NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่960 สำนักหยิ่งซาลงมืออีกครั้ง

บทที่960 สำนักหยิ่งซาลงมืออีกครั้ง

หลี่ฝางกล่าวอธิบาย: “ผมได้ฆ่ากี่คนหรอก ส่วนมากก็แค่สลบไป คุณมาเอาพวกมันกลับไปจัดการเถอะ”

“ได้ ฉันจะรีบไปทันที” หลิวฮุยโล่งอกขึ้นมา

“อ้อใช่แล้ว ยังมีเฮียติงคนนั้น มันต้องตาย” หลี่ฝางกล่าวเสริมขึ้นมา ถึงแม้ว่าหลิวฮุยจะตกลงหรือไม่นั้นเขาก็ยังคงต้องลงมืออยู่ดี ที่พูดแบบนี้ ก็เพื่อบอกให้หลิวฮุยรับรู้เท่านั้นเอง

“แล้วแต่นาย พวกเราเองก็อยากจัดการเฮียติงอะไรนั่นมานานแล้ว เพียงแค่ยังไม่มีโอกาสแค่นั้นเอง ถ้าหากนายต้องการล่ะก็ พวกเราสามารถช่วยเหลือนายได้

คำตอบของหลิวฮุยนั้นเกินความคาดหมายของหลี่ฝางมาก และทำให้สีหน้าท่าทีของหลี่ฝางเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา

“ไม่ต้องให้พวกคุณยื่นมือเข้ามาหรอก แค่ให้ข้อมูลของเฮียติงกับผมมาก็พอ” หลี่ฝางไม่คิดที่จะให้ต้าเซี่ยหลงเช่วเข้ามาแทรกแซง

“ไม่มีปัญหา อีกไม่นานเอกสารจะถูกส่งไปให้นาย ฉันมีข้อเรียกร้องเพียงข้อเดียว อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา”

“สบายใจได้” หลี่ฝางรับปาก

……

เฮียติงในเวลานี้กำลังเข็นหวงซีหมิงไปบนถนนอย่างรวดเร็ว

“เฮียติง พวกเรากำลังจะไปที่ไหนกันเหรอ?” หวางซีหมิงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

เดิมทีเขานั่งรอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน จู่ ๆ เฮียติงก็ได้มาหา บอกว่ามีเรื่องจะหารือด้วย จึงได้พาเขาออกมา

“ไอ้หมอนั่นถูกพวกเราจับตัวได้แล้วครับ นายน้อย” เฮียติงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากเบา ๆ ท่าทางบนใบหน้าเหมือนกับว่าจะตื่นเต้นเล็กน้อย: “ผมจะพาคุณไปดูว่าจะจัดการกับมันยังไงดี”

“อะไรนะ? จับได้แล้วจริง ๆ เหรอ?” ทันใดนั้นหวางซีหมิงก็ได้ดีใจขึ้นมากกว่าที่คิดไว้ ในหัวของเขาได้ปรากฏภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองทุกข์ทรมานหลี่ฝางขึ้นมาแล้วเรียบร้อย

ให้เฮียติงไปจัดการหลี่ฝาง ทั้งยังช่วยเฮียติงหาปืนมา แน่นอนว่าเป็นหวางซีหมิงนั่นเอง

ความโกรธแค้นที่เขามีหลี่ฝางนั้น ได้เข้ากระดูกดำไปนานแล้ว ดังนั้นถึงได้ติดต่อเฮียติงไป ถึงแม้จะต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงแบบไหน ยังไงก็ต้องจัดการหลี่ฝางให้ได้

ไม่นาน ทั้งสองคนก็ได้มาถึงบาร์แห่งหนึ่ง

เมื่อเห็นที่นี่ยังคงมีผู้คนคึกคักมากมาย หวางซีหมิงก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย: “ทำไมที่นี่คนยังเยอะแบบนี้อยู่อีกล่ะ?”

เฮียติงกล่าวขึ้นมา: “นายน้อยอย่าพึ่งใจร้อนไป อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง”

กล่าวไป เฮียติงก็ได้เข็นรถเข็นพาหวางซีหมิงเข้าไปที่ห้องห้องหนึ่งในบาร์แห่งนั้น เขาเปิดประตูบานหนึ่งออก และเข็นหวางซีหมิงไปโดยไม่ลังเล

“ที่แท้ที่นี่ยังมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วยเหรอนี่!” ดวงตาคู่นั้นของหวางซีหมิงเป็นประกายขึ้นมา เขาลูบมือถูกำปั้นของตัวเอง ทนรอไม่ไหวที่จะได้เห็นสภาพอันอนาถาของหลี่แล้ว

ไม่นาน ทั้งสองคนก็ได้มาถึงห้องใต้ดินแห่งหนึ่ง หวางซีหมิงกลับพบว่าข้างในนั้นไม่ได้มีคนที่ตัวเองอยากจะพบอยู่เลย ในทางกลับกันสภาพแวดล้อมที่อึดอัดและมืดมนของที่นี่ ทำให้หวางซีหมิงรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาภายในใจ

“เฮียคิดจะทำอะไร?” หวางซีหมิงกระซิบถามอย่างอดไม่ได้

ที่นี่คือเมืองเซี่ยงไฮ้นะ หรือว่ามีคนกล้าที่จะลงมือกับคนตระกูลหวงงั้นเหรอ?

แต่ทว่าหวางซีหมิงยังคงเดาผิดเหมือนเดิม เห็นเพียงชาวต่างชาติผมสีทองตาสีฟ้าสองสามคนเดินออกมาจากห้องใต้ดิน และยิ้มอย่างเย็นชาให้กับหวางซีหมิง จากนั้นบริเวณลำคอของหวางซีหมิงก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา ราวกับว่าได้ถูกอะไรบางอย่างแทงเข้าไป

“เหอะ ๆ นายหลับให้สบายก่อนเถอะ ตื่นขึ้นมาก็จะได้เจอกับศัตรูของนายแล้ว”

หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้จบไป สติสัมปชัญญะของหวางซีหมิงก็ได้เข้าสู่ความมืดมนทันที

ในตอนที่หลี่ฝางก้าวเท้าเข้ามาที่บาร์แห่งนี้ บริเวณโดยรอบยังคงมีชายหนุ่มหญิงสาววัยรุ่น โยกย้ายส่ายสะโพกตามอำเภอใจอยู่เหมือนเดิม

สภาพแวดล้อมที่วุ่นวายเช่นนี้ ทำให้หลี่ฝางขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

จากนั้นเขาก็พบว่า หญิงสาวหน้าตาดีที่คะแนนเต็มสิบสามารถให้สักเจ็ดแปดคะแนนคนหนึ่งได้เดินเข้ามา

“มาคนเดียวเหรอคะ สุดหล่อ?” หญิงสาวหน้าตาดีเดินตรงเข้ามา จากนั้นก็เอามือมาจับที่ไหล่ของหลี่ฝางอย่างใจกล้า แล้วส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้กับหลี่ฝาง

หลี่ฝางไม่ใช่ผู้ชายอ่อนหัด เขาที่มีประสบการณ์มากมายได้มองความประหม่าของหญิงสาวหน้าตาดีออกทันที ท่าทางที่เธอเข้ามาทักทายนั้นมันดูห่างเหินเกินไป ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่มาที่นี่บ่อยนัก

“ใช่” หลี่ฝางยิ้มเล็กน้อย หางตาของเขาเหลือบไปเห็นชายฉกรรจ์หน้าตาโหดเหี้ยมที่กำลังเดินมาทางนี้

“งั้นฉันดื่มกับคุณสักแก้วดีไหม?” หญิงสาวหน้าตาดีขยับเข้ามาเล็กน้อย จากนั้นก็เป่าลมหายใจที่ข้างหูของหลี่ฝาง เบา ๆ : “คุณคงไม่ใจร้ายปฏิเสธฉันหรอกใช่ไหมล่ะ?”

ในเวลานี้เองชายฉกรรจ์ใบหน้าดุร้ายคนนั้นก็ได้เดินเข้ามา และตบมือข้างหนึ่งลงไปบนโต๊ะ พลางตวาดกล่าว: “สาวน้อย ยังไม่ได้ดื่มเลย ทำไมถึงหนีมาดื้อ ๆ อย่างนี้ล่ะ?”

หญิงสาวหน้าตาดีคนนั้นมองชายฉกรรจ์อย่างหวาดกลัว และกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรน: “อย่าเข้ามานะ นี่คือแฟนของฉัน!”

“แฟนแล้วยังไงล่ะ” ชายฉกรรจ์ไม่ได้เห็นหลี่ฝางอยู่ในสายตาเลยสักนิด: “ให้เธอดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฉัน รีบดื่มเหล้าแก้วนี้ซะแล้วค่อยพูด”

ผู้คนที่อยู่โดยรอบเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา

“แม่งเอ๊ย ไอ้สาระเลวนั่นอีกแล้ว ทำให้บรรยากาศของที่นี่หมุนหมองไปหมด”

“เหอะ ๆ ถ้านายมีความสามารถพอนายก็ไปเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามสิ ไม่เห็นเหรอว่าผู้ชายที่อยู่ข้างกายของผู้หญิงคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรเลยสักคำ?”

“เฮ้อ ไอ้หมอนั่นไม่กลัวแม้กระทั่งตำรวจ พวกเราจะทำอะไรมันได้ล่ะ”

“สาวน้อยคนนั้นก็ไร้เดียงสาเอาซะเลยจริง ๆ คิดว่าแค่หาใครสักคนก็จะผ่านเรื่องนี้ไปได้แล้วงั้นเหรอ? มาเที่ยวในสถานที่แบบนี้ ก็น่าจะเตรียมตัวมาบ้าง”

“จุ๊ ๆ ไอ้หนุ่มนั่นตกใจกลัวจนเอ๋อไปหรือเปล่า? ทำไมถึงไม่ขยับเลยล่ะ?”

ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ประโยคแล้วประโยคเล่า ชายฉกรรจ์คนนั้นยิ่งได้ใจขึ้นมาใหญ่ เขายื่นมือเตรียมที่จะไปจับหญิงสาวหน้าตาดีคนนั้น พลางชำเลืองมองหลี่ฝาง อยากจะดูซิว่าหลี่ฝางจะมีปฏิกิริยายังไง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน