NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่959 มาตามหาคนที่บาร์

บทที่959 มาตามหาคนที่บาร์

“ลงมือ ลงมือพร้อมกัน ฆ่ามันให้ตาย!” เจ้าสามจางหันไปตวาดกับลูกน้องของตัวเองด้วยความโมโห ฝากความหวังไว้ว่าพวกเขาจะสามารถบุกเข้าไปหยุดหลี่ฝางเอาไว้ เพื่อให้เขาพอได้มีเวลาหลบหนีไป

เขารู้ดี วันนี้หลี่ฝางไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ ถ้าหากหยุดหลี่ฝางเอาไว้ไม่ได้ วันนี้เขาต้องตายอย่างแน่นอน

ส่วนลูกน้องของเจ้าสามจางหลังจากได้ยินที่เขาพูด กลับไม่มีใครที่บุกเข้าไปเลยสักคน ในทางกลับกันต่างก็ได้ก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย

ไม่มีใครเป็นคนโง่ เผชิญหน้ากับคนวิปริตน่าหวาดกลัวที่แม้แต่ลูกปืนก็ทำอะไรไม่ได้อย่างหลี่ฝาง ยังจะกล้าเอาชีวิตเข้าไปทิ้ง

ไม่นาน เจ้าสามจางก็ได้พบว่า ลูกน้องของตัวเองต่างก็หลบอยู่ด้านหลังของเขา พยายามอยู่ให้ห่างจากตรงนี้เอาไว้ มีบางคนถึงขั้นเตรียมที่จะหลบหนีเลยด้วยซ้ำ

ความหวาดกลัวบวกกับความโมโห ในที่สุดเจ้าสามจางก็ไม่ได้สนใจคำสั่งอะไรนั่นของเฮียติงอีกต่อไป เขายกปืนขึ้นและเล็งไปที่ฉินวี่เฟยทันที

ถ้าหากหนีไปจากที่นี่ไม่ได้ เขาก็จะต้องตายในอีกไม่นาน แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปนึกถึงเรื่องของอนาคต

“อย่าขยับนะ ถ้าแกดินเข้ามาอีกก้าว ฉันจะฆ่าเธอซะ!”

เจ้าสามจางตะโกนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง: “ไม่เชื่อก็ลองดูสิว่าแกจะเร็วกว่า หรือปืนของฉันเร็วกว่ากันแน่!”

เจ้าสามจางคิดว่า ต่อให้หลี่ฝางสามารถหยุดลูกปืนได้ ฉินวี่เฟยก็คงหยุดไว้ไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นละก็ก็คงไม่โดนพวกเขาจับตัวมาที่นี่

ส่วนหลี่ฝางที่เต็มใจมาเสี่ยงอันตรายถึงที่นี่เพื่อฉินวี่เฟย ก็จะต้องไม่ยินดีที่จะเห็นฉินวี่เฟยได้รับบาดเจ็บเป็นแน่

แต่ทว่าหลี่ฝางที่อยู่ตรงข้ามกับเขานั้น ในเวลานี้จู่ ๆ ก็ได้ยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา

รอยยิ้มที่เย็นชาเช่นนั้น เพียงพอที่จะทำให้วิญญาณของผู้คนแข็งทื่อเป็นก้อนน้ำแข็ง เป็นรอยยิ้มที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

รัศมีอันน่าเกรงขามสายหนึ่ง ได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณในวินาทีนี้ ให้ทุกคนตกลงสู่เหวแห่งความเป็นตายที่ไร้ขอบเขต

และนั่นเป็นรัศมีแห่งความอาฆาตที่หลี่ฝางได้ปล่อยออกมา

รัศมีของปรมาจารย์กำลังภายใน มากพอที่จะให้ทุกคนเกิดภาพลวงตาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรัศมีของปรมาจารย์แดนเตา และนั่นก็คือ ไออาฆาตที่น่าสะพรึงกลัวที่เกิดจากความโมโหของหลี่ฝางในเวลานี้นั่นเอง

มังกรมีเกล็ด ใครแต่เป็นต้องตาย และฉินวี่เฟยก็คือเกล็ดมังกรของหลี่ฝาง ในตอนนั้นหวางซีหมิงก็ได้เคยพิสูจน์มาแล้ว เจ้าสามจางในตอนนี้ ยังต้องการที่จะพิสูจน์อีกครั้ง

ภายใต้รัศมีความน่าสะพรึงกลัวที่หาที่เปรียบไม่ได้เช่นนี้ คนธรรมดาไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะต่อต้าน

ทันใดนั้นเอง ดวงตาทั้งสองข้างของเจ้าสามจางก็ได้สูญเสียสีสันไป เขาล้มหงายหลัง ลงไปกองบนพื้นทันที และได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไป

ทุกคนที่อยู่ภายในโรงงานแห่งนี้ ต่างตกอยู่ในการครอบงำของรัศมีอันทรงพลังนี้ คนทั้งหมดสูญเสียพลังในการรับรู้ไปทันที ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ขยับเขยื้อน

มีเพียงฉินวี่เฟยที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอมองทั้งหมดนี่อยู่ตรงนั้นอย่างโง่ ๆ เธอได้มึนงงไปหมดแล้ว

พวกอันธพาลที่ก่อนหน้านี้มีท่าทีโหดเหี้ยมดุร้ายพวกนั้น ตอนนี้กลับเหมือนได้โดนวิชาอาคมที่ทำให้ขยับไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น ทั้งหมดได้กลายเป็นรูปปั้น ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น สถานการณ์เช่นนี้ ช่างน่าสยองขวัญยิ่งนัก

เมื่อก่อน เธอรู้เพียงเลือนรางว่าหลี่ฝางนั้นแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนถึงขั้นที่สี่ตระกูลใหญ่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้อีก

แต่พอมาถึงวันนี้ เธอถึงเข้าใจ ความแข็งแกร่งของหลี่ฝางนั้นเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้

หลี่ฝางยิ้มเล็กน้อย และยื่นมือออกมาแก้เชือกที่มัดฉินวี่เฟยไว้ออก และพาฉินวี่เฟยไปจากที่นี่ เขากล่าวติดตลก: “นี่พวกเขากำลังกราบบูชาผมอยู่เหรอ?”

เมื่อสิ้นสุดคำพูดลง ผู้คนทั้งหมดที่ยืนอยู่ตรงนั้น ต่างก็ได้คุกเข่าลงไปบนพื้นทันที

ปรากฏการณ์ในเวลานี้ ทำให้ฉินวี่เฟยมึนงงไปโดยสิ้นเชิง

หลี่ฝางเพิ่งจะพาฉินวี่เฟยเดินออกมาจากโรงงาน ก็ได้รับสายโทรเข้าจากหลิวฮุย

“ฮัลโหล! หลี่ฝางเหรอ? นายอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้เหรอ? ได้ยินว่านายได้เจอปัญหาเข้าใช่ไหม?”

ทันใดนั้นเสียงที่รีบร้อนของหลิวฮุยก็ได้ดังขึ้น

ตั้งแต่ตอนที่หลี่ฝางกลับมาจากบ้านตระกูลชิว ต้าเซี่ยหลงเช่วก็ได้เพิ่งรับความสนใจที่ที่มีต่อหลี่ฝางขึ้นอย่างลับ ๆ และได้ยกระดับความสำคัญของหลี่ฝางขึ้นไปอีกหลายขั้น

ดังนั้นเรื่องของหลี่ฝาง ก็ได้ถูกคนของต้าเซี่ยหลงเช่วสืบรู้โดยทันที จากนั้นก็ได้รายงานให้กับหลิวฮุยที่พึ่งกลับมาจากนอกพื้นที่

ส่วนหลิวฮุยเมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องของหลี่ฝาง ก็ไม่กล้าชักช้า จึงได้รีบติดต่อหลี่ฝางทันที

“หลี่ฝาง ใจเย็น ๆ นะ เรื่องนี้ฉันจะต้องให้คำตอบกับนายอย่างแน่นอน ยังไงก็อย่าก่อเรื่องที่เมืองเซี่ยงไฮ้เด็ดขาด ได้ไหม?” หลิวฮุยเกลี้ยกล่อมอย่างรีบร้อน เกรงว่าลีฟังจะไม่สนใจอะไร และก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา ทำให้เมืองเซี่ยงไฮ้เกิดความโกลาหลอลหม่าน

เพราะหลี่ฝางคนที่เขารู้จักนั้น ไม่ใช่คนที่จะมีนิสัยดีอะไร คนอื่นทำร้ายเขา เขาจะไม่ตอบโต้กลับได้ยังไง เรื่องแบบนี้ แม้แต่หลิวฮุยเองยังทำไม่ได้เลย

ดังนั้นเขาถึงต้องมาเกลี้ยกล่อมหลี่ฝางให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนั้นก็แอบด่าพวกคนที่มาหาเรื่องหลี่ฝางอยู่ใน ใจหาเรื่องใครไม่ไปหาเรื่อง ทำไมต้องมาหาเรื่องดาวร้ายคนนี้ด้วย

คิดว่าตัวเองมีชีวิตอยู่นานเกินไปหรือยังไง หรือว่าชีวิตเล็ก ๆ ของตัวเองนั้นสุขสบายเกินไป?

หลิวฮุยไม่กล้าจินตนาการเลยว่า อยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ ถ้าหากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ผลที่ตามมาจะหนักหนาสาหัสเพียงใด คนข้างบน ต้องโกรธขนาดไหน

อย่างน้อยหลิวฮุยก็ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการถูกปลดจากตำแหน่งเลย เกรงว่าคงไม่ต่างอะไรนัก

สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้ ก็คือรอคำตอบจากหลี่ฝาง หวังว่าหลี่ฝางจะยังไม่ทันได้มีการเคลื่อนไหว และสามารถเห็นแก่หน้าของเขา

ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ เขาก็คงทำได้เพียงยกผู้อาวุโสออกมาแล้ว

“พอเถอะน่า มาจัดการล้างพื้นเถอะ” หลี่ฝางฟังหลิวฮุยกล่าวอยู่ครึ่งค่อนวัน จึงได้กล่าวขึ้นมาอย่างรำคาญเล็กน้อย

หลิวฮุยหัวใจหนักอึ้ง เขากลัวคำว่าล้างพื้นคำนี้ขึ้นมาโดยสัญชาตญาณทันที

หรือว่าหลี่ฝางจะฆ่าจนเลือดเต็มพื้นไปหมดแล้ว?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท