“คุณหนูหยาง ในที่สุดฉันก็หาคุณจนพบ!” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังแว่วมาจากข้างนอก จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งท่าทางดูสง่าเรียบร้อย อายุราว30กว่าเดินเข้ามา
หยางฉงคิดอยู่สักครู่ก็นึกขึ้นได้ว่าผู้ชายคนนี้มาหาตัวเอง จึงรีบถามว่า “คุณคือ……”
“ฉันชื่อต้ายหมิง เป็นเลขาของโจวซู ” ผู้ชายคนนั้นยิ้มแล้วพูดว่า“โจวซูอยากจะขอเชิญท่านและน้องชายที่ช่วยเหลือโจวซูคนนั้นไปพบหน่อย”
หลี่ฝางได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ท่านพี่โจหายดีแล้วเหรอ?”
เขาคิดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนคนนั้นที่เขาช่วยไว้ตอนเช้านี้ พอตกกลางคืนฝ่ายตรงข้ามก็หาตัวเองพบแล้ว
“น้องชาย คุณใช่ไหมที่ช่วยโจวซูเอาไว้? ฮ่าๆๆ โจวซูตอนนี้หายดีแล้ว รีบตามฉันมาเถอะ โจวซูรอคุณอยู่นะ!”
ต้ายหมิงพูดพลางเดินเข้ามาหา
หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ฉันคิดอยากจะไปแต่ก็ไปไม่ได้แล้ว ยังมีเรื่องยุ่งยากรออยู่เลย!”
ต้ายหมิงมองดูบริเวณรอบๆที่วุ่นวายเลอะเทอะไปหมด ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
ในไม่ช้า หัวหน้าคณะตำรวจก็เดินเข้ามาเล่ารายละเอียดสถานการณ์ให้ฟัง
หลังจากต้ายหมิงรู้ที่มาที่ไปของเรื่องแล้ว จึงจุงมือหัวหน้าคณะตำรวจคนนั้นแล้วพูดกระซิบอะไรสักอย่างหนึ่ง
จากนั้นหัวหน้าคณะตำรวจเดินกลับมาแล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกคุณเตรียมที่จะไกล่เกลี่ยกันเองได้แล้ว งั้นก็จัดการกันเองก็แล้วกันนะ!”
พวกตำรวจก็จากไปอย่างรวดเร็ว
“คุณหลี่ หมดเรื่องแล้ว พวกเราไปกันเถอะ” ต้ายหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม
หลี่ฝางก็ยิ้มเล็กน้อย แล้วส่งสัญญาณให้หยางฉง
“ฉันไปด้วย!” หยางฉงดีใจที่โผวิ่งเข้ามา กอดแขนของหลี่ฝางไว้ แล้วเดินไปพร้อมกับหลี่ฝาง
ผู้คนที่เหลืออยู่ในงานเลี้ยงต่างก็มองหน้ากัน แล้วหันไปมองพ่อหยางเป็นครั้งคราว
พวกเขารู้ว่า ตระกูลหยาง กำลังจะโชคดีแล้ว!
พวกหลี่ฝางสามคนก็มาถึงโรงพยาบาลประจำเมือง ต้ายหมิงก็เดินนำทาง ทั้งสามคนก็มาถึงห้องผู้ป่วยห้องหนึ่ง
เมื่อเข้าไปในห้องผู้ป่วยแล้ว ก็เห็นโจวซูที่ตัวเองเคยช่วยไว้เมื่อเช้านี้กำลังส่งยิ้มให้ตัวเองแล้วพูดว่า “เจ้าน้องชาย คิดไม่ถึงล่ะสิฉันจะหาก็คุณเจอได้เร็วขนาดนี้?”
หลี่ฝางก็หัวเราะขึ้นมา “พี่ชายช่างร้ายกาจจริงๆ แล้วร่างกายตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“โชคดีที่มีคุณอยู่ ไม่เช่นนั้นแล้ว ขาของฉันนี่คงพิการไปแล้วล่ะ” โจวซูพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้กลับไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมากแล้ว นอนพักฟื้นสักพักก็หายดีแล้วล่ะ”
โจวซูในเวลานี้ไม่ได้วางฟอร์มอะไรเลย ดูไปแล้วก็เหมือนรุ่นคุณลุงธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น
หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมก็แค่เดินผ่านไปพอดี คงจะไม่ช่วยก็ไม่ได้แล้วสิ?”
“เจ้าหนูน้อย ฉันชอบนิสัยคุณแบบนี้” โจวซูยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนี้คุณบอกฉันได้แล้วยังว่าคุณชื่ออะไร?”
“หลี่ฝาง” ชื่อนี้หลี่ฝางก็เพิ่งจะรู้เมื่อครู่นี้เอง ก็ไม่ปิดบังที่จะบอกโจวซู อีกแล้ว
“ชื่อนี้ไม่เลวเลยนะ” โจวซูพูดด้วยรอยยิ้ม
หลี่ฝางมองดูโจวซูไม่ได้คิดมากเพราะชื่อนี้ของเขา ในใจก็ค่อยโล่งอก
ทั้งสองคนคุยกันไปนานพอสมควร หลี่ฝางก็ได้รู้เรื่องของโจวซูไม่น้อยเลย และพูดเรื่องของหยางฉงไม่น้อยเช่นกัน แต่สำหรับเรื่องของตัวเองนั้นเขากลับไม่รู้เรื่อง จึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
หลี่ฝางไม่พูด โจวซูก็ไม่ได้ถาม เขาเพียงแต่ยอมรับรู้ว่าหลี่ฝางช่วยเขาไว้ นิสัยไม่เลว เรื่องอย่างอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปถามอีกแล้ว
พูดคุยกันไปอีกสักครู่หนึ่ง หยางฉงก็ค่อยๆกระซิบเตือนหลี่ฝาง หลี่ฝางรับรู้แล้วว่าเวลาก็ใกล้ค่ำแล้ว จึงขอตัวอำลาโจวซู
โจวซูก็ไม่ได้ลั่งพวกเขาไว้ เพียงแต่บอกว่าวันหลังให้มาเยี่ยมเขาอีก หลี่ฝางก็ย่อมตอบตกลง จากนั้นก็พาหยางฉงจากไป
ระหว่างทางนั้น หลี่ฝางพูดกับหยางฉงว่า “คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับอดีตของฉันหรือเปล่า? ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”
“ฉัน…..ฉันก็เพิ่งจะรู้เมื่อกี้นี้เอง รู้มาก็ไม่มาก……” ถึงแม้หยางฉงพูดเช่นนี้ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหลี่ฝาง จึงเล่าเรื่องเท่าที่ตัวเองพอรู้นิดหน่อยให้หลี่ฝางฟัง
คนหนึ่งพูดอีกคนหนึ่งฟ้งเป็นเช่นนี้ พูดคุยกันตลอดทาง จนกลับมาถึงบ้าน หยางฉงก็เกือบจะเล่าจบพอดี
สภาพจิตใจของหลี่ฝางรู้สึกสับสนมาก ในอดีตของเขาช่างมีสีสันอะไรเช่นนี้ ส่วนความทรงจำของเขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับคืนมาได้
หนึ่งคืนผ่านไป
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ขณะที่หลี่ฝางทำกับข้าวเสร็จแล้ว พอดีหยางฉงก็ตาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาแล้วเดินออกมาจากห้องนอน
“รีบมากินข้าวเร็ว” หลี่ฝางพูด
“วันนี้ฉันไม่ไปบริษัทแล้วนะ” ใบหน้าของหยางฉงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย “อีกเดี๋ยวจะไปเดินช็อปปิ้งกัน!”
“คุณไม่ไปจริงเหรอ?” หลี่ฝางนึกถึงเมื่อคืนที่หยางฉงทะเลาะกับพ่อของเธอจึงพูดประชดเช่นนั้น
“บอกว่าไม่ไปก็ไม่ไปสิ ฉันถูกบริษัทไล่ออกแล้ว!” ดูราวกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอก หยางฉงรู้สึกเต็มไปด้วยความสดชื่นและคึกคักไปทั้งตัว
ขณะที่หลี่ฝางกำลังดีใจไปกับหยางฉงอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูจากข้างนอก
หลี่ฝางยิ้มให้หยางฉงแล้วพูดว่า “คุณไปล้างหน้าแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปดูว่าใครมา”
พอเปิดประตูออกมา หลิวฮุยที่อยู่ข้างนอกประตูเห็นสภาพหลี่ฝางที่แต่งตัวอยู่กับบ้านเช่นนี้ ก็รู้สึกมึนตึ๊บไปเลย
“หลี่ฝาง แกเปลี่ยนอาชีพแล้วเหรอ? เป็นคุณชายระดับเศรษฐีไม่เอากลับมาเป็นแม่บ้านที่นี่เหรอ?” หลิวฮุยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วพูดแซวขึ้นมา
“แกเป็นใครกันเนี่ยะ” หลี่ฝางถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่พูดเล่นแล้วก็ได้ ฮาๆ หลี่ฝาง ทำไมแกมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ล่ะ?”
มองดูท่าทางของหลิวฮุยที่บอกว่าไม่ล้อเล่นแล้วก็ยังหัวเราะเสียงดังอีก หลี่ฝางแทบจะอดไม่ได้ที่จะเข้าไปกระทืบเขาสักที
“แกเป็นใครกันแน่? แล้วมาทำอะไรกัน?”
เสียงหัวเราะของหลิวฮุยก็หยุดลงทันควัน
“ฉันคือหลิวฮุย ผู้จัดการของต้าเซี่ยหลงเช่วไง แกจำฉันไม่ได้แล้วเหรอ?”
“เข้ามาก่อนสิ” หลี่ฝางสังเกตดูหลิวฮุยอย่างละเอียด แน่ใจแล้วว่าเขาไม่ประสงค์ร้าย จึงให้เขาเข้ามาข้างใน
หลิวฮุยงงเป็นไก่ตาแตก เดินตามหลังหลี่ฝางเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นสภาพภายในห้องครั้งแรกถึงกับอึ้งไปเลย
เห็นสาวงามคนหนึ่งที่ใส่ชุดนอนนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร ดูเหมือนกำลังจะแอบกินอาหาร เมื่อถูกหลี่ฝางมาเห็นเข้า ก็รีบนั่งตัวตรงเรียบร้อย แล้วมองดูหลี่ฝางด้วยสีหน้าไร้เดียงสา