NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่999 ฉินวี่เฟยเสียใจ

บทที่999 ฉินวี่เฟยเสียใจ

“ผมอยากเจอพ่อหนุ่ม ก็เพื่อขอร้องให้ร่วมมือกัน วางแผนหาทางออกร่วมกัน”

“อ้อ?”หลี่ฝางพูดอย่างแปลกใจ“ทำไมผู้อาวุโสเจิ้งต้องมาร่วมมือกับผมที่เป็นรุ่นน้องแบบนี้?แต่ไม่ใช่คนรุ่นเดียวกันคนอื่นที่ยังไม่ออกจากโลกแห่งความเป็นจริงได้?”

“ตาแก่อย่างผมไม่มีเพื่อนร่วมรุ่นแล้ว”เจิ้งเทียนซิงหัวเราะอย่างขมขื่น“แดนเต๋าไม่สำเร็จ แล้วจะใช้ชีวิตยืนยาวให้เพียงพอได้อย่างไรล่ะ?”

“นี่กลับเป็นข้อผิดพลาดของผม สำหรับผมแล้วล้วนแต่เป็นผู้อาวุโส สำหรับคุณแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นคนรุ่นเดียวกัน”หลี่ฝางเข้าใจทันที“ผู้อาวุโสอยากจะร่วมมืออย่างไร?”

“หลายปีมานี้ตาแก่อย่างผม ไม่มีความหวังอะไรแล้วกับแดนดั่งเทพ”นายท่านเจิ้งพูดอย่างราบเรียบ“มีเพียงอย่างเดียว ก็คือต้องเอาแดนดั่งเทพไว้ในประเทศจีน ให้ฤดูร้อนระอุของผมเจริญรุ่งเรืองยาวนาน!”

“คำพูดนี้จริงจังหรือเปล่า?”อาการของหลี่ฝางดูแปลกประหลาดขึ้นมาทันที

“คำพูดไม่มีประโยชน์หรอก เวลาผ่านไปก็จะเห็นธาตุแท้เอง”นายท่านเจิ้งหัวเราะ“ความร่วมมือของคุณกับผม เราต้องโจมตีศัตรูด้วยกันก่อน แล้วค่อยสู้กันเอง ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะไปอยู่ในมือใครก็ห้ามบ่น”

“โอเค!คำพูดของนายท่านผมจะจำไว้ในใจ!”หลี่ฝางพูด“ช่วงนี้ผมยังต้องไปโซนปีศาจสักหน่อย ไม่งั้นนายท่านไปด้วยกันกับผมดีไหมครับ?”

“โอเค!”นายท่านเจิ้งพูดตอบรับ

“ใช่สิ นายท่าน มีเรื่องหนึ่งผมอยากให้ท่านสอนผมพอดี”หลี่ฝางถามเจิ้งเทียนซิง

“พ่อหนุ่ม ไม่มีปัญหา”พูดคุยความร่วมมือสำเร็จ อารมณ์ของเจิ้งเทียนซิงก็ดีเป็นอย่างมาก

“หลายปีมานี้ ทำไมแดนเต๋าทุกคนในตอนท้ายถึงได้ละจากทางโลก?หรือว่าที่นี่ยังมีกฎอะไรอีก?”

“ฮ่าฮ่า ไม่ใช่อย่างนั้นเลย”เจิ้งเทียนซิงหัวเราะลากเสียงยาว แต่แสดงออกกลับดูเหงาหงอย “ผู้แข็งแกร่งแดนเต๋าก็แก่ชราได้ ก็จะเหมือนคนทั่วไป เลือดลมทรุดโทรมลง ความแข็งแรงก็ทรุดโทรมลง ถ้ายังคงยุ่งกับเรื่องทางโลกอีก ก็กลัวว่าเมื่อรอจนถึงเวลาการต่อสู้ครั้งใหญ่ ก็คงไม่มีความแข็งแรงไปสู้แล้ว”

“เพื่อรอจนถึงวันนี้ พวกเราเลยใช้ได้แต่วิธีนี้ ทำให้เลือดลมของตัวเองไม่หายไป เหมือนกับแกล้งตาย สับสนปนเปมาหลายสิบปี บางทีแต่ละคนอาจจะมีวิธีต่างกันไป แต่ว่าล้วนแต่มีเป้าหมายอันเดียวกัน”

หลี่ฝางเข้าใจทันที เจิ้งเทียนซิงที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนอายุมากแล้ว แต่กำลังกายกำลังวังชาที่จริงแล้วยังคงรักษาไว้อยู่ที่แดนสุด ความแข็งแรงนั้นลึกเกินกว่าจะวัดได้ นี่ก็คือผลจากการเตรียมฝึกฝนควบคุมอารมณ์ออกมาหลายสิบปี

อย่างเช่นย่าทวดหุบเขาราชายาทั้งวันเอาแต่เตร็ดเตร่ข้างนอก เลือดลมทรุดโทรมลง ตอนนี้แก่จนหมดสภาพไปแล้ว ความแข็งแรงในตอนนั้น มีได้ถึงครึ่งหนึ่งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

คุยกับนายท่านเจิ้งเสร็จ หลี่ฝางก็เดินเล่นข้างนอกสักพัก แล้วก็เริ่มทนไม่ไหว

รอเมี๋ยวชุ่ยอาการดีขึ้น เขาก็น่าจะเดินทางไปโซนปีศาจอีกครั้ง ไปครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าอันตรายแค่ไหน เขาไม่อยากสิ้นเปลืองเวลาเปล่าๆที่นี่

“หลี่ฝาง?”ฉินวี่เฟยถูกหลี่ฝางพาออกไปอย่างงงๆ

“วี่เฟย ผมคิดถึงคุณ”

ประโยคที่หลี่ฝางพูด ทำให้ฉินวี่เฟยตัวอ่อนทันที

ค่ำคืนนี้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก

วันถัดมา ตอนที่หลี่ฝางตื่น ข้างกายกลับไม่มีร่างของฉินวี่เฟยแล้ว

ตอนที่กำลังสงสัยว่าฉินวี่เฟยไปไหนแต่เช้า หูของหลี่ฝางก็เคลื่อนไหว ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ

“วี่เฟย!”หลี่ฝางตกใจ ขยับตัวลงจากเตียง สุดท้ายก็หาฉินวี่เฟยนั่งร้องไห้สะอื้นบนฝาชักโครกที่ห้องน้ำเจอ

“เป็นอะไรไป?”จู่ๆฉินวี่เฟยก็เป็นแบบนี้ หลี่ฝางก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย

“หลี่ฝาง……”ฉินวี่เฟยกอดเอวของหลี่ฝาง เอาหน้าของตัวเองซุกอยู่ในอ้อมแขนของหลี่ฝาง ร้องไห้เสียงดังออกมา:“เพื่อนรักของฉันตายแล้ว!”

ฉินวี่เฟยร้องไห้เสียงดัง หลี่ฝางสงสารอย่างมาก สักพักหนึ่งจึงปลอบฉินวี่เฟยจนเลิกหยุดร้องไห้ได้ แต่ยังหยุดสะอื้นไม่ได้

“เกิดอะไรขึ้น?คุณพูดดีๆ”หลี่ฝางเตรียมจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วค่อยปลอบฉินวี่เฟย

ฉินวี่เฟยส่ายหน้า แล้วโผใส่อ้อมแขนหลี่ฝางร้องไห้ออกมาอีก

หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่าเธอไม่รู้หรือว่าไม่อยากพูด ได้แต่เอาคำถามไปไว้ข้างๆก่อน แล้วก็กอดฉินวี่เฟยมาที่โซฟาห้องรับแขก จากนั้นก็เอาใจเธอเบาๆ

ผ่านไปสักพัก ฉินวี่เฟยจึงหยุดร้อง โอบเอวของหลี่ฝางแล้วพูดต่อว่า:“เธอ……ถูกคนข่มขืน……แล้วติดเอดส์ แล้วยังตั้งท้อง รับความกดดันไม่ได้ก็เลยกระโดดตึกฆ่าตัวตาย”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ถามว่า:“คนทำผิดนั่นจับได้ยัง?”

ฉินวี่เฟยพยักหน้าและส่ายหน้า พูดว่า:“หลักฐานไม่พอ และยังมีเหตุผลพิเศษบางอย่าง คนๆนั้นเลยไม่ได้รับผลกระทบอะไร”

เหตุผลพิเศษ?หลี่ฝางพูดอย่างแปลกใจ:“เหตุผลพิเศษอะไร?”

ฉินวี่เฟยลังเลเล็กน้อย พูดว่า:“คนๆนั้น……เขาเป็นคนผิวดำ เป็นนักเรียนต่างชาติ”

หลี่ฝางตะลึง จากนั้นความโมโหก็“กระโจน”ลุกโชนขึ้นมา

เรื่องที่คล้ายกัน ทำให้เขานึกถึงคนอีกคนในความทรงจำ

เป็นพี่สาวคนหนึ่งที่อยู่บ้านใกล้หลี่ อายุมากกว่าหลี่ฝางไม่กี่ปี

ในความทรงจำของหลี่ฝาง เธอเป็นคนที่ร่าเริงอย่างมาก จิตใจดี ตอนที่พ่อแม่หลี่ฝางเพิ่งหายไป เธอก็ดูแลหลี่ฝางเยอะมาก

จนวันนี้หลี่ฝางยังจำรอยยิ้มของเธอได้ อบอุ่นและสดใสเหมือนดวงอาทิตย์

แต่ต่อมาไม่รู้ว่าทำไมพี่สาวข้างบ้านถึงได้คบกับนักเรียนต่างชาติคนผิวดำ หลี่ฝางก็เลยเจอเธอน้อยลง

ทุกครั้งตอนที่เห็นเธอก็จะประหลาดใจอย่างมากกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเธอ:ยิ่งสวมเสื้อผ้าโชว์มากขึ้นเรื่อยๆ ทำตัวสำมะเลเทเมาและหยาบคาย รวมถึงร่างกายที่ซีดขาวและผอมลงมากขึ้น

ไม่รู้ว่าเรื่องที่น่ากลัวมากมายแค่ไหนเกิดที่พี่สาวข้างบ้านคนนั้น ต่อมา หลี่ฝางก็ไม่ได้ยินข่าวของเธออีก

เหมือนกับคนได้ระเหยลอยไป พี่สาวข้างบ้านคนนั้นที่เคยส่องประกาย เป็นเหมือนนางฟ้าในใจหลี่ฝาง จึงหายไปไม่พบเจออีกเช่นนี้

เรื่องที่ผ่านมากลับมาคืนสู่ใจ มือของหลี่ฝางกำแน่นจากจิตใต้สำนึก จนหลังจากที่ฉินวี่เฟยส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด เขาจึงได้สติและคลายออก

หลี่ฝางถามอย่างจริงจัง กับฉินวี่เฟยที่น้ำตานองหน้าว่า:“วี่เฟย คุณอยากแก้แค้นแทนเธอไหม?”

ฉินวี่เฟยเช็ดน้ำตา พยักหน้าแรงๆ

“อยาก!”

ในห้องตำรวจที่เมืองตง คนผิวดำวัยรุ่นคนหนึ่งที่ทำผมเดรดล็อกส์ ที่หูและจมูกเจาะห่วงสี่ห้าอัน กำลังนั่งสั่นขาอยู่บนเก้าอี้ เงยหน้าชำเลืองมองคนข้างหน้าสองสามคน

“hey you เมื่อไหร่จะให้ผมไปได้เนี่ย?ผมหิวมาก!”คนผิวดำใช้ภาษาจีนไม่ดี พูดด้วยน้ำเสียงไม่เรียบร้อย

“นั่งดีๆหน่อย!”ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนขึ้นทันที ตะโกนไปทางคนผิวดำอย่างโมโห:“คุณบอกผมมาซะดีๆ!”

“บอกอะไร?ถุย!”คนผิวดำถ่มน้ำลายลงพื้น“อ้อ อ้อ ผมปวดหัวมาก ถ้าไม่ปล่อยผม ผมก็จะขอทำเรื่องเข้ารับรักษาตัว”

“คุณมันไอ้ระยำ!”ชายหนุ่มก็โมโหกับสภาพแบบนี้ของคนผิวดำ จ้องคนผิวดำเขม็ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน