จากนั้นแผ่นดินทั้งสองข้างก็ได้ทะลักกลับคืนมาอีกครั้ง และหลุมลึกขนาดมหึมานั้นก็ได้หายไป ราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น
“บัดซบเอ๊ย”
หลี่ฝางตะโกนด่าออกมาหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นก็ได้พุ่งออกไปเท้าข้างหนึ่งกระทืบลงไปบนพื้น เสียงตูมดังขึ้นเหมือนกับที่กู่ยี่เทียนทำเมื่อสักครู่ ทำให้บนพื้นเกิดเป็นหลุมลึกขึ้นมา แต่กลับไม่พบอะไรเลย
“สัตว์ประหลาดที่ถูกโลกอันบิดเบือนสร้างขึ้นมาพวกนี้ ความคิดแรกหลังจากที่เกิดขึ้นมา ก็คือกลืนกินต้นตอที่ทำให้ตัวเองเกิดขึ้น เปิดทางสำหรับการดำรงอยู่ของพันธุกรรม เพื่อเสริมลำดับพันธุกรรมของตัวเอง บรรลุการวิวัฒนาการอีกครั้ง”
กู่ยี่เทียนใบหน้าเคร่งขรึม เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างช้า ๆ
หลังจากที่กู่ยี่เทียนกล่าวจบลง พื้นดินก็ได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง พบเพียงบนพื้นดินได้เกิดกองดินยาวนูนขึ้นมาหลายสาย ราวกับว่ามีสัตว์ประหลาดกำลังที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วอยู่ใต้พื้นดิน
นอกจากนี้กองดินนั้นก็ได้มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับสิ่งที่อยู่ใต้ดินนั้นกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
และในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ตำแหน่งหนึ่งบนพื้นก็ได้พลันระเบิดออก และโจวเหว่ยยี่ก็ได้พุ่งออกมาจากด้านในด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยละอองธุลีดิน สีหน้าดูไม่ค่อยจะดีนัก เสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพงบนร่างของเขาก็ขาดรุงริง ดูแล้วเหมือนกับพึงได้ผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา
ปรมาจารย์กำลังภายในคนหนึ่ง ได้ผ่านการต่อสู้อย่างโชกโชนมาครั้งแล้วครั้งเล่า คงไม่ล้มลงไปง่าย ๆ แบบนั้นหรอกนะ
“สัตว์ประหลาดชนิดนี้มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง ไม่ตายได้ง่าย ๆ หรอก” กู่ยี่เทียนดูแล้วค่อนข้างจะจนใจ: “แต่มันก็หนีออกไปจากที่นี่ไม่ได้ เดินไปข้างหน้าก่อนเถอะ ตรงนี้เดียวภายหลังจะมีคนมาจัดการเอง”
ตอนนี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรโดยพลการอีกแล้ว ต่างก็เดินตามกู่ยี่เทียนอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่นานก็ได้เดินออกมาจาก “วังวนใหญ่”
เดินมาอีกสักระยะ ที่ด้านหน้าก็ได้ปรากฏลานหยกขนาดใหญ่ บนลานกว้างเต็มไปด้วยหมอกบาง ๆ ทำให้คนมองไม่ชัดว่าลานหยกแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขนาดไหนกันแน่
“พวกคุณน่าจะเห็นแล้วว่า ยิ่งเข้ามาลึก พลังอันแปลกประหลาดนั่นก็ยิ่งบริสุทธิ์ ความสามารถไม่ถึงขั้นกำลังภายใน แม้แต่พลังอันแปลกประหลาดที่อยู่โดยรอบก็ทนรับไม่ได้ ทำได้เพียงหยุดอยู่แค่นี้”
กล่าวจบ กู่ยี่เทียนก็เดินขึ้นไปบนลานหยก ทันใดนั้น ทุกคนก็สังเกตเห็นว่าร่างกายของกู่ยี่เทียนได้สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นถึงได้นิ่งลง
หลี่ฝางที่เดินตามขึ้นไปจู่ ๆ ก็ได้สัมผัสถึงพลังมหาศาลที่โถมกระหน่ำเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ ราวกับจะบดขยี้ร่างเขาอย่างไรอย่างนั้น
พลังชนิดนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง บดขยี้ร่างของคนธรรมดาคนหนึ่งให้กลายเป็นลูกชิ้นคงไม่มีปัญหาอะไร
หลี่ฝางปล่อยรัศมีพลังออกมา พลันรู้สึกว่าร่างกายได้เบาขึ้นมาทันที ประหยัดพลังไปไม่น้อย แต่ค่าตอบแทนก็คือได้ใช้กำลังภายในในร่างกายไปจำนวนมาก
“ยิ่งลึกเข้ามา พลังอันแปลกประหลาดก็ยิ่งเข้มขึ้นขึ้นมาเรื่อย ๆ ในที่นี้มีเพียงผมและหลี่ฝางเท่านั้นที่สามารถดูดซับพลังอันแปลกประหลาดนี้เข้ามาทดแทนได้ทุกเมื่อ แต่พวกคุณจะต้องระวังให้มาก” กู่ยี่เทียนกล่าวกำชับ
หลี่ฝางมองดูลานกว้างที่ไร้ขอบเขตแห่งนี้ เงยหน้าขึ้นไปเห็นเป็นคริสทัลส่องแสงระยิบระยับฝังอยู่บนเพดานอย่างนับไม่ถ้วน สร้างเป็นรูปลักษณ์ที่มีดวงอยู่เต็มท้องฟ้า
“สมกับที่เป็นจูหลงจริง ๆ ตายแล้วยังได้นอนในสถานที่ที่หรูหราแบบนี้” ใครคนหนึ่งกล่าวอย่างถอดถอนใจ
“จูหลงแล้วยังไงล่ะ ก็ตายเร็วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” อีกคนกล่าวเย้ยหยัน
“ฉายานามบรรพบุรุษมังกรแห่งแดนดั่งเทพแต่ก็มีชีวิตอยู่แค่ห้าสิบกว่าปี ช่างเป็นเรื่องตลกที่ตลกที่สุดบนโลกใบนี้จริง ๆ”
“คุณรู้ว่าเขาได้ตายไปแล้วจริง ๆ งั้นเหรอ? ผู้ที่แข็งแกร่งแห่งแดนดั่งเทพ จะถูกคนทำร้ายจนตายง่าย ๆ แบบนั้นได้ยังไง! ส่วนเรื่องแก่ตายนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย!” อีกคนกล่าวถกเถียง
ในตอนนี้เองกู่ยี่เทียนก็ได้เอ่ยขึ้นมา: “จูหลงได้ตายไปนานแล้วจริง ๆ ตรงนั้นมีกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่อยู่ ข้างบนได้จารึกวันเดือนปีเกิดและวันเดือนปีที่จูหลงเสียชีวิตเอาไว้” กู่ยี่เทียนได้ชี้ไปยังกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่มองเห็นเลือนรางอยู่ท่ามกลางหมอกควัน และกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง: “ข้างบนยังได้บันทึกวิธีการบรรลุสู่แดนเตาเอาไว้อีกด้วย”
ทันทีที่คำพูดประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา ทันใดนั้นดวงตาของเหล่าปรมาจารย์กำลังภายในก็ได้เปล่งประกายขึ้นมา ไม่รอช้า ทั้งหมดก็ได้เดินไปยังกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่นั่นทันที
แต่สี่ขุนศึกกลับไม่ขยับเลยสักนิด ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยมาที่นี่สักหน่อย เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะได้เห็นกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่นั่นมาหลายครั้งแล้ว
และในเวลานี้ไท่ซางเห็นหลี่ฝางไม่ได้เข้าไป จึงได้หันไปมองกู่ยี่เทียนและสี่ขุนศึกที่ยืนอยู่ข้างกายของเขา คิดอยู่สักพัก คิดไม่ถึงว่าเขาจะถอยกลับมาและไปยืนอยู่ที่ด้านหลังของหลี่ฝาง
ลูกพี่คุยกัน ลูกน้องจะต้องคอยยืนสนับสนุนอยู่ด้านหลังถึงจะถูก ไม่เห็นเหรอว่าที่ด้านหลังของกู่ยี่เทียนมีสี่คนคอยติดตามอยู่
หลี่ฝางคาดเดาความคิดของไท่ซางออก จึงยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ และหันไปเอ่ยกับกู่ยี่เทียน: “ฉันเดาว่าวิธีข้างบนนั้นน่าจะใช้ไม่ได้ นายจงใจให้พวกเขาถอยห่างออกไป มีเรื่องอะไรจะหารือกับฉันหรือเปล่า?”
“นายพูดถูก สภาพแวดล้อมของโลกเปลี่ยนไปมาก วิธีข้างบนนั้นตอนนี้ใช้ไม่ได้ไปตั้งนานแล้ว” กู่ยี่เทียนกล่าวอย่างเรียบ ๆ
เย็ดเข้ จู่ ๆ ไท่ซางก็รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมา ปรมาจารย์กำลังภายในกลุ่มหนึ่งถูกกู่ยี่เทียนหลอกกลับไปกลับมา คิดไม่ถึงว่าหมอนี่เองก็เจ้าเล่ห์แบบนี้
แต่ยังดีที่ตัวเองฉลาด เลือกที่จะอยู่ข้างกายของลูกพี่ ไอ้ผีผิวขาวนั่นวิ่งเข้าไปอย่างโง่เง่า ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่ามันจะมีสีหน้าท่าทางยังไง หึ ๆ ……
เมื่อคิดเช่นนี้ ภายในใจของไท่ซางไม่เพียงสมดุล ทั้งยังรู้สึกชอบใจอีกด้วยซ้ำ
“เส้นทางที่ต้องเดินต่อไปยิ่งลำบากขึ้นเรื่อย ๆ เกรงว่าปรมาจารย์กำลังภายในกลุ่มนี้จะทนต่อไปไม่ไหว” กู่ยี่เทียนเอ่ยขึ้น: “ต้องการไปให้ถึงที่สุด จำเป็นต้องคิดหาวิธีอื่น”
“ข้างหน้ามีอะไรเหรอ?” หลี่ฝางเอ่ยถาม
“สิบสองคนทอง” กู่ยี่เทียนลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายจึงได้กล่าวขึ้นมา
“นั่นมันอะไรกัน?” หลี่ฝางชะงักไปสักพัก