NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 988 สุดท้ายข้อเท็จจริงย่อมปรากฏออกมา

บทที่ 988 สุดท้ายข้อเท็จจริงย่อมปรากฏออกมา

“ประตูบานนั้นเปิดไม่ออกแล้ว!” จอร์จหันกลับไปดันประตูบานที่พวกเขาเพิ่งจะเปิดมัน แต่กลับพบกว่ากำแพงนั้นไม่ขยับเลย

“นี่อาจจะเป็นกลไกอะไรบางอย่างที่ทำให้เปิดได้จากทางด้านเดียวเท่านั้น” หลี่ฝางลูบผนัง และหันตัวไป

“ฉันเดาว่านี่อาจจะความลับที่หลังจากเราจมลงไปในน้ำแล้วทำไมถึงได้เคลื่อนย้ายมาที่นี่” เขาพูดพลางสังเกตรอบๆ และเดินไปยังผนังอีกด้านทันที

“ดู บนผนังนี่ก็มีประตูอีกบาน หือ? บนนี้มีรอยมือ!”

หลี่ฝางมองอย่างละเอียด และชะงักเล็กน้อย “เหมือนว่าจะเป็นรอยมือของเด็ก……”

“อะไรนะ?” จอร์จพูดอย่างประหลาดใจ: “นั่น เจ้าสิ่งสีดำประหลาดนั่น……”

“อาจจะใช่แล้ว” หลี่ฝางพยักหน้า “นายดูที่รอยมือนี้สิ สำหรับเด็กแล้วถือว่าพอดีมาก สำหรับพวกเราแล้วจะเตี้ยไปหน่อย”

“เหอะๆ …..” จอร์จเริ่มช็อกแล้ว

หลี่ฝางยิ้มแหยๆ : “ฉันเดาว่า……บางทีชาวแอซเท็กอาจจะไม่ได้ตายกันหมด และไม่รู้ว่าพบเจอกับเรื่องอะไร จึงพัฒนากลายมาเป็นอารยธรรมใต้ดิน และพัฒนาเทคโนโลยีที่แตกต่างจากเราโดยสิ้นเชิง เจ้าสิ่งสีดำที่เห็นก่อนหน้านี้ ไม่แน่อาจจะเป็นชาวแอซเท็ก……”

จอร์จมองบน: “ถ้าหากนายเขียนหนังสือคงทำเงินได้มากกว่าฉัน”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “ฉันก็แค่เดาไปมั่วๆ แต่ว่าตอนนี้ฉันคิดว่า เครื่องมือที่นายนำมานั้นใช้การไม่ได้ แล้วก็……เครื่องบินตก อาจจะเป็นไปได้มากว่าซากโบราณแห่งนี้นำทำให้เกิดขึ้น”

จอร์จถอนหายใจ และพูดอย่างหดหู่: “ตอนนี้คาดเดาไปจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา? ออกไปไม่ได้ พวกเราสองคนไม่ช้าก็เร็วก็จะตายอยู่ในนี้”

“งั้นก็ไปดูห้องถัดไปกัน” หลี่ฝางพูด พลางดันเปิดประตูบนกำแพงออก

“พื้นที่ใต้ดินนี้ไม่มีทางไม่มีที่สิ้นสุดหรอก พวกเราลองสำรวจสักรอบ ไม่แน่ว่าอาจจะเจออะไรที่เป็นประโยชน์ก็ได้”

คราวนี้เป็นห้องที่ซิกแซก เหมือนทางเดินที่คดเคี้ยว หลี่ฝางและจอร์จมาอยู่ตรงกลาง พวกเขาก็สำรวจกันไปรอบนึง ในห้องก็ยังคงไม่มีอะไรเหมือนเดิม นอกจากภาพจิตรกรรมฝาผนังและตัวอักษร จนพวกเขาค้นพบประตูที่สามารถเปิดออกได้เก้าบาน

“ฉันว่า……พวกเราอย่าแยกกันดีที่สุด” ต่อหน้าประตูเก้าบานนี้ จอร์จก็ทำสีหน้าลนลานพลางมองหลี่ฝาง

“แน่นอน ไปต่อ” หลี่ฝางสูดหายใจเข้าลึก และเปิดประตูบานที่ใกล้พวกเขาสองคนมากที่สุด

เวลาค่อยๆ ผ่านไป หลี่ฝางก็ค่อยๆ เริ่มวิตกกังวลในใจ เขากับจอร์จอ่านตัวหนังสือพวกนี้ไม่ออก ใต้ดินก็ไม่มีความรู้สึกเรื่องทิศทาง ไม่รู้ว่าตนนั้นได้เดินวนไปวนมาในห้องหลายๆ ห้องนี้หรือเปล่า

ถ้าหากในนี้มีห้องอยู่เป็นพันเป็นหมื่นห้อง แถมลักษณะห้องยังซ้ำๆ กัน งั้นเกรงว่าพวกเขาคงไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้ตลอดกาล

ทั้งสองเข้าสู่ความเงียบ คิดวิธีดีๆ มารับมือไม่ได้สักที ที่จริงพวกเขาก็รู้ ทำแบบนี้มันเสียเวลาเปล่า บางทีสุดท้ายแล้วพวกเขาก็อาจจะขาดน้ำตาย หรือหิวตาย อยู่ในใต้ดินที่ไม่มีคนตายไปอย่างเงียบๆ

ขณะที่หลี่ฝางคิดจะหยุดแล้วคิดหาวิธี จอร์จที่เดินอยู่ด้านหน้าก็ดันประตูที่กำแพง และพูดเรียกอย่างร้อนรน: “มีความเปลี่ยนแปลงแล้ว!เป็นทางเดินเส้นนึง!”

หลี่ฝางรีบก้าวข้ามกำแพงไป ก็พบกับทางเดินตรงๆ เส้นนึง และก็ไม่รู้ว่ามันจะพาไปที่ไหน ยังไงหลี่ฝางก็มองไม่เห็นสุดปลายทาง ภาพจิตรกรรมฝาผนังกับตัวหนังสือเป็นเพียงเส้นยาวๆ สองเส้นที่ลากออกไปตรงๆ

จอร์จพูดอย่างตื่นเต้น: “ทางออก!นี่ต้องเป็นทางออกแน่ๆ !”

“เดินไปดูก่อนเถอะ” หลี่ฝางไม่ได้ตื่นเต้นเท่าจอร์จ

ทั้งสองเดินตรงไปตามทางมาเป็นเวลานาน ส่วนผนังรอบข้างก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งสองไม่รู้ว่าเดินมานานขนาดไหน

ความกังวลในใจหลี่ฝางยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เขามักจะรู้สึกว่าเขามองข้ามอะไรไปบางอย่าง และสิ่งนั้นมันเป็นเรื่องสำคัญสุดๆ และความรู้สึกบ้าๆ นี่มันก็ทำให้เขาหดหู่สุดๆ

และในตอนนั้น ในที่สุดพวกเขาก็เดินมาถึงปลายทาง

“มาถึงสุดทางแล้ว” จอร์จหันกลับมาพูด

หลี่ฝางพยักหน้า: “เปิดประตูบานนั้นเถอะ”

ทั้งสองยื่นมือออกไปพร้อมกัน และดันประตูเพียงบานเดียวนั้นให้เปิดออกเบาๆ

หลังประตูบานนี้เป็นที่โล่งมากๆ ใหญ่พอๆ กับสนามฟุตบอล เพดานก็สูงมากๆ

ด้านในที่นี้เป็นโครงสร้างแบบกลมๆ บนพื้นเป็นภูเขาและแม่น้ำของภูมิประเทศต่างๆ ส่วนด้านบนคือดวงดาวกับตัวหนังสือ ตรงกลางยังมีรูปดวงอาทิตย์ใหญ่ๆ กับพระจันทร์สองดวงนี้ด้วย

ในใจกลางของพื้นที่แห่งนี้ ก็มีรูปปั้นหัวมนุษย์ที่สูงกว่าห้าเมตรตั้งตระหง่านอยู่

ทั้งสองเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าปากของรูปปั้นนี้เปิดอยู่ ด้านในปากมีวัตถุเรืองแสงวางอยู่

“ดูแล้วไม่เหมือนคริสตัลนะ?” จอร์จหยิบของชิ้นนั้นขึ้นมาแล้วพูด: “แต่ว่า ดูท่าจะมีราคามากๆ”

“งั้นเหรอ?” หลี่ฝางหรี่ตา และพูดขึ้น: “ต่อไปก็คงจะเตรียมตัวกำจัดฉันแล้วใช่มั้ย?”

“อะไรกัน?” จอร์จชะงักอยู่ครู่ “นายหมายความว่าไง?”

“ทำไม หรือว่านายเตรียมจะพาฉันเดินวนอีกสักกี่รอบแล้วค่อยลงมือ?” หลี่ฝางยิ้มอย่างเย็นชา “ช่างมันเถอะ วิธีการของนาย ถูกฉันมองออกนานแล้ว”

สีหน้าของจอร์จก็เปลี่ยนตาม ใบหน้ามีรอยยิ้มเย็นชาลอยขึ้นมา: “นายรู้ได้ยังไง?”

“เหอะๆ” หลี่ฝางไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยิ้มอย่างดูถูก แล้วชี้ไปที่หัวของตัวเอง

“หึ……” จอร์จหึออกมาอย่างไม่พอใจ นัยน์ตาก็เปลี่ยนเป็นมืดมนขึ้นมาทันที: “สมแล้วที่เป็นถึงปรมาจารย์แดนเต๋า”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน