NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1014 ไม่ว่าใคร

บทที่ 1014 ไม่ว่าใคร

ถึงแม้ว่าเขาเกาฉงเมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองตง จะไม่ใช่อะไร แต่ว่าเจิ้งเหวินซิงพูดแบบนี้ออกมา นั่นก็คือการตบหน้ากันชัดๆ

แต่เกาฉงก็ไม่กล้าชักสีหน้า ยังไม่ต้องพูดถึงการข่มขู่จากตระกูลเจิ้ง แต่เจิ้งซานคนเดียว เกรงว่าก็พอที่จะทับพวกเขาทุกคนได้แล้ว

ขณะที่เกาฉงทำหน้าลำบากใจ เสียงของลู่เผิงเฟยก็ดังขึ้น

“อ๋อ? งั้นหน้าฉันล่ะ? สหายเจิ้งก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา?”

คิดไม่ถึงว่าลู่เผิงเฟยถึงกับยื่นมือเข้ามา ทันใดนั้นบนหน้าของคนรอบข้างก็มีความประหลาดใจขึ้นมาทันที

เกาฉงเป็นเจ้าของปาร์ตี้ในครั้งนี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องออกหน้ามาห้ามการทะเลาะวิวาทครั้งนี้อยู่แล้ว แต่ทำไมลู่เผิงเฟยต้องออกหน้าด้วยล่ะ? หรือว่าอยากจะเอาใจตระกูลเกากันนะ หรือว่า……จะเป็นเพราะเจ้าตัวคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนั้น มองดูแล้วไม่ได้เข้าพวกกับปาร์ตี้เลยอย่างหลี่ฝาง?

ผู้คนที่คิดถึงตรงนี้ ก็ค่อยๆ หันสายตาไปที่หลี่ฝาง และเริ่มคิดว่าเขามีฐานะอะไรกันแน่

เจิ้งเหวินซิงหรี่ตา น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย: “นายแน่ใจนะว่าจะขวางฉันเพื่อไอ้ขอทานนี่?”

เขารู้จักตระกูลลู่ดีอย่างมาก รู้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ตระกูลลู่กับผู้เฒ่า เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลเจิ้งนั้นอิจฉา

ส่วนอีกฝ่าย เมื่อได้ยินเจิ้งเหวินซิงเรียกว่า “ขอทาน” รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ฝางก็ค่อยๆ หายไป

ลู่เผิงเฟยเห็นสีหน้าของหลี่ฝางเปลี่ยนไป ก็ถอนหายใจในใจ และเอ่ยปากพูดกับเจิ้งเหวินซิง: “ฉันทำก็เพื่อนาย ถ้าหากนายไม่ฟัง งั้นก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน”

ที่จริงคิดว่าเจิ้งเหวินซิงเป็นคู่แข่ง ต่อไปไม่แน่อาจจะร่วมมือกันดีๆ ได้ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าของหลี่ฝางเปลี่ยนไป ดังนั้นก็รู้ได้ว่าต้องหุบปาก และก็หยุดเป็นผู้ไกล่เกลี่ย

คราวนี้ เจิ้งเหวินซิงก็อดไม่ได้แล้ว เขาหึอย่างเย็นชาแล้วพูด: “คุณชายตระกูลลู่ ก็แค่นี้เอง เพื่อไอ้ขอทานคนนึง ก็ถึงกับปล่อยวางความร่วมมือในอนาคต ฮ่าๆ ดี!”

หลังจากพูดเยาะเย้ย เจิ้งเหวินซิงก็สั่งการ

“เจิ้งซาน เอามันให้พิการ”

วินาทีนั้น ร่างใหญ่ของเจิ้งซานก็พุ่งเข้าหาหลี่ฝางจนเกิดลมแรง

ผู้คนที่ดูอยู่มีน้อยมากที่เห็นท่าทางของเขาอย่างชัดเจน เห็นหมัดที่เขาชกไปทางหลี่ฝาง

เสียงดัง “ปัง” ดังลั่นห้องโถง โต๊ะไม้ที่คั่นระหว่างเขาสองคน ก็ถูกชกจนละเอียดทันที

แน่นอนว่าหลี่ฝางไม่ยืนโง่อยู่ตรงนั้น เขาหลบไปด้านข้างนานแล้ว

“น่ากลัว นี่คือพลังทำลายล้างของนักรบเหรอ?”

“ไม่เสียแรงที่เป็นคุณชายเจิ้ง บอดี้การ์ดข้างกายไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ”

“พระเจ้า หมัดเมื่อกี้ถ้าตกไปอยู่ที่ร่างคน ยังจะมีชีวิตอยู่มั้ยนะ?”

“เห้อๆ ไอ้หนูนี่ไม่รอดแน่”

……

เจิ้งซานออกหมัดที่น่ากลัวแค่หมัดเดียว ทันใดนั้นก็ทำให้แขกที่อยู่ในห้องโถง แต่ละคนกลัวว่าตัวเองจะโดนลูกหลง

ไม่นาน ก็เว้นที่ว่างให้พวกหลี่ฝางทั้งสองคน

“รีบรนหาที่ตายจังนะ?”

หลี่ฝางมองไปที่โต๊ะไม่ที่โดนชกจนพัง และขมวดคิ้วทันที

แรงแบบนี้ ถ้าหากชกโดนคนธรรมดาเข้าจริงๆ ก็ไม่ต้องเดินกันแล้ว รอฝังอย่างเดียวเลย

วินาทีนั้น ในใจของหลี่ฝางก็มีความอาฆาตเกิดขึ้น

“เจิ้งซาน เร็ว รีบจัดการมัน!”

เจิ้งเหวินซิงตะโกนพูดอย่างด้านหลังอีกครั้ง

ส่วนเจิ้งซานที่เพิ่งรู้สึกถึงแรงอาฆาตของหลี่ฝาง ในใจก็สะดุ้งทันที สามารถปลดปล่อยแรงอาฆาตมาได้แบบนี้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่

แต่คำสั่งของเจิ้งเหวินซิงจะไม่ฟังก็ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่โจมตีอีกครั้งเท่านั้น

ขณะเดียวกันก็กดทับความหวั่นใจในใจ หวังว่าหลี่ฝางจะไม่ใช่ยอดฝีมือที่ซ่อนความสามารถอะไรแบบนั้น

แต่ว่าไม่นาน ท่าทีที่หลี่ฝางแค่หลบไม่สวนกลับ ก็ค่อยๆ ทำให้เจิ้งซานผ่อนคลายลง

ส่วนพวกคนที่รู้ฐานะของหลี่ฝาง ก็แอบลังเลในใจเช่นกัน

ถึงยังไงพวกเขาก็รู้ถึงความสามารถของหลี่ฝาง ถึงแม้การต่อสู้นี้ในสายตาคนอื่นจะสู้กันอย่างเมามัน น่าตื่นเต้นมากๆ แต่ที่พวกเขาเห็น การต่อสู้ครั้งนี้น่าจะจบในครู่เดียวถึงจะถูก

ถึงยังไง หลี่ฝางก็มีความสามารถที่จะฆ่าเจิ้งซานได้ในวินาทีเดียว

“แปลกแหะ พี่หลี่ทำอะไรอยู่นะ?”

หลายคนที่รู้จักหลี่ฝาง ก็เริ่มแอบพูดคุยกันขึ้นมา เจิ้งจิ้นเผิงที่ยืนอยู่ข้างๆ พวกเขา สีหน้าก็กลายเป็นแปลกไปขึ้นมา

วิสัยทัศน์ของเขาสูงกว่าเกาจื่อหมิงมาก แน่นอนว่าต้องมองออก ว่าหลี่ฝางจงใจไม่สวนกลับ แต่แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำแบบนั้น

ส่วนเจิ้งเหวินซิงเห็นว่านานแล้วเจิ้งซานก็จัดการหลี่ฝางไม่ได้สักที ในใจก็เริ่มทนไม่ไหว จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเร่ง: “เจิ้งซาน อย่าลีลา รีบจัดการมันซะ!”

ในตอนนี้ในใจของเจิ้งซานก็อึดอัดสุดๆ

เขารู้ ถ้าหากดูท่าทีของทั้งสองฝ่ายในตอนนี้ ตนจะต่อยคนตรงนี้กระเด็นถึงจะปกติ

แต่อีกฝ่ายก็หลบได้ดีมาก ไม่ว่าเขาจะออกมัดจากมุมไหน อีกฝ่ายก็รับมือได้หมด ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือว่าปฏิกิริยาตอบสนอง มันไม่ใช่อย่างที่คนธรรมดาจะมีได้

สู้กันครึ่งค่อนวัน เขาแม้กระทั่งแตะอีกฝ่ายยังแตะไม่ได้เลย

“ไอ้เวร!นายอย่ากระโดดไปๆ มาๆ เหมือนหมัดได้มั้ย?” เจิ้งซานอดไม่ได้ที่จะตะคอกใส่ “ถ้าไม่งั้นนายก็ไสหัวออกไปเอง อย่ามาอยู่ที่นี่ทำให้ฉันเสียเวลา!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท