NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1026 ประวัติศาสตร์เมื่อสองพันปีก่อน

บทที่ 1026 ประวัติศาสตร์เมื่อสองพันปีก่อน

จากนั้นแผ่นดินทั้งสองข้างก็ได้ทะลักกลับคืนมาอีกครั้ง และหลุมลึกขนาดมหึมานั้นก็ได้หายไป ราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น

“บัดซบเอ๊ย”

หลี่ฝางตะโกนด่าออกมาหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นก็ได้พุ่งออกไปเท้าข้างหนึ่งกระทืบลงไปบนพื้น เสียงตูมดังขึ้นเหมือนกับที่กู่ยี่เทียนทำเมื่อสักครู่ ทำให้บนพื้นเกิดเป็นหลุมลึกขึ้นมา แต่กลับไม่พบอะไรเลย

“สัตว์ประหลาดที่ถูกโลกอันบิดเบือนสร้างขึ้นมาพวกนี้ ความคิดแรกหลังจากที่เกิดขึ้นมา ก็คือกลืนกินต้นตอที่ทำให้ตัวเองเกิดขึ้น เปิดทางสำหรับการดำรงอยู่ของพันธุกรรม เพื่อเสริมลำดับพันธุกรรมของตัวเอง บรรลุการวิวัฒนาการอีกครั้ง”

กู่ยี่เทียนใบหน้าเคร่งขรึม เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างช้า ๆ

หลังจากที่กู่ยี่เทียนกล่าวจบลง พื้นดินก็ได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง พบเพียงบนพื้นดินได้เกิดกองดินยาวนูนขึ้นมาหลายสาย ราวกับว่ามีสัตว์ประหลาดกำลังที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วอยู่ใต้พื้นดิน

นอกจากนี้กองดินนั้นก็ได้มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับสิ่งที่อยู่ใต้ดินนั้นกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

และในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ตำแหน่งหนึ่งบนพื้นก็ได้พลันระเบิดออก และโจวเหว่ยยี่ก็ได้พุ่งออกมาจากด้านในด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยละอองธุลีดิน สีหน้าดูไม่ค่อยจะดีนัก เสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพงบนร่างของเขาก็ขาดรุงริง ดูแล้วเหมือนกับพึงได้ผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา

ปรมาจารย์กำลังภายในคนหนึ่ง ได้ผ่านการต่อสู้อย่างโชกโชนมาครั้งแล้วครั้งเล่า คงไม่ล้มลงไปง่าย ๆ แบบนั้นหรอกนะ

“สัตว์ประหลาดชนิดนี้มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง ไม่ตายได้ง่าย ๆ หรอก” กู่ยี่เทียนดูแล้วค่อนข้างจะจนใจ: “แต่มันก็หนีออกไปจากที่นี่ไม่ได้ เดินไปข้างหน้าก่อนเถอะ ตรงนี้เดียวภายหลังจะมีคนมาจัดการเอง”

ตอนนี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรโดยพลการอีกแล้ว ต่างก็เดินตามกู่ยี่เทียนอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่นานก็ได้เดินออกมาจาก “วังวนใหญ่”

เดินมาอีกสักระยะ ที่ด้านหน้าก็ได้ปรากฏลานหยกขนาดใหญ่ บนลานกว้างเต็มไปด้วยหมอกบาง ๆ ทำให้คนมองไม่ชัดว่าลานหยกแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขนาดไหนกันแน่

“พวกคุณน่าจะเห็นแล้วว่า ยิ่งเข้ามาลึก พลังอันแปลกประหลาดนั่นก็ยิ่งบริสุทธิ์ ความสามารถไม่ถึงขั้นกำลังภายใน แม้แต่พลังอันแปลกประหลาดที่อยู่โดยรอบก็ทนรับไม่ได้ ทำได้เพียงหยุดอยู่แค่นี้”

กล่าวจบ กู่ยี่เทียนก็เดินขึ้นไปบนลานหยก ทันใดนั้น ทุกคนก็สังเกตเห็นว่าร่างกายของกู่ยี่เทียนได้สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นถึงได้นิ่งลง

หลี่ฝางที่เดินตามขึ้นไปจู่ ๆ ก็ได้สัมผัสถึงพลังมหาศาลที่โถมกระหน่ำเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ ราวกับจะบดขยี้ร่างเขาอย่างไรอย่างนั้น

พลังชนิดนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง บดขยี้ร่างของคนธรรมดาคนหนึ่งให้กลายเป็นลูกชิ้นคงไม่มีปัญหาอะไร

หลี่ฝางปล่อยรัศมีพลังออกมา พลันรู้สึกว่าร่างกายได้เบาขึ้นมาทันที ประหยัดพลังไปไม่น้อย แต่ค่าตอบแทนก็คือได้ใช้กำลังภายในในร่างกายไปจำนวนมาก

“ยิ่งลึกเข้ามา พลังอันแปลกประหลาดก็ยิ่งเข้มขึ้นขึ้นมาเรื่อย ๆ ในที่นี้มีเพียงผมและหลี่ฝางเท่านั้นที่สามารถดูดซับพลังอันแปลกประหลาดนี้เข้ามาทดแทนได้ทุกเมื่อ แต่พวกคุณจะต้องระวังให้มาก” กู่ยี่เทียนกล่าวกำชับ

หลี่ฝางมองดูลานกว้างที่ไร้ขอบเขตแห่งนี้ เงยหน้าขึ้นไปเห็นเป็นคริสทัลส่องแสงระยิบระยับฝังอยู่บนเพดานอย่างนับไม่ถ้วน สร้างเป็นรูปลักษณ์ที่มีดวงอยู่เต็มท้องฟ้า

“สมกับที่เป็นจูหลงจริง ๆ ตายแล้วยังได้นอนในสถานที่ที่หรูหราแบบนี้” ใครคนหนึ่งกล่าวอย่างถอดถอนใจ

“จูหลงแล้วยังไงล่ะ ก็ตายเร็วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” อีกคนกล่าวเย้ยหยัน

“ฉายานามบรรพบุรุษมังกรแห่งแดนดั่งเทพแต่ก็มีชีวิตอยู่แค่ห้าสิบกว่าปี ช่างเป็นเรื่องตลกที่ตลกที่สุดบนโลกใบนี้จริง ๆ”

“คุณรู้ว่าเขาได้ตายไปแล้วจริง ๆ งั้นเหรอ? ผู้ที่แข็งแกร่งแห่งแดนดั่งเทพ จะถูกคนทำร้ายจนตายง่าย ๆ แบบนั้นได้ยังไง! ส่วนเรื่องแก่ตายนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย!” อีกคนกล่าวถกเถียง

ในตอนนี้เองกู่ยี่เทียนก็ได้เอ่ยขึ้นมา: “จูหลงได้ตายไปนานแล้วจริง ๆ ตรงนั้นมีกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่อยู่ ข้างบนได้จารึกวันเดือนปีเกิดและวันเดือนปีที่จูหลงเสียชีวิตเอาไว้” กู่ยี่เทียนได้ชี้ไปยังกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่มองเห็นเลือนรางอยู่ท่ามกลางหมอกควัน และกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง: “ข้างบนยังได้บันทึกวิธีการบรรลุสู่แดนเตาเอาไว้อีกด้วย”

ทันทีที่คำพูดประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา ทันใดนั้นดวงตาของเหล่าปรมาจารย์กำลังภายในก็ได้เปล่งประกายขึ้นมา ไม่รอช้า ทั้งหมดก็ได้เดินไปยังกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่นั่นทันที

แต่สี่ขุนศึกกลับไม่ขยับเลยสักนิด ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยมาที่นี่สักหน่อย เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะได้เห็นกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่นั่นมาหลายครั้งแล้ว

และในเวลานี้ไท่ซางเห็นหลี่ฝางไม่ได้เข้าไป จึงได้หันไปมองกู่ยี่เทียนและสี่ขุนศึกที่ยืนอยู่ข้างกายของเขา คิดอยู่สักพัก คิดไม่ถึงว่าเขาจะถอยกลับมาและไปยืนอยู่ที่ด้านหลังของหลี่ฝาง

ลูกพี่คุยกัน ลูกน้องจะต้องคอยยืนสนับสนุนอยู่ด้านหลังถึงจะถูก ไม่เห็นเหรอว่าที่ด้านหลังของกู่ยี่เทียนมีสี่คนคอยติดตามอยู่

หลี่ฝางคาดเดาความคิดของไท่ซางออก จึงยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ และหันไปเอ่ยกับกู่ยี่เทียน: “ฉันเดาว่าวิธีข้างบนนั้นน่าจะใช้ไม่ได้ นายจงใจให้พวกเขาถอยห่างออกไป มีเรื่องอะไรจะหารือกับฉันหรือเปล่า?”

“นายพูดถูก สภาพแวดล้อมของโลกเปลี่ยนไปมาก วิธีข้างบนนั้นตอนนี้ใช้ไม่ได้ไปตั้งนานแล้ว” กู่ยี่เทียนกล่าวอย่างเรียบ ๆ

เย็ดเข้ จู่ ๆ ไท่ซางก็รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมา ปรมาจารย์กำลังภายในกลุ่มหนึ่งถูกกู่ยี่เทียนหลอกกลับไปกลับมา คิดไม่ถึงว่าหมอนี่เองก็เจ้าเล่ห์แบบนี้

แต่ยังดีที่ตัวเองฉลาด เลือกที่จะอยู่ข้างกายของลูกพี่ ไอ้ผีผิวขาวนั่นวิ่งเข้าไปอย่างโง่เง่า ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่ามันจะมีสีหน้าท่าทางยังไง หึ ๆ ……

เมื่อคิดเช่นนี้ ภายในใจของไท่ซางไม่เพียงสมดุล ทั้งยังรู้สึกชอบใจอีกด้วยซ้ำ

“เส้นทางที่ต้องเดินต่อไปยิ่งลำบากขึ้นเรื่อย ๆ เกรงว่าปรมาจารย์กำลังภายในกลุ่มนี้จะทนต่อไปไม่ไหว” กู่ยี่เทียนเอ่ยขึ้น: “ต้องการไปให้ถึงที่สุด จำเป็นต้องคิดหาวิธีอื่น”

“ข้างหน้ามีอะไรเหรอ?” หลี่ฝางเอ่ยถาม

“สิบสองคนทอง” กู่ยี่เทียนลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายจึงได้กล่าวขึ้นมา

“นั่นมันอะไรกัน?” หลี่ฝางชะงักไปสักพัก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท