NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 990 เมี๋ยวชุ่ยบาดเจ็บ

บทที่ 990 เมี๋ยวชุ่ยบาดเจ็บ

ฝั่งตรงข้ามหลี่ฝาง ฟังสิ่งที่หลี่ฝางพูดพร่ำ สีหน้าของจอร์จก็อดไม่ได้ที่จะบูดเบี้ยว

“โชคดีในโชคร้ายจริงๆ แบบนี้ยังจะฟื้นความจำมาได้ แต่ว่า……มันมีอะไรแตกต่างเหรอ?”

จอร์จทำหน้าบูดเบี้ยว แล้วยิ้มอย่างเย็นชา: “ความทรงจำนายกลับมาแล้ว แต่กำลังของนายคืนกลับมาหรือยัง? นายในตอนนี้ ก็ยังคงเป็นไอ้ไร้ค่าอ่อนแอที่น่าสงสาร!ยังคงเป็นของที่ฉันสามารถฆ่าได้ตามใจชอบ!”

เขาเริ่มฮึกเหิมขึ้นเรื่อยๆ แล้วก้าวเท้าเดินไปทางหลี่ฝาง

ผิดคาด ในวินาทีนั้น

“งั้นเหรอ?” เสียงที่ไม่คุ้นเคยเสียงนึง จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาในห้องโถงที่กว้างใหญ่แห่งนี้

สีหน้าบนหน้าจอร์จเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเก็บขาเข้ามาอย่างเร็ว และระวังตั้งรับอย่างเงียบๆ

สีหน้าของหลี่ฝางก็เปลี่ยนไปอย่างประหลาดใจเช่นกัน และค่อยๆ ถอนกำลังภายในกลับเข้าไปอย่างเงียบๆ

ทั้งสองหันไปทางต้นเสียง ก็เห็นชายหนุ่มคนนึงชายวัยกลางคนหนึ่งคน ท่าทางของทั้งสองดูสง่าผ่าเผย ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล

“พวกนายเองเหรอ?” จอร์จเห็นทั้งสอง สีหน้าก็เปลี่ยนไป สุดท้ายก็มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย “พวกนายทำไมถึงโผล่มาที่นี่ได้?”

สองคนนั้น นั่นก็คือส้าวส้วยกับกู่ยี่เทียน!

“เพราะว่าสิ่งของในมือนายไง” กู่ยี่เทียนชี้ไปยังสิ่งเรืองแสงในมือของจอร์จ แล้วยิ้มอ่อน: “ที่นี่ใหญ่ขนาดนี้ ถ้าหากไม่มีสิ่งระบุตำแหน่งของเจ้าสิ่งนั้น พวกเราคงหาพวกนายเจอไม่ง่ายแบบนี้”

สีหน้าของจอร์จเปลี่ยนไป ก้มหน้ามองสิ่งของเรืองแสงในมือของตน แล้วหึอย่างเย็นชา: “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเทคโนโลยีของพวกนายจะถึงขั้นนี้……”

“ไม่ต้องพูดมาก!” เงาร่างของส้าวส้วย ปรากฏต่อหน้าหลี่ฝาง และเอาหลี่ฝางมาปกป้องอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ

“มารพันหน้า……นายน่าจะคาดไว้แล้วว่าถ้าตัวเองเข้ามาแฝงตัวอยู่รอบตัวพวกเราแล้วจะเกิดอะไรขึ้น……ฉันว่าที่นี่ก็ไม่เลว นายก็ตายอยู่ที่นี่ซะเถอะ!”

“อยากฆ่าฉัน?” จอร์จก้าวถอยหลังอย่างระวัง แล้วจ้องไปที่ส้าวส้วยกับกู่ยี่เทียนอย่างละเอียด และหัวเราะหึๆ อย่างเย็นชา: “กู่ยี่เทียน ฉันสู้นายไม่ได้ แต่นายก็หยุดฉันไม่ได้เหมือนกัน!”

“ฆ่านายแค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว” ส้าวส้วยก้าวเข้าไปใกล้จอร์จ

“นายจริงจังดิ?” จอร์จทำหน้าขำขันพลางมองไปทางส้าวส้วยที่เดินเข้ามาหาเขา และมองไปทางกู่ยี่เทียน ก็กลับพบว่ากู่ยี่เทียนได้พาหลี่ฝางถอยออกไปหลายก้าว

ในตอนนั้น สีหน้าของจอร์จก็จริงจังขึ้นมา

ใช่ว่าเขาจะไม่รู้จักส้าวส้วย แต่ในความคิดของเขา ความสามารถของส้าวส้วยไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย

ไอ้หมอนี่ก็เหมือนหลี่ฝาง ล้วนแต่เป็นคนที่บรรลุกำลังภายในมาได้ไม่นาน ถ้าหากหลี่ฝางไม่ได้ประสบกับโชคครั้งแล้วครั้งเล่า เกรงว่าจนถึงตอนนี้แม้แต่กำลังภายในยังคลำหาจุดไม่เข้าใจเลย

ดังนั้นจอร์จจึงไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ให้กับคนหนุ่มคนนึง และวินาทีต่อมา เข้าก็ลงมือ

ในฐานะที่เป็นยอดฝีมืออันดับต้นของอันดับกำลังภายใน เมื่อจอร์จลงมืออย่างจริงจัง พลังที่สำแดงออกมาก็ค่อนข้างน่ากลัว วินาทีนั้น หมัดของเขาก็ชกเข้าไปทางหัวใจของส้าวส้วย

แต่แค่หมัดนี้เหมือนกันหยอกเล่นอย่างนั้น ไม่ได้มีผลกระทบอะไรเลยต่อส้าวส้วย

จากนั้นส้าวส้วยก็ยกมือขึ้นมือตบไปที่ไหล่ของจอร์จอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับกำลังทักทายเพื่อนอย่างนั้น

“เป็นไปได้ไง……” ร่างของจอร์จโซเซ เลือดสดๆ ค่อยๆ ไหลออกมาจากปากหูจมูกปากของเขา

“นายไม่รู้ตัวเหรอ? พลังของนายอ่อนแอลงไปมากกว่าครึ่ง” ส้าวส้วยเก็บมือกลับมา เมื่อกี้ตบไปที่ไหล่ของจอร์จเบาๆ กำลังภายในได้แทรกซึมและแผ่ซ่านเข้าไปในร่างกายได้ทำลายอวัยวะภายในของเขาแล้ว

หลังจากได้ยินประโยคนี้ของส้าวส้วย ทันใดนั้นบนใบหน้าเทาที่ร่อแร่ของจอร์จจู่ๆ ก็แสดงให้เห็นถึงความตระหนักถึงทันที: “ที่นี่…….”

“ถูกต้อง สถานที่นี้จะค่อยๆ ลดกำลังของนายลงไปเรื่อยๆ โดยที่นายไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันก็จะหลอกการรับรู้ของนาย ให้นายรับรู้ถึงจุดนี้ได้ยากมาก และยิ่งเข้าใกล้สิ่งนี้มากเท่าไหร่ การลดพลังก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เหมือนกัน การหลอกหลวงการรับรู้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”

ส้าวส้วยไม่รู้ว่าไปควักกล่องเหล็กออกมาจากไหน พลางพูด พลางเปิดกล่อง และนำคริสตัลเรืองแสงนั่นใส่ลงไปในกล่อง

“นายเพิ่งจะมาค้นพบเอาตอนนี้ ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ ไม่เห็นเหรอว่าตั้งแต่ต้นจนจบฉันไม่ได้แตะเจ้าสิ่งนั้นเลย?”

เมื่อหลี่ฝางเห็นส้าวส้วยเก็บคริสตัลนั้นเสร็จ ก็เดินอย่างวางมาดอวดเก่งสุดๆ เข้ามา

“ที่จริงฉันอยากจะยื้อเวลาอีกหน่อย นายก็จะโดนดูดพลังและถูกฉันฆ่าตาย ถ้าหากฉันยื้อเวลาไม่ได้ ฉันก็จะถูกนายฆ่าตาย แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมา งั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว โทษที่นายโชคไม่มีเองแล้วกัน”

หลี่ฝางเห็นดวงตาของจอร์จค่อยๆ สะลึมสะลือ ก็ถอนหายใจเบาๆ : “ลาก่อน”

“ตุ๊บ” ในที่สุดจอร์จก็ล้มลงไปกองกับพื้น

มารพันหน้า ก็ตายอย่างเงียบๆ ในซากปรักหักพังโบราณสถานใต้ดินที่ไม่มีคนมาพบเจอ

……

“อะไรนะ? แม่ฉันบาดเจ็บหนัก?” ณ ห้องประชุมในฐานทัพลับ หลี่ฝางตบโต๊ะและยืนขึ้น

เมื่อพวกเขาเพิ่งออกมาจากโซนปีศาจ ก็กลับมาที่ห้องประชุมในฐานทัพลับ ไม่รอให้พักผ่อนสักหน่อย หลี่ฝางก็ได้ยินข่าวจากปากของส้าวส้วย

“แม่บาดเจ็บได้ยังไง? หนักมากมั้ย?” หลี่ฝางถามอย่างลนลาน

“ค่อนข้างหนัก” ส้าวส้วยพยักหน้าอย่างซีเรียส: “ยังจำศึกในวันนั้นได้มั้ย? การระเบิดที่แปลกประหลาดในตอนท้ายนั่น นายถูกดูดเข้าไปข้างใน ในตอนนั้นปรมาจารย์หญิงพยายามเสี่ยงชีวิตที่จะดึงนายกลับมา อย่างกับไม่ต้องการชีวิตแล้ว……”

ทันใดนั้นหลี่ฝางก็ช็อกไปเลย ในหัวนึกถึงภาพทรงจำนั้น แม่ของตนร้องเรียกชื่อของตนอย่างร้อนรน และยื่นมือเข้ามาทางตน……

“ปรมาจารย์หญิงได้รับบาดเจ็บหนัก นายก็หายตัวไป ปรมาจารย์ชายจึงทำได้แค่เลือกถอยออกมาก่อนอย่างไม่มีทางเลือก จากนั้นหลังจากที่กลับมาถึงฐานทัพของเรา ปรมาจารย์ชายก็ถ่ายทอดกำลังภายในให้ปรมาจารย์หญิงเพื่อรักษาท่านอย่างไม่หยุดหย่อน ฉันจึงมาที่นี่เพื่อช่วยนาย และมาเอาเจ้าสิ่งนี้ด้วย”

ส้าวส้วยพูดพลางชี้ไปที่กล่องโลหะที่อยู่ด้านข้าง ด้านในนั้นมีคริสตัลเรืองแสงที่เอามาจากซากโบราณสถานอยู่

ทันใดนั้นหลี่ฝางก็คาดเดาอยู่ในใจ และรีบถามขึ้น: “ของสิ่งนี้เอามาช่วยแม่ฉันใช่มั้ย?”

“ใช่” ส้าวส้วยพยักหน้า

“ดีมาก!เวลาไม่คอยท่า พวกเรากลับกันเดี๋ยวนี้เลย!” หลี่ฝางลุกขึ้นยืนอย่างรอไม่ไหว

“เดี๋ยวก่อน นายอย่าเพิ่งรีบร้อน มีแค่เจ้าสิ่งนี้ยังไม่พอ” ส้าวส้วยรีบห้ามหลี่ฝางไว้

“ยังขาดอะไร?”

“ยังขาดตัวยาล้ำค่าบางอย่าง แต่ว่า……ตอนนี้สถานที่ที่จะสามารถหาตัวยาพวกนั้นได้เร็วที่สุด นั่นก็มีแค่ที่หุบเขาราชายาแล้ว!”

“หุบเขาราชายา?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว

เพราะว่าจากที่โหจื่อบรรยายประสบการณ์กับสิ่งที่เจอที่ตระกูลชิว ทำให้หลี่ฝางมีความรู้สึกไม่ค่อยดีต่อหุบเขาราชายา

“ใช่” ส้าวส้วยจ้องตาหลี่ฝาง: “นายไปเอาสมุนไพรมา ฉันจะเอาสิ่งนี้กลับไปส่ง”

หลี่ฝางพยักหน้า

“รวดเร็วฉับไว!”

“แล้วมาพบกันที่ฐานของเรา!

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท