NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 981 ถึงขึ้นโดนจับแล้ว

บทที่ 981 ถึงขึ้นโดนจับแล้ว

หลี่ฝางถอนหายใจ ขณะที่กำลังจะกลับไปที่เครื่องบิน คิดหาวิธีอื่นๆ แต่เมื่อเขาหันตัว จู่ๆ ก็เดินเซ จนล้มลงไปกองกับพื้น

ต่อมา ทัศนวิสัยของเขาก็พร่ามัวขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น?” ความคิดดังกล่าวแวบเข้ามาในหัวของหลี่ฝาง และแรงในร่างกายของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นานก็มีเงาร่างของคนหลายคนเข้ามาล้อมเขา และพูดพร่ำด้วยภาษาที่หลี่ฝางไม่เข้าใจ

ในตอนนี้ถึงแม้หลี่ฝางจะมีสติคิดได้ แต่ว่ามองอะไรเบลอๆ ร่างกายไม่มีแรงสักนิดเลย ทำได้แค่ทำตามที่อีกฝ่ายจัดการ

หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่า ตนถูกมัดเอาไว้ ให้คนอุ้มไปไม่รู้ว่าเดินไปที่ไหน

และก็ไม่รู้ว่าเดินมานานเท่าไหร่แล้ว สายตามองเห็นเรือนบางหลังอย่างรางๆ มีทั้งกลิ่นควันและกลิ่นหอมของอาหาร

หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกสึกว่าร่างกายหนักๆ ถูกคนโยนเข้าไปในสักที่นึง ราวกับว่าข้างกายยังมีอยู่อีกหนึ่งคน ซุกตัวอยู่ที่มุมไม่กระดิกเลย ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

หลี่ฝางก็ยังคงไม่สามารถขยับได้ ทำได้แค่จ้องอย่างหมดหนทางอยู่ครู่ ร่างกายถึงค่อยๆ กลับคืนสภาพเดิม

เขาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง แล้วมองไปที่คนผู้นั้น

“นี่ ยังมีชีวิตอยู่มั้ย?” หลี่ฝางเรียก

“โดนยาชาเข้าไปน่ะสิ” คนนั้นตอบกลับมาอย่างเย็นชา

เห็นแค่ว่าเขาอายุประมาณสามสิบกว่าๆ เป็นคนต่างชาติ สภาพโทรมๆ มองดูราวกับถูกซ้อมมาไม่ใช่น้อย

“ยาชา?” หลี่ฝางรีบคลำคอของตัวเอง และรู้สึกได้ถึงปากแผลเล็กๆ

“เป่าลูกดอกใส่เหรอ? ฉันไม่รู้สึกตัวเลย”

“เหอะๆ” คนๆนั้นฉีกยิ้มที่ดูแย่ๆออกมา ก่อนจะยื่นมือไปทางหลี่ฝาง “จอร์จ เจอรัลด์ นายเรียกฉันว่าจอร์จก็ได้”

หลี่ฝางจับมือกับเขา: “กู่เทียน”

ในสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจน เขาก็ยังคงใช้ชื่อปลอมอยู่

“นายก็มาสำรวจที่นี่เหมือนกันเหรอ?” จอร์จถาม

“ไม่ใช่” หลี่ฝางพูดพลางถอนหายใจ “ฉันเครื่องบินตก”

ไม่รู้ว่าทำไม เวลาที่หลี่ฝางอยู่ต่อหน้าจอร์จ มักจะรู้สึกว่าต้องแอบซ่อนสถานะตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ราวกับว่ามีความรู้สึกบางอย่างบอกเขา ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเชื่อใจไม่ได้อย่างนั้นแหละ

“เครื่องบินตก? นายนี่โชคดีนะ ขนาดนี้แล้วยังไม่ตาย” จอร์จพูดอย่างอดไม่ได้ “น่าเสียดาย โชคดีของนายถูกใช้หมดไปแล้ว”

“ทำไมถึงพูดแบบนั้น?” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะพูด

“เพราะว่าที่นี่” จอร์จยิ้มอย่างดูแย่ๆ และพูดขึ้น: “มันเป็นที่หลอนๆ ที่เราไม่มีทางหนีออกไปได้เลย ไม่สิ พวกเราอาจจะอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้ก็เป็นได้”

“ที่หลอนๆ นี่” หลี่ฝางถอนหายใจพลางพูด “เข็มทิศของนายก็ใช่ไม่ได้เหมือนกันใช่มั้ย?”

“เข็มทิศ? เป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกสุดที่พวกเราพกติดตัว!” จอร์จพูดอย่างอดไม่ได้ “แต่ว่าของพวกนั้นพอมาอยู่ในสถานที่หลอนๆ แบบนี้มันไม่ใช้อะไรไม่ได้เลย ประโยชน์สักนิดก็ไม่มี!”

“เดี๋ยวนะ!” จู่ๆ หลี่ฝางก็ระแวงขึ้นมา “พวกนาย?”

“เหอะๆ ……” จอร์จหัวเราะอย่างเย็นชาอีกครั้ง “ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ พวกเราอาจจะอยู่ไม่ถึงวันพรุ่งนี้ พวกมันกินเพื่อนร่วมทางของฉันไปหมดแล้ว ต่อไปก็คงเป็นฉันแล้ว……”

หลี่ฝางกลืนน้ำลาย แล้วถามอย่างระวัง: “คือ……คนพื้นเมืองที่นี่?”

จอร์จไม่พูดอะไรแล้ว แค่มองหลี่ฝางด้วยสายตาที่หมดหวัง และยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นยะเยือก

“ฉันคิดว่าขอแค่พวกเรายังไม่ตาย นั่นก็ยังมีความหวัง” หลี่ฝางถอนหายใจ และลองพูดปลอบจอร์จ

“ความหวัง……ฉันมองไม่เห็นความหวังเลย……” ในตอนนี้น้ำเสียงของจอร์จก็เผยให้เห็นถึงความสิ้นหวัง “ฉันคิดว่าบางทีถ้าตอนนี้ฉันฆ่าตัวตายไปเลยอาจจะเป็นทางจบที่ดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็ยังดีกว่าถูกกินตายเป็นหมื่นเท่า”

พูดไปพูดมา จอร์จก็ตกอยู่ในสภาพพูดพึมพำ เอามือจับท้องไว้และบ่นพึมพำอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว

หลี่ฝางเห็นท่าทีของเขาไม่เหมือนคนที่จะฆ่าตัวตาย จึงไม่ได้ไปขัดท่าทีของเขาตอนนี้

อย่างน้อยแบบนี้ก็ดีกว่าฆ่าตัวตายเยอะ หลี่ฝางไม่อยากให้คนที่เขาสามารถพูดคุยได้ด้วยแค่คนเดียวในตอนนี้ตายไปต่อหน้าต่อตาเขา

ผ่านไปอีกสักพัก ในที่สุดร่างกายของหลี่ฝางก็กลับมาเป็นปกติ อย่างน้อยก็วิ่งได้กระโดดได้ ไม่เหมือนเมื่อกี้ที่ปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้า

หลี่ฝางลองดันกรง ก็พบว่าราวไม้พวกนี้แข็งแรงมากๆ อย่างน้อยคนธรรมดาก็ไม่สามารถทำหักได้

แต่พูดยังไงหลี่ฝางก็คือผู้แข็งแกร่งก็ลัทธิเต๋า ไม้จะแข็งขนาดไหนมันก็ยังคงเป็นแค่ไม้เท่านั้น ถึงแม้จะไม่มีกำลังภายใน เขาก็มั่นใจว่าจะหักไม้พวกนี้ได้ จากนั้นก็หนีออกไปจากที่นี่

อย่างแรกคือ พลังในร่างกายเขาต้องฟื้นฟูกลับมาก่อนส่วนนึง

“เพื่อนของนายตอนที่ถูกจับไปกิน พวกนายไม่ได้ขัดขืนเลยเหรอ?” หลี่ฝางนึกคำถามขึ้นได้อีก

“แน่นอนว่าขัดขืน แต่น่าเสียดาย ที่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย” จอร์จยิ้มอย่างทรมานพลางพูด “พวกมันจะใช้ลูกดอกเคลือบยาชาเป่ายิงมาที่พวกเราแล้วค่อยลงมือ”

“งั้นพวกเราทำได้แค่รีบลงมือแล้ว” หลี่ฝางพูด “ไม่งั้น ถ้าพวกมันลงมือกับพวกเราแล้ว พวกเราจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”

เขาคลำไปที่ร่างของตัวเอง ช็อกโกแลตบาร์ที่ตัวเขายังอยู่ คนป่ากลุ่มนั้นไม่ได้แตะต้องของบนตัวเขา บางทีช็อกโกแลตบาร์พวกนี้จะทำให้เขาเพิ่มพลังได้นิดนึง

จอร์จกลับถอนหายใจ พิงกรง สองตามืดมนสิ้นหวัง

“พวกเราแม้แต่กรงนี่ยังเปิดไม่ออก จะหนีไปได้ไง?”

“ใครบอกว่าเปิดกรงไม่ออกกัน?” หลี่ฝางพูดอย่างหมดหนทาง “ฉันว่า นายทำให้ร่างกายตื่นตัวก่อน ไม่งั้นอีกแป๊บนึงฉันเปิดกรงออกแล้วฉันก็พานายไปไม่ไหว”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท