคนต่างก็หัวเราะขึ้นมา ตงจื่อ ยิ่งกล่าวขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม: “ยอดฝีมือร้ายกาจมากเหรอ? ต่อให้เขาร้ายกาจแค่ไหน? สามารถหยุดลูกกระสุนไว้ได้ไหมล่ะ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของ ตงจื่อ ทุกคนยิ่งยิ้มอย่างเชื่อมั่นขึ้นมากกว่าเดิม ลูบคลำกระบอกปืนที่อยู่บริเวณเอว แต่ละคนต่างหัวเราะขึ้นมาอย่างแปลก ๆ

“อีกเดี๋ยวเมื่อไอ้หมอนั่นมาถึง ทุกคนลั่นไกลปืนพร้อมกัน ยิงให้ไอ้หมอนั่นพรุนเป็นรูตะแกรงไปเลย”

ในตอนที่ลูกน้องทุกคนกำลังคุยโม้อยู่ไม่หยุดนั่นเอง ลูกน้องคนหนึ่งก็ได้วิ่งเข้ามาจากด้านนอก และเข้าไปรายงานกับเจ้าสามจาง: “พี่สาม ไอ้หมอนั่นมาแล้ว”

ตอนที่รถแท็กซี่จอดลง แววตาของคนขับก็ได้ตะลึงงันไปเป็นที่เรียบร้อย

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับสถานการณ์เช่นนี้ เหล่าอันธพาลหน้าตาโหดเหี้ยมกลุ่มใหญ่ อีกทั้งในมือยังถือชะแลง ประแจมือเอาไว้ หน้าตาท่าทางดุร้ายจ้องมองมาทางนี้

เดิมทีชายคนขับแท็กซี่คิดว่าครั้งนี้เป็นธุรกิจครั้งใหญ่ ถึงได้ยินดีพาหลี่ฝางขับมาไกลขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าไม่เพียงเป็นธุรกิจครั้งใหญ่ ทั้งยังเป็นธุรกิจที่อาจจะต้องแลกด้วยชีวิต

“เอ่อคือ น้องชาย……” เดิมทีคนขับคิดจะดิ้นรนสักหน่อย ดูว่าพอจะเรียกเงินมาชดใช้ความเสียหายในครั้งนี้ได้หรือไม่

คิดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะเอ่ยปากขึ้นมา ก็มีอันธพาลคนหนึ่งใช้ประแจมือเคาะที่กระโปรงรถของเขา และตวาดขึ้นมา: “ยังไม่รีบใส่หัวไปอีก!”

เมื่อถูกอันธพาลคนนั้นข่มขู่เช่นนี้ คนขับรถก๊อกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาทันที เขาไม่คิดเลยสักนิด เปิดประตูรถออกแล้วส่งหลี่ฝางลงจากรถ จากนั้นก็เหยียบคันเร่ง และขับออกไปทันที

“เฮ้อ” หลี่ฝางทอดถอนใจอยู่ภายในใจ เขาไม่ได้ตั้งใจจะไม่จ่ายเงินสักหน่อย

ไม่ได้สนใจพวกอันธพาลที่จ้องมองเขาด้วยสายตาดุร้ายที่ยืนอยู่ทั้งสองข้างเลยสักนิด หลี่ฝางก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน

แน่นอนว่าคนพวกนี้จะไม่ยอมให้หลี่ฝางเข้าไปง่าย ๆ แบบนี้แน่นอน ตลอดทาง หลี่ฝางเงียบสงบไม่ได้เอ่ยอะไร คนพวกนี้ก็ได้เริ่มด่าว่าขึ้นมาด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

“ลูกพี่ให้พวกเรามากันเยอะแบบนี้ก็เพื่อต่อกรกับไอ้เศษสวะคนนี้งั้นเหรอ?”

“ฉันว่านะ อีกเดี๋ยวแกอย่าฉี่ราดแล้วกัน”

“ไอ้หมอนี่หน้าตาดีไม่เบาเลยนี่ แต่ก็ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นยังไงบ้าง”

คำพูดก่อนหน้านั้นหลี่ฝางทำเป็นไม่ได้ยิน แต่พอฟังจนถึงตรงนี้ ฝีเท้าของหลี่ฝางก็ได้หยุดลง

เขาหันไปมองชายกล้ามโตที่พูดคำนี้ออกมาเมื่อสักครู่ หลี่ฝางยิ้มเยาะ: “แกอยากรู้เหรอ?”

ชายกล้ามโตชะงักงันไปก่อนเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะแฮ่ ๆ ขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์: “ไอ้หนุ่ม อย่าอวดดีไป อีกเดี๋ยวจะให้แกได้ลองชิมความร้ายกาจของปู่ดู……”

ยังไม่ทันได้พูดจบ เท้าข้างหนึ่งก็ได้เตะเข้าไปที่ท้องของเขาอย่างแรง

เสียงอู้อี้ดังขึ้นหนึ่งครั้ง ร่างสูงใหญ่เกือบเมตรเก้าสิบของชายฉกรรจ์คนนั้นก็ได้ถูกเตะจนลอยออกไป และกระแทกเข้ากับผนังที่อยู่ห่างออกไปอย่างแรง ทำให้เกิดเสียงดังโครมครามขึ้นมาทันที

ชายฉกรรจ์คนนั้นตกจากผนังลงสู่พื้น ทันใดนั้น บนผนังก็ได้ปรากฏรอยร่างคนพร้อมกับเลือดขึ้นมา

เมื่อเห็นภาพสถานการณ์เช่นนี้ ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบไปทันที เสียงด่าว่าเหยียดหยามในเมื่อก่อนก็ได้เงียบไป

คนพวกนี้คิดไม่ถึงว่า จะมีคนแบบนี้อยู่บนโลกใบนี้ ที่สามารถเตะคนที่มีร่างกายสูงใหญ่ลอยออกไปไกลขนาดนี้ได้ในครั้งเดียว แถมยังมีสภาพที่อนาถาเช่นนี้

ชายฉกรรจ์คนนั้นยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่ คนพวกนี้ต่างก็ไม่กล้าเข้าไปตรวจดู

ทุกคนที่ถูกทำให้ตกใจ จิตใต้สำนึกทำให้พวกเขาต้องแสวงหาสิ่งที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย จากนั้นจึงได้คลำไปโดนปืนที่เหน็บอยู่บนเอว

ดังนั้นจึงได้มีคนคว้าปืนออกมาเป็นคนแรก

คนอื่น ๆ เห็นว่ายังไงซะก็มีคนควักปืนออกมาแล้ว จึงไม่ได้เกรงใจอีกต่อไป และต่างก็นำปืนออกมาถือไว้ในมือเหมือนกันภายในใจของพวกเขารู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย

ต่อให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้จะร้ายกาจแค่ไหนยังจะร้ายกาจกว่าปืนอีกงั้นเหรอ? นี่คือสิ่งที่คนเหล่านั้นคิดอยู่ในใจ

“ไอ้หนุ่ม แกร้ายกาจมากเหรอ?” เจ้าสามจางแสยะยิ้มเดินออกมา เขาใช้ปืนเล็งมาที่หลี่ฝางแต่ไกล

ยังไงซะพี่ใหญ่ที่อยู่ข้างบนก็ได้บอกว่า ขอเพียงแค่สามารถฆ่าหลี่ฝางได้ ก็นับว่าว่าเรื่องนี้เขาทำได้สวย พอสำเร็จลูกพี่ด้านบนจะมีรางวัลให้อย่างหนัก เงินรางวัลที่เขาได้รับนั้นอาจจะมากพอให้เขาเกษียณได้เลยทีเดียว และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างสบาย ๆ

สำหรับฉินวี่เฟยที่ถูกพวกเขาจับตัวมา เขาไม่กล้าจะแตะต้องหรอกนะ ถ้าทำให้เธอบาดเจ็บโดยไม่ระวัง เกรงว่าหัวของเขาคงต้องย้ายที่อยู่แน่นอน

ในเวลานี้ฉินวี่เฟยเองก็ได้มองเห็นเงาร่างของดีฟาง น้ำตาของเธอไหลออกมาทันที

ถึงแม้เธอจะรู้ว่าหลี่ฝางร้ายกาจมาก แต่กลับไม่รู้ว่าที่จริงแล้วหลี่ฝางร้ายกาจถึงเพียงใด แต่ในความคิดของเธอแล้ว คนคนหนึ่งถึงจะร้ายกาจเพียงใด ก็คงไม่มีทางที่จะหยุดลูกกระสุนเยอะขนาดนั้นเอาไว้ได้สินะ?

หลี่ฝางเองก็ได้รับรู้ถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของฉินวี่เฟย จึงได้ส่งยิ้มให้กับฉินวี่เฟย เป็นเชิงบอกให้เธอไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง

ของอย่างปืนน่ะนะ เข้าได้พบเจอมาบ่อยครั้งแล้ว แม้แต่ปืนสไนเปอร์เขาก็ยังเคยเผชิญหน้ามาแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะสามารถทำอะไรเขาได้เลย

แต่ว่าเขาก็ยังรู้สึกตกใจอยู่บ้าง คนพวกนี้แม้กระทั่งปืนยังหามาได้

เพราะถึงยังไงสถานที่อย่างเมืองเซี่ยงไฮ้ ไม่ใช่ว่าจะหาปืนมาได้ง่าย ๆ แบบนี้หรอกนะ โดยเฉพาะปืนเป็นสิบกระบอกแบบนี้

อย่างน้อยเฮียติงที่ว่าคงทำแบบนี้ไม่ได้ เช่นนั้นที่เบื้องหลังของเฮียติงจะต้องยังมีคนอยู่อีกอย่างแน่นอน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท