NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1041 ความวุ่นวายในงานเลี้ยง

บทที่ 1041 ความวุ่นวายในงานเลี้ยง

“ทำไมต้องไปสนใจญาติพี่น้องพวกนั้นด้วยล่ะ!” หยางฉงอดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดังพูดออกมาว่า “สำหรับพ่อแล้ว ระหว่างญาติพี่น้องพวกนั้น หรือว่าฉันที่เป็นลูกสาวแท้ๆในไส้คนนี้ใครจะสำคัญกว่ากันแน่! พวกเขาคิดจะเอาฉันไปแลกกับผลประโยชน์ แล้วทำไมไม่เอาลูกสาวของตัวเองไปแลกบ้างล่ะ!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว น้ำตาของหยางฉงก็ไหลนองออกมา

“น้องเอ้ย……” หยางหุยเมื่อเห็นน้องสาวตัวเองร้องไห้แล้ว ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี “แท้จริงแล้ว พ่อเองคงรู้สึกว่าหลิวเห้าปอไอ้หมอนั่นก็ไม่เลวนัก เมื่อแกได้อยู่กินกับเขาแล้ว อาจไม่แน่……”

“เขามีสิทธิ์อะไรมาคิดอย่างนี้ล่ะ! เรื่องของฉัน ฉันตัดสินใจเองได้ เขาคิดว่าฉันจะมีความสุขฉันก็ต้องมีความสุขอย่างงั้นเหรอ?”

“น้องฉง ฮ้าย! แก…….”

ในขณะที่หลี่ฝางมารับหยางฉงนั้น เห็นสีหน้าท่าทางของหยางฉงรู้สึกแย่ขึ้นกว่าเดิม ตอนเช้าเพิ่งจะผ่อนคลายไป ตอนนี้ก็แบกรับความกดดันที่หนักอึ้งอีกแล้ว

“จะกลับไปหรือเปล่าครับ?” หลี่ฝางถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“คืนนี้คุณไปเป็นเพื่อนในงานเลี้ยงหน่อยสิ” หยางฉงนั่งพิงอยู่เบาะหลังรถพูดขึ้นด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย

เมื่อเห็นสภาพท่าทางอ่านเพลียเช่นนี้ของหยางฉงแล้ว หลี่ฝางก็ไม่อาจจะปฏิเสธเธอได้

“ได้ งั้นฉันไปส่งคุณกลับไปก่อนก็แล้วกัน”

“อึม รบกวนคุณหน่อยนะ” หยางฉงก็ฝืนความรู้สึกให้คึกคักขึ้นมาบ้าง “ขอบคุณมาก คืนนี้ช่วยฉันกันคนที่น่ารำคาญพวกนั้นออกไปหน่อย”

ในไม่ช้า หลี่ฝางก็พาหยางฉงกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ แต่ไม่ได้ขึ้นไป นั่งรออยู่ในรถเพื่อให้หยางฉงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วลงมา

เมื่อหยางฉงปรากฏตัวตรงหน้าหลี่ฝางอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของหลี่ฝางก็ลุกวาวแวบขึ้นมาทันที

หยางฉงใส่ชุดราตรีสีแดงสลับดำ ให้ความรู้สึกสวยงามสง่ามีเสน่ห์และสูงส่งอย่างวิเศษสุด บุคลิกท่าทางที่พิเศษเช่นนั้นทำให้ผู้คนเห็นแล้วอยากที่จะลืมเลือนได้

“รีบออกรถเร็ว!”

ถูกสายตาของหลี่ฝางจ้องมองจนรู้สึกเขินอาย หยางฉงอดไม่ได้ที่พูดขึ้นมา

หลี่ฝางหัวเราะเสียงดังลั่น แล้วรีบขับรถออกไป ในไม่ช้าก็มาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง เป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง

ในไม่ช้าทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในห้องโถงงานเลี้ยง

มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้น ล้วนแต่แต่งชุดเต็มยศเป็นทางการทั้งนั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นชุดเสื้อสูทที่เนี้ยบดูดี

หลี่ฝางมองดูชุดแต่งกายลำลองแบบสบายของตัวเอง รู้สึกเคอะเขินขึ้นมาทันที

ก่อนหน้านั้นหยางฉงก็จะให้เขาใส่ชุดเสื้อสูท แต่เขาเกี่ยงว่าใส่ชุดสูทแล้วไม่ถนัดจึงไม่ตกลง หยางฉงก็เลยไม่บังคับ

ตอนนี้มองไปแล้ว กลับเป็นจุดเด่นสะดุดตาไปแล้ว

หยางฉงสังเกตเห็นอาการเคอะเขินของหลี่ฝาง จึงเอามือป้องปากหัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า “หลี่ฝาง ฉันจะไปทักทายเพื่อนทางโน้นหน่อย คุณไปหาที่นั่งก่อนก็แล้วกันนะ”

หลี่ฝางพยักหน้า เดินไปที่ปลอดคนแล้วหาที่นั่งหลบมุม

นั่งอยู่ที่นี่ถึงแม้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นแล้วก็ย่อมรู้สึกประหลาดใจ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นที่สะดุดตามากเท่าไรนัก

ในเวลานี้เอง ห่างออกไปไม่ไกลนักก็มีกลุ่มคนห้อมล้อมชาวต่างชาติคนหนึ่งไว้ ทันใดนั้นชาวต่างชาติคนนั้นก็ได้เห็นหลี่ฝางที่นั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบเงียบ

ชาวต่างชาติคนนี้ถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง คิดว่าตัวเองมองคนผิดไป รีบจ้องมองอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ยิ่งตกตะลึงไปชั่วขณะ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? คุณโฮ่เอ่อ?” กลุ่มคนที่อยู่รอบข้างพวกนั้นพบว่าชาวต่างชาติคนนี้มีอาการผิดปกติไป จึงมองตามสายตาเขาไป ก็เห็นหลี่ฝางที่แต่งกายผิดปกติไม่เหมือนคนอื่น ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่! ยามรักษาความปลอดภัยที่นี่ทำไมถึงให้คนพวกนี้มั่วเข้ามาได้! ทันใดนั้นก็มีชายวัยกลางคนพูดขึ้นมาอย่างดุดัน

“เดี๋ยวฉันไปเรียกยามรักษาความปลอดภัยให้ไล่เขาไป” อีกคนหนึ่งก็รีบพูดอย่างนอบน้อมว่า “จะได้ไม่ต้องให้เขาอยู่ที่นี่ทำให้แขกพวกเราตกใจไปหมด”

“อย่าอย่าอย่า” โฮ่เอ่อรีบโบกมือ “ไม่ต้องสนใจเขาหรอก เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย”

“คุณโฮ่เอ่อช่างเป็นคนที่ใจกว้างจริงๆ” คนกลุ่มนั้นก็พูดยกยอด้วยความนอบน้อม

ส่วนสายตาของโฮ่เอ่อแอบชำเลืองไปมองหลี่ฝางหลายครั้ง ขณะยืนคุยกับคนกลุ่มนั้นสักครู่หนึ่งก็หาข้ออ้างเพื่อที่จะเดินจากไป

“เขา เขาทำไมมาอยู่ที่นี่ได้……” ฝีเท้าก้าวย่างของเขาเร่งรีบขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

หลี่ฝางตอนนี้ไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกคนอื่นจำหน้าได้แล้ว อีกทั้งไม่เพียงแต่มีแค่คนกลุ่มเดียวที่จับตามองเขาอยู่

ตอนนี้ หลิวเห้าปอที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักก็ได้มองเห็นหลี่ฝางแล้ว จึงบันดาลโทสะขึ้นมาทันที

“ไอ้บัดซบนี้ ถึงกับมาถึงที่นี่เชียว!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัด

“คุณชายหลิวพูดถึงใครอยู่เหรอ?” กลุ่มคนพวกลูกคนรวยที่อยู่ข้างกายเขาก็รู้สึกแปลกใจ จึงหันหลังไปมอง ก็พบหลีฝางทันที

“นี่เป็นใครกันแน่ แต่งตัวแบบนี้ก็ยังกล้ามาที่นี่เหรอ?”

“ฮึ่อ เขาก็คือโล่กำบังคนนั้นไง!” หลิวเห้าปอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วพูดว่า “ดูท่าแล้วหยางฉงจงใจที่จะพาเขามายั่วโมโหฉันแน่เลย!”

“คุณชายหลิว ฉันจะช่วยคุณไปสั่งสอนเจ้าหมอนั้นเอง” ลูกคนรวยที่อยู่ข้างตัวหลิวเห้าปอทำตากลอกไปมา แล้วหัวเราะออกมา

ผู้คนต่างก็รู้สึกว่ามีเรื่องดราม่าให้ดูแน่นอน จึงทยอยเดินตามคนนั้นไป

“น้องชายท่านนี้ ฉันรู้สึกว่าคุณหน้าคุ้นจังเลย!”

คนนั้นก็เดินมาตรงหน้าหลี่ฝางอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยปากพูดว่า “ฉันชื่อจางยู่ ไม่ทราบว่าน้องชายท่านนี้มาจากตระกูลไหนกันเหรอ?”

หลี่ฝางเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเป็นหน้าของหลิวเห้าปอ เมื่อเห็นดูสีหน้าที่ไม่ประสงค์ดีนั้นแล้ว ก็เข้าใจดีว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นจะทำมาอะไร

“ตระกูลไหนก็ไม่ใช่ทั้งนั้น มาขับรถให้กับเจ้านาย” หลี่ฝางพูดตามตรง

“อะไรนะ? ขับรถเหรอ? งั้นแกก็เป็นแค่คนขับรถคนหนึ่งน่ะสิ?” จางยู่จงใจตะโกนพูดเสียงดังขึ้น “แกเป็นแค่คนขับรถเข้ามาได้ยังไงกัน? เจ้านายแกเป็นใคร ไม่ได้สอนมารยาทแกเหรอไง?”

หลี่ฝางพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “มีคนเขาเชิญฉันเข้ามา”

จางยู่ก็ทำเป็นแกล้งไม่ได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง หันหลังกลับไปโบกมือเรียกยามรักษาความปลอดภัยเข้ามา

“ทำไมงานเลี้ยงระดับห้าดาวอย่างนี้พวกแกถึงกับปล่อยให้คนแบบนี้เข้ามาได้” จางยู่ด่าตะคอกใส่ยามรักษาความปลอดภัย “พวกแกไม่คำนึงถึงความปลอดภัยมั่งเลยเหรอ?”

ยามรักษาความปลอดภัยหน้าเสียทันที หยางฉงพาหลี่ฝางเข้ามา พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะห้ามได้นี่นา!

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท