NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1037 สายตาอันน่าสะพรึงกลัว

บทที่ 1037 สายตาอันน่าสะพรึงกลัว

“ได้เลย หยางฉง เรื่องนี้คุณทำเกินไปแล้ว!” หลิวเห้าปอโกรธจนสติแตก “งั้นฉันจะรอดูว่าตระกูลคุณจะฝ่าวิกฤติมรสุมครั้งนี้ไปได้ยังไง! ถึงเวลาคุณก็อย่าร้องไห้มาขอร้องฉันอีกก็แล้วกัน!”

ทิ้งคำพูดนี้ไว้อย่างดุดัน หลิวเห้าปอหันหลังกลับแล้วเดินจากไป

ในขณะที่ก่อนจากไปนั้น เขาก็ทำตาถลนใส่หลี่ฝางแล้วพูดเสียงเบาว่า “ไอ้เด็กเวร ต่อไปแกระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน อย่าเดินไปกลางถนนแล้วโดนคนตื้บแบบไม่รู้สาเหตุล่ะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้วก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกข่มขู่ ถึงแม้หลี่ฝางจะสูญเสียความทรงจำไปแล้วก็ตาม แต่อารมณ์ความโกรธก็ยังมีอยู่ จะให้คนแบบนี้มาข่มขู่ได้อย่างไรกัน?

ทันใดนั้น ในตัวของหลี่ฝางก็ปลดปล่อยรังสีพิฆาตออกมา พุ่งตรงเข้าไปหาหลิวเห้าปอ

ชั่วพริบตาเดียว หลิวเห้าปอรู้สึกแต่เพียงว่าโลกทั้งใบมืดมิดไปหมด ความรู้สึกหวาดกลัวต่อความตายก็เกิดขึ้นมาในใจทันที

เสียงดัง“ตุ๊บ” ขาทั้งสองข้างของหลิวเห้าปอก็อ่อนแรงทันที จากนั้นก็คุกเข่าลงไปกับพื้น

มองดูหลิวเห้าปอคุกเข่าลงกะทันหันเช่นนั้น ทุกคนต่างก็ตื่นตกใจ ไม่เข้าใจเลยว่าหลิวเห้าปอจะมาเล่นไม้ไหนกันแน่

ทำไมคำพูดเมื่อกี้ยังเป็นคำข่มขู่อยู่เลย แล้วตอนนี้ทำไมกลับคุกเข่าลงไปเสียแล้วล่ะ? หรือว่าเป็นเพราะว่าสำนึกผิด รู้ว่าตัวเองพูดผิดแล้วเช่นนั้นเหรอ?

หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาก็เพียงแต่รู้สึกโกรธ จึงจ้องตาเขม็งใส่หลิวเห้าปอเท่านั้นเอง ไม่รู้เลยว่าการที่ตัวเองจ้องมองเพียงแค่นั้นถึงกับมีพลังมหาศาลขนาดนั้นได้

“หลิวเห้าปอคุณประสาทแล้วหรือไง? คุณคิดว่าทำอย่างนี้ฉันก็จะยอมสยบให้คุณแล้วเหรอ?” หยางฉงเห็นหลิวเห้าปอคุกเข่าลงรู้สึกมึนงงไปหมด แต่ว่าเธอก็ไม่อยากจะอยู่ตอแยกับเขาอีกต่อไป พอพูดจบก็รีบพาสองคนนั้นเดินจากไป

เธอรู้ดีว่า หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลหลิวเดิมทีเป็นพันธมิตรกับตระกูลหยางอาจจะต้องกลายเป็นศัตรูไปแล้ว แต่เธอก็ไม่เสียใจที่ทำเช่นนั้น เพราะว่าสำหรับเธอแล้ว ความมุ่งมั่นในการตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า

เพียงแต่ว่าข้อเสียที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็คือทำให้หลี่ฝางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

หยางฉงพูดกับหลี่ฝางว่า “ขอโทษนะ วันนี้ทำให้คุณต้องลำบากใจแล้ว แต่ว่าคุณเชื่อฉันเถอะ ไม่มีใครทำร้ายคุณได้หรอก”

“ฮ่าๆๆ วางใจเถอะ ฉันไม่อ่อนแออย่างที่คุณคิดหรอก สามารถที่จะปกป้องตัวเองได้อย่างดี” หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้ว ฉันก็ย่อมต้องช่วยเหลือคุณ คุณก็อย่าเก็บมาใส่ใจเลย”

“พูดได้ยอดเยี่ยม!” หวางซีเหยาพูดอย่างชื่นชมอยู่ข้างๆว่า “พี่หลี่ นี่แหละถึงจะนับว่าเป็นพี่น้องที่แสนดี!”

“นังตัวดี…..” หยางฉงเม้มปากยิ้ม จากนั้นก็พูดกับหลี่ฝางว่า “ตอนนี้คุณจะตามฉันไปดูที่ทำงานหรือเปล่า? จะได้ไปทำความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมในบริษัทไว้บ้าง”

“เออ คนขับรถยังต้องไปบริษัทด้วยเหรอ?” หลี่ฝางเอามือลูบศีรษะ “ฉันยังคิดว่าฉันแค่ต้องไปรู้จักกับเส้นทางไว้ก็พอแล้ว”

“งั้นไม่ไปก็ได้นะ นี่ไม่เป็นไรอยู่แล้ว” หยางฉงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันให้เหยาเหยาพาคุณไปดูสถานที่ที่พักคุณก็แล้วกัน คุณเข้าไปเก็บกวาดทางนั้นก่อน เมื่ออยู่เป็นหลักแหล่งแล้วค่อยว่าทีหลัง”

พูดพลางหยางฉงก็หยิบกุญแจดอกหนึ่งให้กับหวางซีเหยา จากนั้นก็หันหลังจากไป

“เป็นกุญแจที่นั่นเชียวเหรอ?” หวางซีเหยาป้องปากเบาๆแล้วพูดว่า “ที่นั่นเป็นฐานลับเฉพาะของเจ๊ใหญ่ฉันเลยนะ มีไม่กี่คนที่รู้จักหรอก!”

“อ๋อเหรอ? หลี่ฝางเมื่อได้ยินแล้วรู้สึกลังเลเล็กน้อย “งั้นถ้าฉันไปอยู่จะเหมาะหรือเปล่า? หรือไม่ฉันจะไปเช่าโรงแรมข้างนอกอยู่ก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไร เจ๊ใหญ่ให้คุณอยู่คุณก็อยู่ไปก็แล้วกัน” หวางซีเหยาหัวเราะเฮๆแล้วผลักหลี่ฝางเข้าไปในรถ “ถ้าคุณขืนไม่เข้าไปอยู่ละก็ กลับจะทำให้เจ๊ใหญ่ฉันไม่สบายใจได้นะ!”

พูดจบ เธอก็ขับรถพาหลี่ฝางจากไป

หลังจากที่สองคนนั้นจากไปแล้ว ผ่านไปสักครู่หนึ่ง หลิวเห้าปอเดินออกมาจากร้านอาหารด้วยสีหน้าขาวซีด หน้าตาเคร่งขรึม ดวงตาทั้งคู่ส่องประกายความดุดัน

“เออดี! ดี ดี หยางฉง ยังมีไอ้เด็กเวรที่สมควรตายนั่น พวกแกคอยดูฉันก็แล้วกัน……”

……

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ภายใต้การแนะนำของหวางซีเหยา หลี่ฝางก็ได้ซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันเป็นจำนวนมาก แน่นอนที่หวางซีเหยาต้องเป็นคนจ่ายเงินให้ทั้งหมด

หลี่ฝางยืนอยู่ข้างๆถึงแม้ว่าจะมีความรู้สึกเคอะเขินบ้าง แต่ว่าตอนนี้จนปัญญาไม่มีเงินจริงๆ จึงได้แต่บอกกับหวางซีเหยาว่าเงินพวกนี้ให้หักจากเงินเดือนของตัวเองก็แล้วกัน

หวางซีเหยาก็ไม่ปฏิเสธ เพียงแต่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หลังจากซื้อข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็มาถึงอพาร์ทเมนท์เล็กๆที่มีหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก

ที่นี่ก็คือ“ฐานลับเฉพาะ”ของหยางฉง เนื้อที่เพียงแค่ราว 60 ตารางเมตร มีห้องนอนใหญ่มากหนึ่งห้อง ถึงแม้พื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่ภายในให้ความรู้สึกที่แสนอบอุ่น

“เหยาเหยา วันนี้คุณก็เหนื่อยแล้วสินะ งั้นก็รีบกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ วันหลังฉันค่อยเลี้ยงคุณกินข้าวนะ”

หลังจากนั่งลงบนโซฟาพักผ่อนสักครู่หนึ่ง หลี่ฝางก็พูดกับหวางซีเหยา

“ได้เลยได้เลย งั้นคุณก็พักผ่อนให้สบายนะ เงินพวกนี้เก็บไว้กินข้าวด้วย” หวางซีเหยาก็เอาธนบัตรสีแดงหลายใบออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หลี่ฝางรู้สึกเคอะเขิน เธอจึงพูดเสริมขึ้นว่า “รอให้เงินเดือนคุณออกก่อนแล้วค่อยคืนให้ฉันก็แล้วกัน”

“ขอบคุณมาก” ถึงแม้หลี่ฝางจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้าง แต่ก็เกรงใจไม่อยากปฏิเสธ คนอื่นเป็นหญิงสาวยังพูดเช่นนี้เลย ถ้าเขายังปฏิเสธอีกก็ยิ่งดูหยุมหยิมเหมือนยายแก่ไปแล้ว

หลังจากเหยาเหยากลับไปแล้ว หลี่ฝางก็นั่งบนโซฟาพักผ่อนสักครู่หนึ่ง ในสมองก็ลองพยายามหวนนึกถึงอดีตของตัวเอง

แต่เสียดายที่ว่า เขาไม่สามารถนึกอะไรออกมาได้เลย เรื่องในอดีตของตัวเองเหมือนไม่มีความทรงจำหลงเหลืออยู่แล้ว

ถอนหายใจอย่างจนใจ หลี่ฝางเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงเตรียมตัวทำกับข้าวมื้อเย็น

เพิ่งจะทำกับข้าวได้สองอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากข้างนอก หลี่ฝางเปิดประตูก็เห็นหยางฉงยืนอยู่ข้างนอก

“ฉันแวะมาดูคุณหน่อย กินข้าวหรือยังล่ะ?” หยางฉงถึงแม้พยายามที่จะทำหน้ายิ้มแย้ม แต่ใบหน้าที่อิดโรยก็ไม่อาจจะกลบเกลื่อนเอาไว้ได้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท