จอร์จรู้สึกความจริงจังของหลี่ฝาง สีหน้าก็ค่อยๆ ซีเรียสขึ้นมา
“ที่นายพูดไม่ได้หลอกฉันเหรอ?” เขาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เปลวไฟแห่งการรอดชีวิตราวกับจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันไม่เคยยอมแพ้ต่อความหวังที่จะมีชีวิตรอด” หลี่ฝางพูดอย่างจริงจัง “ขาของนายไม่บาดเจ็บใช่มั้ย ยังวิ่งได้มั้ย?”
“ได้ วิ่งได้” จอร์จรีบพูดขึ้นอย่างเร็ว “แต่ว่าฉันไม่ได้กินอะไรมานานมากแล้ว ฉันกลัว……”
“ไม่เป็นไร วิ่งได้ก็วิ่งให้สุดแรงเกิด” หลี่ฝางพยักหน้า พลางชี้ไปที่ทางๆ นึงแล้วพูด: “อีกแป๊บฉันจะเปิดกรง พอฉันบอกให้วิ่ง พวกเราก็วิ่งไปทางนั้นอย่างสุดแรงเกิดเลยนะ”
“เดี๋ยวก่อน ไปทางนั้นไม่ค่อยดีมั้ง” จอร์จแสดงความเห็นต่าง “ตรงนั้นเป็นทางที่พวกคนป่ามักจะเดินไป จะถูกพบเอาได้ง่าย”
จอร์จพูด พลางชี้ไปที่อีกฝั่ง แล้วพูด: “พวกเราไปทางนั้นดีกว่ามั้ย ฝั่งนู้นปกติแล้วไม่มีใครไป”
“ก็เพราะว่าด้านในนั้นไม่มีคนไป ดังนั้นฉันจึงไม่เลือกทางนั้น” หลี่ฝางส่ายหน้า “คนป่าต้องรู้จักที่นี่ดีกว่าพวกเราอยู่มากแล้วแน่ๆ ทำไมพวกมันถึงไม่เดินไปทางนั้น? แน่นอนว่าฝั่งนั่นไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาหรือว่าบึง ถ้าหากพวกเราไปเจอก็มีแต่ทางตาย”
“ฉันเข้าใจแล้ว” จอร์จพยักหน้า
หลี่ฝางยิ้ม พลางสังเกตความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตน
เขาใช้โอกาสที่จอร์จไม่ได้สังเกต ก็แอบควักช็อกโกแลตหลายชิ้นยัดเข้าปากตัวเอง หนึ่งคือกลัวว่าจอร์จจะคิดมาก สองในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเอาช็อกโกแลตให้ตนกินมันมีประโยชน์มากกว่าให้จอร์จกินมาก
เพราะว่าตอนที่หลี่ฝางรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่ากำลังภายในของเขาฟื้นฟูมาส่วนนึงแล้ว และส่วนนี้ ก็เพียงพอที่จะให้เขาหนีไปได้แล้ว
หลี่ฝางคิดแบบนี้ สองมือพลางจับไม้ท่อนนึงของรั้วไม้ไว้
“นาย นายจะทำอะไร?” จอร์จเบิกตากว้าง “นายคงไม่คิดจะหักมันทิ้งหรอกนะ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่” หลี่ฝางยิ้ม “ฉันมีวิธีอื่น”
ขณะที่เขาพูด ก็มีเสียง “เป๊าะ” เบาๆ ดังขึ้นมาจากท่อนรั้วไม้ในมือของเขา ท่อนไม้นั้นก็แตกหักออกจากกัน
“นาย……นายทำได้ยังไง?” จอร์จเบิกตากว้าง
หลี่ฝางยิ้มฮี่ๆ : “ใช้คำพูดที่สามารถอธิบายให้นายเข้าใจได้ทันที นั่นก็คือศิลปะการต่อสู้”
“ศิลปะการต่อสู้? กังฟูที่มหัศจรรย์ที่มาจากโบราณของฝั่งตะวันออก? พระเจ้า ที่แท้เรื่องพวกนั้นก็เป็นเรื่องจริงเหรอเหนี่ย?” จอร์จทำหน้าเหลือเชื่อ
“นี่มันไม่เท่าไหร่” หลี่ฝางไม่ได้อธิบายอะไรกับจอร์จ
ความจริงแล้ว เมื่อกี้ที่เขารวบรวมกำลังภายในไปที่มือของเขา เหมือนเลื่อยรั้วไม้นิดเดียวเท่านั้น พลังที่เขาฟื้นฟูมาตอนนี้ยังห่างไกลกับแรงที่จะหักรั้วไม้นี้
แต่ว่าในฐานะที่เขาเป็นคนแข็งแกร่งของแดนเต๋า ใช้พลังอย่างระวังถึงระดับพลังที่สามารถควบคุมได้ นั้นไม่ใช่ปัญหา
ขณะที่พูด หลี่ฝางก็ได้หักรั้วไม้ท่อนที่สองออกแล้ว
ในตอนนี้ชาวเผ่าสองคนที่เฝ้าพวกเขาจู่ๆ ก็หันมองมาทางพวกเขา ถึงแม้ว่าหลี่ฝางจะบังส่วนไม้ที่พังไปในทันที แต่ชาวเผ่าสองคนนั้นก็ราวกับยังพบเห็นอะไรบางอย่าง และเดินมาทางนี้ทันที
“ความใหญ่ประมาณนี้นายน่าจะวิ่งออกไปได้แล้วใช่มั้ย” หลี่ฝางสูดหายใจเข้าลึกแล้วค่อยเอ่ยถาม
“ได้” จอร์จเข้าใจถึงวินาทีเป็นตาย แล้วพูดเสียงเข้ม
“ดี” หลี่ฝางพยักหน้า “อีกแป๊บหลังจากนี้สนใจแต่วิ่งอย่างเดียว อย่าหันหลังกลับไปมองเด็ดขาด และก็ไม่ต้องสนใจฉัน ไม่ว่าจะเกิดอะไร ก็ห้ามหยุด แม้ว่าฉันจะถูกพวกมันจับกลับไป ก็ไม่ต้องสนใจ ทิ้งไปเลย นายก็จะมีชีวิตรอด”
“ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี” จอร์จพูดเสียงเบา “ที่จริงฉันยอมแพ้ที่จะมีชีวิตต่อแล้ว แต่ยังไงฉันก็คิดไม่ถึงว่านายจะปรากฏตัว ถ้าหากฉันสามารถรอดกลับไปได้ ฉันจะต้องเอาเรื่องของนายไปเขียนแน่ๆ ให้ทุกคนได้รู้……”
“ฉันยังไม่ตายนะ อย่าแช่งกันได้มั้ย” หลี่ฝางพูดอย่างเอือมๆ
ในตอนนั้น ชาวเผ่าสองคนนั้นก็เดินมาถึงด้านหน้ากรง และก็เห็นกรงที่หลี่ฝางทำหัก
ทันใดนั้น สีหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนไปมาก และต่อมาก็ตะโกนออกมาเสียงดัง
ในมือของหลี่ฝางกับก้อนหินคมๆ ที่เก็บขึ้นมาจากพื้นไว้อยู่สองก้อน ก่อนที่ชาวเผ่าทั้งสองคนนั้นจะรู้ตัว เสี้ยววินาทีนั้นเขาก็ได้ดีดก้อนหินสองก้อนนั้นออกไป
ก้อนหินคมๆ ถูกดีดเข้าไปโดนที่ลำคอของคนเฝ้าสองคนนั้นพอดี ทำให้พวกเขาเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้จนล้มลงไปกับพื้น ที่ลำคอก็มีเลือดสดๆ ไหลออกมาถึงแม้ว่าจะไม่ตายในตอนนี้ แต่ก็ไม่สามารถร้องแหกปากได้แล้ว
“รีบวิ่ง!” หลี่ฝางร้องเสียงเบา ทำให้จอร์จที่อึ้งอยู่ได้สติทันที ต่อมาก็ลอดออกจากกรง และก้มหน้าก้มตาวิ่งตามหลี่ฝางไปอย่างไม่คิดชีวิต
เมื่อทั้งสองเพิ่งจะวิ่งหนีออกมาได้ไม่ไกล ก็ถูกคนป่าในหมู่บ้านพบเข้า ทันใดนั้น คนป่าในหมู่บ้านก็ตะโกนแหกปากเรียก และก็มีคนป่ากลุ่มนึงถืออาวุธวิ่งตามมา
จอร์จอยู่ด้านหน้าก้มหน้าก้มตาวิ่ง ไม่กล้าจะหยุดแม้แต่วินาทีเดียว ถือได้ว่าเป็นแรงเฮือกสุดท้าย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กินข้าวมาสองวันแล้ว ร่างกายจึงไม่ค่อยมีแรง ดังนั้นไม่นานจึงวิ่งช้าลง
เขาจึงเริ่มใช้ทั้งขาและมือคลาน หวังแค่ว่าจะสามารถอยู่ให้ห่างจากคนป่าให้ไกลขึ้นอีกหน่อย เพราะเขารู้ว่า ถ้าหากตนโดนจับกลับไปอีก นั่นต้องตายแน่ๆ
ส่วนหลี่ฝางก็วิ่งอย่างมั่นคงกว่ามาก เขารู้ว่าแค่ก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีสุดแรงเกิดไม่สามารถจะหนีพ้นจากการล่าฆ่าของกลุ่มคนป่าที่ชำนาญเรื่องในป่าเขาได้
ถ้าหากวิ่งอย่างจอร์จ สุดท้ายก็ต้องโดนไล่ตามทันแน่