NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 982 หนีตาย

บทที่ 982 หนีตาย

จอร์จรู้สึกความจริงจังของหลี่ฝาง สีหน้าก็ค่อยๆ ซีเรียสขึ้นมา

“ที่นายพูดไม่ได้หลอกฉันเหรอ?” เขาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เปลวไฟแห่งการรอดชีวิตราวกับจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉันไม่เคยยอมแพ้ต่อความหวังที่จะมีชีวิตรอด” หลี่ฝางพูดอย่างจริงจัง “ขาของนายไม่บาดเจ็บใช่มั้ย ยังวิ่งได้มั้ย?”

“ได้ วิ่งได้” จอร์จรีบพูดขึ้นอย่างเร็ว “แต่ว่าฉันไม่ได้กินอะไรมานานมากแล้ว ฉันกลัว……”

“ไม่เป็นไร วิ่งได้ก็วิ่งให้สุดแรงเกิด” หลี่ฝางพยักหน้า พลางชี้ไปที่ทางๆ นึงแล้วพูด: “อีกแป๊บฉันจะเปิดกรง พอฉันบอกให้วิ่ง พวกเราก็วิ่งไปทางนั้นอย่างสุดแรงเกิดเลยนะ”

“เดี๋ยวก่อน ไปทางนั้นไม่ค่อยดีมั้ง” จอร์จแสดงความเห็นต่าง “ตรงนั้นเป็นทางที่พวกคนป่ามักจะเดินไป จะถูกพบเอาได้ง่าย”

จอร์จพูด พลางชี้ไปที่อีกฝั่ง แล้วพูด: “พวกเราไปทางนั้นดีกว่ามั้ย ฝั่งนู้นปกติแล้วไม่มีใครไป”

“ก็เพราะว่าด้านในนั้นไม่มีคนไป ดังนั้นฉันจึงไม่เลือกทางนั้น” หลี่ฝางส่ายหน้า “คนป่าต้องรู้จักที่นี่ดีกว่าพวกเราอยู่มากแล้วแน่ๆ ทำไมพวกมันถึงไม่เดินไปทางนั้น? แน่นอนว่าฝั่งนั่นไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาหรือว่าบึง ถ้าหากพวกเราไปเจอก็มีแต่ทางตาย”

“ฉันเข้าใจแล้ว” จอร์จพยักหน้า

หลี่ฝางยิ้ม พลางสังเกตความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตน

เขาใช้โอกาสที่จอร์จไม่ได้สังเกต ก็แอบควักช็อกโกแลตหลายชิ้นยัดเข้าปากตัวเอง หนึ่งคือกลัวว่าจอร์จจะคิดมาก สองในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเอาช็อกโกแลตให้ตนกินมันมีประโยชน์มากกว่าให้จอร์จกินมาก

เพราะว่าตอนที่หลี่ฝางรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่ากำลังภายในของเขาฟื้นฟูมาส่วนนึงแล้ว และส่วนนี้ ก็เพียงพอที่จะให้เขาหนีไปได้แล้ว

หลี่ฝางคิดแบบนี้ สองมือพลางจับไม้ท่อนนึงของรั้วไม้ไว้

“นาย นายจะทำอะไร?” จอร์จเบิกตากว้าง “นายคงไม่คิดจะหักมันทิ้งหรอกนะ?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่” หลี่ฝางยิ้ม “ฉันมีวิธีอื่น”

ขณะที่เขาพูด ก็มีเสียง “เป๊าะ” เบาๆ ดังขึ้นมาจากท่อนรั้วไม้ในมือของเขา ท่อนไม้นั้นก็แตกหักออกจากกัน

“นาย……นายทำได้ยังไง?” จอร์จเบิกตากว้าง

หลี่ฝางยิ้มฮี่ๆ : “ใช้คำพูดที่สามารถอธิบายให้นายเข้าใจได้ทันที นั่นก็คือศิลปะการต่อสู้”

“ศิลปะการต่อสู้? กังฟูที่มหัศจรรย์ที่มาจากโบราณของฝั่งตะวันออก? พระเจ้า ที่แท้เรื่องพวกนั้นก็เป็นเรื่องจริงเหรอเหนี่ย?” จอร์จทำหน้าเหลือเชื่อ

“นี่มันไม่เท่าไหร่” หลี่ฝางไม่ได้อธิบายอะไรกับจอร์จ

ความจริงแล้ว เมื่อกี้ที่เขารวบรวมกำลังภายในไปที่มือของเขา เหมือนเลื่อยรั้วไม้นิดเดียวเท่านั้น พลังที่เขาฟื้นฟูมาตอนนี้ยังห่างไกลกับแรงที่จะหักรั้วไม้นี้

แต่ว่าในฐานะที่เขาเป็นคนแข็งแกร่งของแดนเต๋า ใช้พลังอย่างระวังถึงระดับพลังที่สามารถควบคุมได้ นั้นไม่ใช่ปัญหา

ขณะที่พูด หลี่ฝางก็ได้หักรั้วไม้ท่อนที่สองออกแล้ว

ในตอนนี้ชาวเผ่าสองคนที่เฝ้าพวกเขาจู่ๆ ก็หันมองมาทางพวกเขา ถึงแม้ว่าหลี่ฝางจะบังส่วนไม้ที่พังไปในทันที แต่ชาวเผ่าสองคนนั้นก็ราวกับยังพบเห็นอะไรบางอย่าง และเดินมาทางนี้ทันที

“ความใหญ่ประมาณนี้นายน่าจะวิ่งออกไปได้แล้วใช่มั้ย” หลี่ฝางสูดหายใจเข้าลึกแล้วค่อยเอ่ยถาม

“ได้” จอร์จเข้าใจถึงวินาทีเป็นตาย แล้วพูดเสียงเข้ม

“ดี” หลี่ฝางพยักหน้า “อีกแป๊บหลังจากนี้สนใจแต่วิ่งอย่างเดียว อย่าหันหลังกลับไปมองเด็ดขาด และก็ไม่ต้องสนใจฉัน ไม่ว่าจะเกิดอะไร ก็ห้ามหยุด แม้ว่าฉันจะถูกพวกมันจับกลับไป ก็ไม่ต้องสนใจ ทิ้งไปเลย นายก็จะมีชีวิตรอด”

“ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี” จอร์จพูดเสียงเบา “ที่จริงฉันยอมแพ้ที่จะมีชีวิตต่อแล้ว แต่ยังไงฉันก็คิดไม่ถึงว่านายจะปรากฏตัว ถ้าหากฉันสามารถรอดกลับไปได้ ฉันจะต้องเอาเรื่องของนายไปเขียนแน่ๆ ให้ทุกคนได้รู้……”

“ฉันยังไม่ตายนะ อย่าแช่งกันได้มั้ย” หลี่ฝางพูดอย่างเอือมๆ

ในตอนนั้น ชาวเผ่าสองคนนั้นก็เดินมาถึงด้านหน้ากรง และก็เห็นกรงที่หลี่ฝางทำหัก

ทันใดนั้น สีหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนไปมาก และต่อมาก็ตะโกนออกมาเสียงดัง

ในมือของหลี่ฝางกับก้อนหินคมๆ ที่เก็บขึ้นมาจากพื้นไว้อยู่สองก้อน ก่อนที่ชาวเผ่าทั้งสองคนนั้นจะรู้ตัว เสี้ยววินาทีนั้นเขาก็ได้ดีดก้อนหินสองก้อนนั้นออกไป

ก้อนหินคมๆ ถูกดีดเข้าไปโดนที่ลำคอของคนเฝ้าสองคนนั้นพอดี ทำให้พวกเขาเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้จนล้มลงไปกับพื้น ที่ลำคอก็มีเลือดสดๆ ไหลออกมาถึงแม้ว่าจะไม่ตายในตอนนี้ แต่ก็ไม่สามารถร้องแหกปากได้แล้ว

“รีบวิ่ง!” หลี่ฝางร้องเสียงเบา ทำให้จอร์จที่อึ้งอยู่ได้สติทันที ต่อมาก็ลอดออกจากกรง และก้มหน้าก้มตาวิ่งตามหลี่ฝางไปอย่างไม่คิดชีวิต

เมื่อทั้งสองเพิ่งจะวิ่งหนีออกมาได้ไม่ไกล ก็ถูกคนป่าในหมู่บ้านพบเข้า ทันใดนั้น คนป่าในหมู่บ้านก็ตะโกนแหกปากเรียก และก็มีคนป่ากลุ่มนึงถืออาวุธวิ่งตามมา

จอร์จอยู่ด้านหน้าก้มหน้าก้มตาวิ่ง ไม่กล้าจะหยุดแม้แต่วินาทีเดียว ถือได้ว่าเป็นแรงเฮือกสุดท้าย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กินข้าวมาสองวันแล้ว ร่างกายจึงไม่ค่อยมีแรง ดังนั้นไม่นานจึงวิ่งช้าลง

เขาจึงเริ่มใช้ทั้งขาและมือคลาน หวังแค่ว่าจะสามารถอยู่ให้ห่างจากคนป่าให้ไกลขึ้นอีกหน่อย เพราะเขารู้ว่า ถ้าหากตนโดนจับกลับไปอีก นั่นต้องตายแน่ๆ

ส่วนหลี่ฝางก็วิ่งอย่างมั่นคงกว่ามาก เขารู้ว่าแค่ก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีสุดแรงเกิดไม่สามารถจะหนีพ้นจากการล่าฆ่าของกลุ่มคนป่าที่ชำนาญเรื่องในป่าเขาได้

ถ้าหากวิ่งอย่างจอร์จ สุดท้ายก็ต้องโดนไล่ตามทันแน่

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท