NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1042 หาเรื่องเอง

บทที่ 1042 หาเรื่องเอง

ในเวลานี้เอง หยางฉงก็เดินเข้ามาจากที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แล้วเอ่ยปากพูดว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”

เจางยู่มองดูหยางฉง พูดด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้มว่า “คุณหนูหยาง ฮ่าๆ ฉันกับคู่หมั้นของคุณหลิวเห้าปอเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่ว่ามีคนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรมั่วเข้ามาในงานเลี้ยง ฉันเลยให้ยามรักษาความปลอดภัยไล่เขาออกไปก็เท่านั้นเอง”

ฐานะของจางยู่คนนี้ น่าจะไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เป็นถึงทายาทคนเดียวของบริษัทเฉินเย่

เมื่อพูดถึงด้านสินทรัพย์เงินลงทุนนั้น บริษัทเฉินเย่ถึงแม้จะสู้ตระกูลหยางไม่ได้ก็ตาม แต่ว่าจางยู่คนนี้เป็นลูกโทนของผู้อำนวยการใหญ่บริษัทเฉินเย่ ก็ย่อมเหนือกว่าเธออย่างมากทีเดียว

ไม่คิดอยากจะผิดใจกับอีกฝ่ายหนึ่ง หยางฉงได้แต่เก็บความโกรธไว้แล้วพูดว่า “คุณชายจาง เขาเป็นเพื่อนชายของฉันเอง มาเป็นเพื่อนฉันในงานเลี่ยงครั้งนี้ เพียงแต่ไม่ชอบใส่ชุดสูท จึงใส่ชุดลำลองธรรมดามาในงานเท่านั้นเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของหยางฉงแล้ว หลิวเห้าปอโกรธจนแทบจะบ้าคลั่ง

“หยางฉง ในสายตาของคุณยังมีคู่หมั้นอย่างฉันอยู่อีกหรือเปล่า?” หลิวเห้าปอโกรธจนเสียสติจนตะคอกเสียงดังใส่

หยางฉงพูดตอบโต้กลับไปอย่างไม่เกรงใจเลยว่า “หลิวเห้าปอ คุณหยุดทำลายชื่อเสียงของฉันจนป่นปี้เสียที! รู้จักอายเสียบ้าง พวกเราสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย!”

จางยู่ที่อยู่ด้านข้างก็จงใจพูดขึ้นว่า “แปลกจังเลย เมื่อกี้คนนี้บอกว่าตัวเองเป็นคนขับรถ ไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมกลายเป็นเพื่อนชายของคุณหนูหยางไปได้ล่ะ?”

หลี่ฝางลุกขึ้นยืน ถามด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “เพื่อนชายของหยางฉงจะเป็นคนขับรถไม่ได้เหรอไง?”

“แกหุบปากไปเลย” หลิวเห้าปอโกรธจนแทบระเบิด ชี้หน้าหลี่ฝางอย่างดุดันแล้วพูดว่า “อยู่ที่นี่แกไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรทั้งนั้น!”

เพี๊ยะ!

ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของเขา หลี่ฝางก็ตบหน้าไปหนึ่งฉาก

หลิวเห้าปอถูกตบจนมึนงงไปหมด มองหน้าหลี่ฝางอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“แกกล้าตบฉันเหรอ?”

“ตบแกแล้วยังไงล่ะ?” หลี่ฝางทำตาหรี่ เดิมทีที่คิดว่าอยากจะให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปอย่างสงบเงียบ แต่คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่ตามมายั่วยุครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกบีบคั้นจนทนไม่ไหวจึงต้องลงมือกับเขา

ผู้คนที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นก็คิดไม่ถึงว่าหลี่ฝางถึงกับลงมือทำร้ายคนเช่นนี้ นี่มันดุดันเกินไปแล้ว!

จางยู่ที่เมื่อครู่ยังแสดงท่าทีโอหังอวดบารมีอยู่ก็ค่อยๆถอยหลังไปหลายก้าว เขาก็ไม่อยากที่จะถูกตบเป็นรายต่อไป

ถูกคนตบหน้าต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดี

ตอนนี้ ก็มีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่สนใจความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรงนี้แล้ว ต่างเข้าไปมุงดูความครึกครื้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หลิวเห้าปอใช้มือปิดหน้ายืนงงอยู่หลายวินาที ในที่สุดดูเหมือนจะได้สติคืนมาแล้ว จึงแหกปากตะโกนเสียงดังไปว่า “แกกล้าตบฉันเหรอ? ฉันจะให้แกเจอดีเสียบ้าง! พี่หยาง!”

ผู้ชายร่างสูงใหญ่บึกบึนแข็งแรงสูงราวประมาณสองเมตร รีบวิ่งมาจากที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

“คุณชายครับ มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ!”

“ฉันถูกคนทำร้าย!” หลิวเห้าปอยื่นมือไปชี้หน้าหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยเสียงเข้มว่า “จัดการเก็บไอ้หมอนี่ให้ฉันที!”

มือปืนของเขาหยางเฉินจ้างมาในราคาที่สูงลิ่ว มีความสามารถเก่งกาจมาก แค่จัดการหลี่ฝาง ตัวเล็กๆแค่นี้มันก็คงง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

“ไอ้เด็กเวร แกกล้าทำร้ายคุณชายพวกเราเหรอ?” หยางเฉินมองหน้าหลี่ฝางแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “ตอนนี้แกเองก็รีบคุกเข่าลงแล้วขอโทษคุณชายพวกฉันเดี๋ยวนี้เลย ฉันอาจจะคิดทบทวนใหม่ว่าจะลงมือให้เบาลงหน่อย ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ชั่วชีวิตแกต่อแต่นี้ไปก็คง ต้องใช้ชีวิตอยู่บนเตียงตลอดไปแล้วล่ะ!”

หลี่ฝางมองดูหยางเฉินที่อยู่ตรงหน้า ในใจไม่มีความกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว

เพราะว่าในใจเขามีเซนส์อย่างหนึ่งบอกว่า พละกำลังเช่นนี้ของหยางเฉิน สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องที่จิ๊บจ้อยมาก

ดังนั้นเขาจึงขี้เกียจที่จะพูดมากความ กำหมัดชกออกไปทันที

“รนหาที่ตาย!” หยางเฉินยิ้มอย่างดุร้ายแล้วยื่นมือจะไปจับกำปั้นของหลินฝันที่ชกเข้ามา

เขาคิดที่จะหักแขนของหลี่ฝางก่อน จากนั้นก็ค่อยเหยียบขาทั้งสองข้างให้หักไปเลย จะทำให้ไอ้เด็กเวรนี่คลานลงบนพื้นแล้วนอนร้องโอดโอยด้วยความสำนึกผิด!

แต่แล้วขณะที่มือของเขาสัมผัสกับหลี่ฝางในเสี้ยววินาทีนั้น พลังแรงมหาศาลที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมา หยางเฉินไม่มีแม้กระทั่งโอกาสในการตอบโต้เลย ก็ถูกหมัดนี้ชกกระเด็นจนเหาะข้ามไป!

“โป้ง!”

หยางเฉินก็กระเด็นถอยหลังไปชนกับกำแพงของห้องโถง ทุกคนต่างรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างแรง ผนังกำแพงถูกชนจนร้าว หยางเฉินก็ตกลงมาบนพื้นแล้วไม่หายใจอีกเลย

“โอ๊ย! ฆ่าคนตายแล้ว!”

ภายในงานเลี้ยงนั้นก็เกิดเสียงกรีดร้องดังก้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว ทุกคนล้วนแต่หนีให้ห่างไปจากหลี่ฝางอย่างอัตโนมัติ

ทุกคนต่างก็ไม่เคยคิดเลยว่า หลี่ฝางไอ้เด็กยากจนคนนี้ถึงกับมีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้

นี่มันเหมือนจงใจแกล้งหลอกให้ตายใจชัดๆ!

แต่หลี่ฝางกลับไม่ได้จงใจแกล้งหลอกให้ตายใจ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมัดนี้ของตัวเองจะมีพลังมากมายขนาดนี้ ดูเหมือนออกแรงมากเกินไปหน่อยแค่นั้นเอง

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ในใจหลี่ฝางกลับนึกสนุกขึ้นมา หันไปจ้องมองหลิวเห้าปอตาเขม็ง รังสีอํามหิตแผ่ซ่านออกมาพุ่งตรงไปปกคลุมหลิวเห้าปอไว้ทันที

หลิวเห้าปอตอนนี้กลับถูกหมัดนี้ของหลี่ฝางตกใจกลัวจนเสียสติไปหมด แล้วถูกหลี่ฝางทำตาเขม็งใส่อีก ยิ่งตกใจจนเข่าอ่อนนั่งลงไปกองกับพื้น ร่างกายส่วนล่างก็ส่งกลิ่นเหม็นโชยออกมา

เขาตกใจกลัวจนปัสสาวะราดไปแล้ว

“ใครมาก่อเรื่อง! คุณชายหลิว? เรื่องอะไรกันแน่? ใครกล้าทำร้ายคุณชายหลิว!”

คนที่รับผิดชอบจัดงานเลี้ยงก็รีบเบียดออกมาจากฝูงชน เมื่อเห็นสถานการณ์นี้แล้วก็ตะโกนขึ้นมาทันที

“ลูกพ่อ ใครทำร้ายลูกล่ะ?” พ่อหลิวก็แหวกฝูงชนออกมา เมื่อเห็นสภาพลูกชายตัวเองเป็นเช่นนี้ เขาโกรธจนแทบจะบ้าคลั่ง

“แกเป็นแค่คนขับรถคนหนึ่ง ก็กล้ามาทำร้ายคนเหรอ?” พ่อหลิวถึงกับรู้จักหลี่ฝาง พูดตะคอกใส่ด้วยความโกรธจนเสียสติ “เป็นเพราะหยางฉงสั่งให้แกทำอย่างนี้ใช่ไหม?”

“ฉันก็แค่เห็นลูกชายแกขัดหูขัดตา เลยคิดอยากจะตื้บสักที!” หลี่ฝางพูดอย่างเรียบๆ “อีกอย่างตอนนี้ฉันก็ลาออกแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหยางฉงเลย”

“แต่จงใจอวดเบ่งโอหังใส่ฉันใช่ไหม?” พ่อหลิวโกรธจนแทบบ้าคลั่ง “คอยดูนะฉันจะหาคนมากระทืบแกให้ตายไปเลย!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท